๐๐๐--- อยู่กับฝรั่ง--- 4 ๐๐๐

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ครูมีลูกศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่จบจากมหาวิทยาลัยนี้ต้องการไปเรียนปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะถึงกำหนดเดินทางก็ต้องการฝึกภาษากับครูสักหนึ่งเดือน โดยเขาจะมาหาครูทุกเย็นด้วยเขาพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย

   พอตอนเย็นเขาก็ถีบจักรยานมาที่บ้าน ดาเป็นคนต้อนรับขับสู้ด้วย อย่างน้อยก็เตรียมหาน้ำให้ดื่มและบิสกิตด้วย พี่นิดเป็นคนน่ารักเรียนเก่ง เขาพาครูกับดาไปบ้านที่นครปฐม พบคุณแม่พี่นิดที่เป็นคนแก่แบบชนบทนุ่งโจงกระเบน ทำงานตรวจสวนกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ เป็นกล้วยไม้สีม่วงที่ใช้ถวายพระ ที่เห็นทำขายเป็นกำ การที่ครูได้มาเห็นสวนและบ้านไม้ใต้ถุนสูงทำให้ตื่นเต้นและชอบพี่นิดขึ้นมามากจนถือว่าสนิทกัน จนกระทั่งพี่นิดบินไปแล้วก็ยังเล่ามาอีกว่าโดน Pick pocket ตอนแวะที่สนามบินญี่ปุ่นพาสปอร์ตและเอกสารโดนเอาไปหมด เมื่อถึงที่อยู่แล้วก็ยังเขียนจดหมายมาคุยด้วย ตอนพี่นิดมาที่บ้าน ดาต้องคอยต้อนรับ บ้านช่องควรจะเรียบร้อย พอดีกับสภาพบ้านเก่าบางครั้งจึงมีเครื่องใช้ที่ชำรุด เช่นชักโครกเสีย ประตูล็อคไม่ได้มีน้ำหยดตามก็อกน้ำ หลอดไฟขาด ซึ่งดาต้องถีบจักรยานราวกิโลเมตรครึ่งออกไปสามแยกหน้ามหาวิทยาลัยหาซื้อมาเปลี่ยน

  ความรู้สึกตอนนี้อยากให้คุณ
อนาวิลมาช่วยมาคุยด้วยเสียเหลือเกิน ได้แต่ให้แม่บ้านไปตามช่างกว่าจะมาได้ก็ต้องรอด้วยความกระวนกระวายใจ ส่วนกรณียางรถจักรยานของครูแบนก็ช่วยกันสูบแบบขาเหยียบได้ ถ้ารั่วซึมยางแฟบในตอนเช้านั่นหมายถึงครูต้องเดินออกไปหน้าซอยบ้านแล้วอาจจะเป็นพวก Hitchhiker ( โบกอาศัยโดยสาร ) ก็เป็นได้

 ส่วนในกรณีต้องปะยาง ดาต้องเดินจูงจักรยานไปร้านนั่งรอกว่าจะซ่อมเสร็จ หรือแม่บ้านนำไปทำแทน ถือว่าดาได้อยู่ในวงการ ' ช่าง ' แล้ว

ฝรั่งคนที่สอง

อยู่บ้านนี้ได้สักสองสามเดือนครูก็มาบอกว่าจะมีอาสาสมัครแคนาเดี้ยนมาอยู่ด้วยอีกคนหนึ่งนะ เป็นผู้หญิง ห้องที่ดาอยู่จึงต้อง
ย้ายออกมาอยู่ห้องเล็กกว่าเพื่อหลีกทางให้คนใหม่ แต่ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ดาแต่อย่างใด เมื่อครูภาษาอังกฤษคนใหม่ย้ายมา

  ดารู้สึกดีมากๆเพราะเขาสวยและยิ้มง่ายดู Friendly มากๆเลยทีเดียว ทั้งสามคนกลมเกลียวกันอย่างนึกไม่ถึงตลอดการอยู่ร่วมกัน

Sarah มีเพื่อนชื่อ Patric ขับรถสปอร์ต Datsun fairlady มาเยี่ยมบ่อยๆ เขาทำงานที่สถานทูต สิ่งที่นำมาให้คือเบียร์ขวดเล็กสีชาเอามาเป็นลัง และบางครั้งก็มารับซาร่าห์นั่งรถสปอร์ตไปเที่ยวด้วย ซาร่าห์ตัวโตเท่าครูแต่ร่างกายดูแข็งแกร่งกว่าครูๆดูนุ่มนิ่ม ซาร่าห์เป็นคนสวยตาสีฟ้าออกเขียว ผมบลอนด์ออกน้ำตาลนิดหน่อย ขนที่แขนสีทอง ไว้ผมบ็อบหยักศกตามธรรมชาติ  เวลานั่งอ่านหนังสือ จะใช้นิ้วชี้ไปขมวดม้วนผมเล่นเป็นท่าที่ทำประจำ เมื่อมีคนทานอาหารสามคน ดูว่าแม่บ้านจะมีงานมากขึ้น และบ้านเราก็รู้สึกเป็น 'บ้าน' ขึ้นมาจริงๆ แต่ที่เหมือนกันทั้งสามคนคือ ไม่มีใครชอบทำอาหารกิน ดังนั้นการหาร้านประจำในรั้วมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นและทำให้การเดินออกไปทานอาหารสำหรับเสาร์อาทิตย์เป็นสิ่งที่ทำประจำเคยมีสักครั้งสองครั้งที่ครูจะทำFudge กวนนมและชอคโกแล็ตอยู่เป็นนาน สิ่งที่ดาไม่ได้รับการถ่ายทอดจากครูเลยก็คือเรื่องอาหาร แต่เรื่องภาษาดาคิดว่าพูดได้ดังใจ ในเมื่อครูยังอ่านนิยายในสกุลไทยออกปร๋อ เป็นสิ่งที่ดาภูมิใจที่สอนภาษาไทยครูได้ขนาดนี้

  ส่วนซาร่าห์พูดไทยหางเสียงลอยๆในตอนมาใหม่ๆ พอนานไปจะออกจากบ้านก็มักจะพูดดังๆว่า " ไป... ไป.. ไปได้แล้ว "

   แต่ถ้าไม่ได้ไปด้วยกัน ดาอยู่บ้าน ครูก็ไม่เคยพูดภาษาไทย พูดแต่ว่า " See you later " และดาก็ต้องตอบ "Have a fun " ทุกทีไป ส่วนทัก Good Morning กับ Good Night แถม Sleep well ครูเอ่ยเป็นประจำ แต่ที่ดาติดมาคำหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
คือร้องคำอุทาน Oops ตามครูไปแล้ว

ครูและซาร่าห์มีกิจกรรมร่วมกันคือ เล่นเทนนิสที่คอร์ตของมหาวิทยาลัย ส่วนดาก็ยังต้องไปเรียนตอนเย็นที่เกอเธ่ตามปกติ กลับบ้านก็ค่ำมาก ทานอาหารที่ทั้งสองเก็บหรือเหลือไว้ให้ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ หากแต่ว่าดาเหมือนมีครูสอนภาษาเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างจากเดิมมากนักเพราะการฟังสำเนียงคนแคนาเดี้ยนกับอเมริกัน ดาว่าไม่ต่างกันตรงไหนเลย ฉะนั้นซาร่าห์จึงไม่ค่อยได้พูดภาษาไทยกับดาเท่าใดนัก กลายเป็นว่าใช้ภาษาอังกฤษกันทั้งบ้าน แทบทุกเย็นต่างก็ดื่มเบียร์ที่แพทริคเอามาให้ เบียร์อ่อนดีกรีแอลกอฮอลล์ไม่ทำให้ดามึนเมาอะไรด้วยว่าเป็นขวดเล็ก และมีไม่ขาดบ้าน

วันหนึ่งได้พากันไปเล่นโบว์ลิ่งที่ดุสิตโบว์ที่ใกล้สนามเป้าเพิ่งเปิดเป็นแห่งแรกในกรุงเทพ ลูกโบว์ลิ่งหนักมากสำหรับแขน
เรียวๆของดา เล่นสักพักก็ไม่ไหว ให้แต้มก็ไม่เป็นจึงได้แต่นั่งดูครูทั้งสองเล่น ได้เหงื่อทั้งสองคน ดูว่าครูแจ่มใสมากตั้งแต่มีซาร่าห์มาอยู่ร่วมด้วย

 การเรียนของดาก็เป็นไปตามปกติ ครูพูดว่าดานอนวันละสิบสองชั่วโมง เพราะตอนกลางคืนเมื่อไม่มีอะไรทำดาก็เข้าห้องนอนตอนสองทุ่ม ไม่ได้เคร่งเครียดในการเรียน ชีวิตดำเนินอย่างสบายๆ มีวันหนึ่งดาไปเรียนตอนเย็นที่เกอเธ่ครูไปทำธุระแถวนั้นแล้วบอกจะแวะมาหาจะได้กลับบ้านพร้อมกัน เมื่อเลิกเรียนก็เจอครูรออยู่ ตอนเดินจากถนนพระอาทิตย์มีแม่ค้าหาบนกกระจอกหรือกระจิบไม่แน่ใจ ทอดขายในหาบ ครูก็อยากกิน ตกลงซื้อและกินกันอย่างอร่อย มานึกภายหลังแล้วไม่รู้ว่ากินเข้าไปได้อย่างไรกัน

อีกวันหนึ่งเหตุการณ์เกิดแถวที่เกอเธ่เช่นเดียวกัน ช่วงเวลานั้นรถรางก็กำลังจะเลิกวิ่ง ดากับเพื่อนก็ขอนั่งสักหนส่งท้ายสายบางลำพู เป็นความประทับใจอย่างมาก

 ช่วงเวลานั้นคุณอนาวิลก็ไม่ได้หายไปไหน ยังเจอกันที่สถาบันบ่อยๆ แต่ในค่ำวันหนึ่งเมื่อดาเดินออกมาจากห้องเรียนที่
เกอเธ่ดาก็เห็นคุณอนาวิลยืนอยู่ใกล้ประตูสถาบัน เพื่อนชายที่เรียนด้วยกันก็บอกว่า

"แน่ะ มีคนมารับแล้ว" เขารู้พูดได้อย่างไร ถึงจะเป็นนักศึกษาเรียนสถาบันเดียวกันก็เถอะ แต่เขาพูดไม่ผิดเมื่อคุณอนาวิลเดิน
เข้ามาหาดา บอกว่า

"เดี๋ยวไปส่งบ้านนะฮะ" ดารับฟังอย่างแปลกใจ ถามว่า

" มาได้ยังไงคะ "

" เอารถคุณพ่อมาฮะ " เขาเดินนำดามาที่รถกลางเก่ากลางใหม่ ไขกุญแจเปิดประตูให้ดาขึ้นนั่งและปิด อ้อมเดินมาขึ้นฝั่งนั่งขับ
ออกจากถนนหน้าเกอเธ่ไป

ดารู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาคอยรอรับ ในหัวก็นึกถึงแต่คำสอนของพี่ชายที่เคยพูดบอกไว้ว่า ' อย่าไป
อยู่ใกล้ผู้ชาย มันวูบเอาง่ายๆ..'

   คำพูดครั้งเดียวของพี่ชายเสมือน ยันต์ กันตัวที่นึกเสมอ ดังนั้น เขาและดาไม่ได้พูดอะไรกันเลยในระหว่างทาง จนกระทั่งรถวิ่งมาถึงถนนประดิพัทธ์และตรงมาทางย่านพหลโยธินซึ่งเป็นถนนสายที่มืด ทำให้ดาขยับตัวอย่างระแวง และถามว่า

" ทำไมมาทางนี้คะ "

" ทางลัด ไม่ต้องอ้อมไปสะพานควายฮะ" ดาก็รู้ว่าใช่ แต่มันมืดนะ ใจก็ไม่สงบ แทนที่จะรู้สึกดีๆหรือคุยอะไรกัน ก็เปล่า

สักพักก็ถึงรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อรถเริ่มเข้าถึงถนนหน้าบ้าน ดาก็ถามเขาว่า

" เข้าบ้านก่อนไหมคะ" พอรถมาจอดหน้าบ้านและดาเปิดประตูลงมาเอง

" ไม่ละฮะ คุณพ่อรอทานข้าว " ดา ร้องอ้าวในใจ แล้วก็ยกมือไหว้พร้อมเอ่ย

"ขอบคุณค่ะ " เขายิ้มรับมองหน้าสักพักก็พูดว่า

" ไปแล้วนะฮะ "

" กู้ดไนท์ ค่ะ" ดาพูดก่อนปิดประตูรถเขา รอเขากลับรถจนรถเคลื่อนจากไป เขาจะถึงบ้านกี่โมงกัน พ่อรอแย่แล้ว ดานึกในใจ

เมื่อเข้าบ้านดารีบระล่ำระลักเล่าให้ครูฟัง จนครูขำ ว่าทำไมดาต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ดาเพิ่งรู้สึกตัวเองว่า จริงที่ครูพูด ดาไม่เคยนึกอะไรกับใครหลายๆคนที่มาสนใจ ถือเป็นเรื่องธรรมดาในหญิงในหมู่ผู้ชาย แต่วันนี้เขา
' รุก ' มาอีกก้าวหนึ่งแล้ว ไม่น่า
เชื่อว่าภาพนี้จะอยูในความจำตลอดไป

(มีต่อค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่