จังหวัดแรกของการเดินทางท่องเที่ยววิถีไทย แบบเกร๋ๆ
ซึ่งปีนี้ ททท. เค้าก็ได้ใช้แคมเปญนี้ในการโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศไทย
แต่ท่องเที่ยววิถีไทยนี่มันยังไงละ กินผัดไทเหรอ หรือต้องไปต่อยมวยไทย
เราว่าอันนั้นมันเป็นแค่กิมมิกในโฆษณา
แต่อันที่จริง ททท. เค้าคงหมายถึงการท่องเที่ยวที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความเป็นไทยได้จริงๆ
และวันนึงเราก็ได้ออกเดินทางและคิดว่าทริปนี้แหละไท๊ยไทยดีจริงๆ
วันนี้จึงจะขอมานำเสนอแก่สายตาทุกท่านค่ะ
...
นี่คือแผนที่เดินทางในทรปนี้ของเรา นอกจากสถานที่หลักๆที่เราไป ในแผนที่จะมีสถานที่แนะนำ
ที่ควรแวะเมื่อผ่านเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น ภูทอก ที่เขียงคาน, วัดผาตากเสื้อ ที่นี่มีเกล็ดพญานาคริมโขง
หนึ่งในเคมเปญ dream destination ของ ททท. และก็ยังมีวัดหินหมากเป้ง
เลยไปอีกหน่อยก็จะเจอวังบัวชมพู ที่จังหวัดหนองคาย
...
ทริปนี้เราเริ่มที่เชียงคาน แต่อันที่จริงเราก็อาศัยอยู่ที่กรุงเทพเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ
แต่ว่าไปแวะนู่นแวะนี่เลยขอรวบรัดตัดตอนมาเริ่มต้นที่เชียงคานเลยแล้วกันนะคะ
ทริปนี้ต้องบอกว่าไม่ได้มีการวางแผนแบบตายตัวมีเพียงข้อมูลของสถานที่ต่างๆไว้
พอถึงเวลาเดินทางจริงก็ค่อยมานึกกันวันต่อวันว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะไปไหนกันบ้าง
แต่วันนี้ขอมาตั้งหลักปักฐานกันที่เชียงคานกันก่อน
ถ้าให้พูดถึงเชียงคานคงน้อยคนที่จะบอกว่าไม่รู้จัก
จริงๆแล้วแต่ก่อนเราไม่ค่อยมีแผนว่าจะเดินทางมาเที่ยวเชียงคานเลย
แต่ที่เมื่อครั้งแรกที่มาเชียงคานเพราะมาทำธุระที่จังหวัดเลย ก็เลยมานอนค้างที่เชียงคาน
ที่บอกว่าไม่เคยคิดอยากจะมาก็คงเป็นเพราะอคติของเราล้วนๆ
คือเชียงคานสำหรับเรามันกลายเป็นเมืองฮิต มีถนนคนเดินอะไรแบบนั้น
ใครๆก็มาคนล้นหลามมหาศาล นึกแล้วก็ชวนขนลุก
...
แต่เมื่อมาถึงเชียงคานอคติที่เคยมีก็กลายเป็นความชื่นชอบ
อ้าวไม่มีจุดยืนเลยนะเรา สาเหตุที่เราเปลี่ยนความคิดอาจเป็นเพราะ
เรามาเที่ยวเชียงคานในวันธรรมดา ไม่ใช่เสาร์ อาทิตย์ ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น
เชียงคานเมืองที่แสนยั๊วเยี๊ยะ จึงเงียบสงบเหมาะกับคนที่ไม่ชอบชีวิตแบบวุ่นวาย
ถ้าพูดถึงเชียงคานในด้านการท่องเที่ยวทุกคนคงรู้จักดี แต่จะมีใครรู้บ้าง
ว่าเมืองเชียงคานแห่งนี้เมื่ออดีตเคยเป็นส่วนนึงของ สปป.ลาว
และด้วยผลจากสงครามทำให้ส่วนนี้กลายเป็นของไทย ประวัติศาสตร์ไม่ขออธิบายมากแล้วกันนะคะ
เดี๋ยวรีวิวจะกลายเป็นจดหมายเหตุไป อิอิ
และเมื่อในสมัยโบร่ำโบราณเมืองเชียงคานมีชื่อเสียงในด้านการทำผ้าห่มฝ้าย ผ้านวมจากฝ้าย
ไม่น่าละเราสังเกตได้ว่าที่นี่มีร้านเย็บผ้าอยู่หลายร้าน ในสมัยก่อนคงมีอยู่เต็มไปหมด
แต่ในปัจจุบันความนิยมของผ้าห่มฝ้ายก็เริ่มลดลงจึงเหลือบ้านที่ทำอยู่ไม่กี่บ้าน
เสน่ห์ของเชียงคานถ้าให้พูดถึงแล้วคงอธิบายออกมาได้คร่าวๆประมาณว่า
เมืองเล็กๆ มีบ้านบ้านไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง และอากาศดีแทบจะทั้งปี
แล้วมันก็ใกล้เคียงกับที่เราบอกนั่นแหละค่ะ แต่เพียงว่าเดี๋ยวนี้บ้านไม้เก่าๆ ดั้งเดิม
ก็หลงเหลืออยู่น้อยเต็มที สิ่งปลูกสร้างเริ่มมีขึ้นมาใหม่ทั้งบ้านที่เป็นปูนเลยก็มี บ้านที่สร้างจากไม้ก็มี
บางที่ก็สร้างเลียนแบบพยายามให้เหมือนของเก่ามากที่สุด
เช่นธนาคารกรุงไทยซึ่งก็ทำออกมาได้ดีดูกลมกลืนกับของดั้งเดิม 7-11 ก็พยายามทำให้ดูเป็นบ้านไม้
แต่กลิ่นอายบ้านไม้แบบเก่าๆ มันก็ต้องเริ่มเจือจางไปตามกาลเวลา
ถึงเราจะไม่สามารถสต๊าฟให้เชียงคานอยู่แบบเดิมเหมือนเมื่อ 100 ปีก่อนได้
เสน่ห์ของเมืองเล็กแห่งนี้ก็ยังมีอยู่ เพราะไม่น่าเชื่อว่าอากาศที่นี่ดีจริงๆ แม้ว่าเราจะไปในช่วงฤดูร้อนก็ตาม
และน่าจะยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน เพราะฉะนั้นการขี่จักรยานท่องเมืองไปอย่างช้าๆ
แวะหาอะไรกินอร่อยๆ ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบกับอากาศเย็นๆ ก็ยังคงเหมาะสำหรับที่นี่อยู่
เราปั่นจักรยานทั่วเมืองได้โดยที่เหงื่อไม่ออกสักเม็ด (เพราะเราให้แฟนปั่นไง 555)
มาเอ่ยถึงรังนอนของเราเมื่อคืนกันบ้างดีกว่า เราพักที่ "เรือนริมโขง สมบัตินายท้ายเรือ"
ชื่ออาจจะยาวไปหน่อยแต่ที่พักโอเคค่ะ เนื่องจากมาถึงดึกมาก ที่อื่นๆปิดหมดแล้ว
ที่นี่ก็ปิดแล้วเช่นกัน แต่พอดีเดินหาอยู่มาเจอวงเหล้าของพี่ๆเหล่าฮิปสเตอร์รุ่นใหญ่
ก็เลยไปถามเค้าก็ช่วยเคาะเรียกเจ้าของให้ค่ะ ก็เลยได้ที่ซุกหัวนอนมาในคืนนั้น
ไม่อย่างนั้นคงได้นอนในรถเป็นแน่แท้
ที่พักดีค่ะ ราคา 800 บาท แต่ไม่มีอาหารเช้านะคะ ตอนเราไปห้องน่าจะพึ่งเสร็จ
เพราะนอนดมกลิ่นแล๊กเกอร์กันทั้งคืน แต่เราไม่ซีเรียสค่ะแค่ตอนเช้ามีอาการเหมือนคนเมากาวนิดหน่อย 55555
ที่นี่อยู่ติดแม่น้ำโขงเลยนะคะวิวดีมาก 800 บาทก็ถือว่าโอเคอยู่
...
ส่วนข้างๆมีที่พักชื่อน่ารักๆอีกที่คือ "นอนนับดาวรีสอร์ท"
ที่พักก็ดูน่ารักดีอันนี้จะเป็นรีสอร์ทแบบมาตรฐานๆหน่อยที่เราพักจะออกแนวชาวบ้านๆค่ะ
แต่จะมีบางห้องเท่านั้นที่เปิดประตูมาจ๊ะเอ๋แม่น้ำโขงเพราะฉะนั้นตอนจองลองถามให้ดีนะคะ
จะได้ห้องวิวสวยๆ ทั้งสองที่นี้อยู่เชียงคานซอย 3
เดี๋ยวจะพาไปส่องที่พักที่เราอยากมาพักนะคะ เสียดายนิดหน่อยเอาไว้คราวหน้าแล้วกัน
ที่นี่ค่ะ "บ้านชานเคียง ที่เชียงคาน" เกสเฮ้าส์เล็กๆ บรรยากาศน่ารักๆ
ส่วนที่นี่โรงแรมพูนสวัสดิ์ ที่น่าสนใจเพราะเป็นโรงแรมเรือนไม้แห่งแรกของอำเภอเชียงคาน
สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2493 โน้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าไปพักแล้วโรงแรมจะพุพังนะคะ 5555
เพราะเค้ามีการซ่อมแซมให้ดูใหม่อยู่ค่ะ
หลังจากไปชะโงกที่โรงแรมและรีสอร์ทต่างๆมา ก็แว๊บไปซื้อของฝากน่ารักกุ๊บกิ๊บกันที่
ร้านสองผัวเมียเกสเฮ้าส์สักหน่อยที่นี่ก็ตกแต่งร้านสวยน่ารักดีค่ะ
เป็นเกสเฮ้าส์และร้านขายของที่ระลึกชื่อดังของที่นี่
สิ่งนึงที่เมื่อมาเชียงคานแล้วน่าจะทำ ก็คือการใส่บาตรข้าวเหนียว
จริงๆมันก็ไม่ใช่ว่าต้องทำไม่ทำไม่ได้นะ แต่สำหรับเราคิดอย่างนึงว่า
เมื่อไปถึงสถานที่ต่างๆ และมีวัฒนธรรม ประเพณีอะไรที่เราสามารถปฏิบัติได้
ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราควรจะทำ เพราะปกติแล้วเราก็ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้บ่อยนักใช่มั้ยค่ะ
และบางทีอาจจะหาโอกาสทำแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำไป
และด้วยปนิธานอันแน่วแน่ต่อการสืบสานวัฒนธรรม เช้าวันนี้เราจึง....
ตื่นสาย 5555555555 อายจุง แต่เราก็ไม่ได้ละเลยตื่นปุ๊บเรารีบลงไปด้านล่าง
ถามคุณป้าเจ้าของที่พัก คุณป้าบอกพระผ่านตรงนี้ไปแล้วลูก
ป้าบอกให้เราไปดักที่หน้าวัดซิอาจจะทัน และบอกให้เราขี่จักรยานของที่พักไปด้วย
จากนั้นก็ปั่นยิกๆ ซิค่ะและแล้วเราก็ไปทันก่อนที่พระท่านจะเลี้ยวเข้าวัดไปซะก่อน
เอาน่าถึงจะดูชุกละหุกแต่เราก็มีความตั้งใจนะ (แก้ตัว) ถือว่าภารกิจสำเร็จ
ไหนๆก็มาถึงวัดก็เลยเข้าไปไหว้พระในโบสถ์สักหน่อย
วัดนี้ชื่อวัด วัดศรีคุนเมือง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2485 โน้นนนนนน เป็นวัดเก่าแก่ของเชียงคาน
ใส่บาตรให้พระฉันแล้วก็ได้เวลาหาอาหารทานเองบ้าง
ขี่จักรยานไปเรื่อย (ก็บอกแล้วว่าไม่มีแผน) ก็ไปเจอร้านอาหารร้านนึง
ดูคนเยอะน่าจะเป็นร้านเก่าแก่ ชื่อร้านลุกโภชนา รสชาติอาหารก็ใช้ได้
แต่เราชอบติ่มซำที่นี่จัง อร่อยขนาดตอนออกจากเชียงคานยังแวะไปซื้อเลย
….
อิ่มท้องเสร็จกลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยก่อนเก็บของเตรียมตัวออกจากเชียงคานแล้ว
ที่เชียงคานมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่หนึ่งก็คือ ภูทอก จุดชมวิวอันสวยงาม
หากใครโชคดีก็จะเจอทะเลหมอกสวยๆที่นี่ แต่วันนี้เราโชคไม่ดีค่ะ เพราะไม่ได้ไป
เราก็เลยไปแวะนิดหน่อยที่แก่งคุดคู้สถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่ควรแวะมาเยี่ยมชม
ห่างจากเชียงคานประมาณ 3 กิโล จริงๆสามารถขี่จักรยานไปเที่ยวได้เลย
ประวัติของแก่งคุ้ดคู้ (แบบสรุปสั้นมาก) ก็คือมีนายพรานมานอนตายคุ้ดคู้อยู่ที่ริมโขงค่ะ
แก่งหินนั้นจึงเรียกว่า "แก่งคุดคู้" อันนี้เป็นประวัติตามความเชื่อของชาวบ้านนะคะ
อันที่จริงแก่งนั้นก็คือก้อนหินที่ตั้งขวางอยู่บนลำนำ และโดนกระแสน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นแก่งใหญ่น้อยต่างๆ นั่นแล
ช่วงที่เราไปน้ำไม่เยอะ จึงเกิดเป็นหาดทรายขึ้นมาดูไปก็เหมือนทะเลเหมือนกันนะ
แถมแดดก็แรงพอๆกับไปทะเลเลย
หมดเวลาสำหรับเชียงคาน จังหวัดเลยพร้อมเดินทางสู่จังหวัดต่อไป
[CR] ท่องเที่ยววิถีไทย ไปแบบเก๋ๆ กับ 3 จังหวัดอีสานเหนือ
ซึ่งปีนี้ ททท. เค้าก็ได้ใช้แคมเปญนี้ในการโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศไทย
แต่ท่องเที่ยววิถีไทยนี่มันยังไงละ กินผัดไทเหรอ หรือต้องไปต่อยมวยไทย
เราว่าอันนั้นมันเป็นแค่กิมมิกในโฆษณา
แต่อันที่จริง ททท. เค้าคงหมายถึงการท่องเที่ยวที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความเป็นไทยได้จริงๆ
และวันนึงเราก็ได้ออกเดินทางและคิดว่าทริปนี้แหละไท๊ยไทยดีจริงๆ
วันนี้จึงจะขอมานำเสนอแก่สายตาทุกท่านค่ะ
...
นี่คือแผนที่เดินทางในทรปนี้ของเรา นอกจากสถานที่หลักๆที่เราไป ในแผนที่จะมีสถานที่แนะนำ
ที่ควรแวะเมื่อผ่านเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น ภูทอก ที่เขียงคาน, วัดผาตากเสื้อ ที่นี่มีเกล็ดพญานาคริมโขง
หนึ่งในเคมเปญ dream destination ของ ททท. และก็ยังมีวัดหินหมากเป้ง
เลยไปอีกหน่อยก็จะเจอวังบัวชมพู ที่จังหวัดหนองคาย
...
ทริปนี้เราเริ่มที่เชียงคาน แต่อันที่จริงเราก็อาศัยอยู่ที่กรุงเทพเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ
แต่ว่าไปแวะนู่นแวะนี่เลยขอรวบรัดตัดตอนมาเริ่มต้นที่เชียงคานเลยแล้วกันนะคะ
ทริปนี้ต้องบอกว่าไม่ได้มีการวางแผนแบบตายตัวมีเพียงข้อมูลของสถานที่ต่างๆไว้
พอถึงเวลาเดินทางจริงก็ค่อยมานึกกันวันต่อวันว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะไปไหนกันบ้าง
แต่วันนี้ขอมาตั้งหลักปักฐานกันที่เชียงคานกันก่อน
ถ้าให้พูดถึงเชียงคานคงน้อยคนที่จะบอกว่าไม่รู้จัก
จริงๆแล้วแต่ก่อนเราไม่ค่อยมีแผนว่าจะเดินทางมาเที่ยวเชียงคานเลย
แต่ที่เมื่อครั้งแรกที่มาเชียงคานเพราะมาทำธุระที่จังหวัดเลย ก็เลยมานอนค้างที่เชียงคาน
ที่บอกว่าไม่เคยคิดอยากจะมาก็คงเป็นเพราะอคติของเราล้วนๆ
คือเชียงคานสำหรับเรามันกลายเป็นเมืองฮิต มีถนนคนเดินอะไรแบบนั้น
ใครๆก็มาคนล้นหลามมหาศาล นึกแล้วก็ชวนขนลุก
...
แต่เมื่อมาถึงเชียงคานอคติที่เคยมีก็กลายเป็นความชื่นชอบ
อ้าวไม่มีจุดยืนเลยนะเรา สาเหตุที่เราเปลี่ยนความคิดอาจเป็นเพราะ
เรามาเที่ยวเชียงคานในวันธรรมดา ไม่ใช่เสาร์ อาทิตย์ ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น
เชียงคานเมืองที่แสนยั๊วเยี๊ยะ จึงเงียบสงบเหมาะกับคนที่ไม่ชอบชีวิตแบบวุ่นวาย
ถ้าพูดถึงเชียงคานในด้านการท่องเที่ยวทุกคนคงรู้จักดี แต่จะมีใครรู้บ้าง
ว่าเมืองเชียงคานแห่งนี้เมื่ออดีตเคยเป็นส่วนนึงของ สปป.ลาว
และด้วยผลจากสงครามทำให้ส่วนนี้กลายเป็นของไทย ประวัติศาสตร์ไม่ขออธิบายมากแล้วกันนะคะ
เดี๋ยวรีวิวจะกลายเป็นจดหมายเหตุไป อิอิ
และเมื่อในสมัยโบร่ำโบราณเมืองเชียงคานมีชื่อเสียงในด้านการทำผ้าห่มฝ้าย ผ้านวมจากฝ้าย
ไม่น่าละเราสังเกตได้ว่าที่นี่มีร้านเย็บผ้าอยู่หลายร้าน ในสมัยก่อนคงมีอยู่เต็มไปหมด
แต่ในปัจจุบันความนิยมของผ้าห่มฝ้ายก็เริ่มลดลงจึงเหลือบ้านที่ทำอยู่ไม่กี่บ้าน
เสน่ห์ของเชียงคานถ้าให้พูดถึงแล้วคงอธิบายออกมาได้คร่าวๆประมาณว่า
เมืองเล็กๆ มีบ้านบ้านไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง และอากาศดีแทบจะทั้งปี
แล้วมันก็ใกล้เคียงกับที่เราบอกนั่นแหละค่ะ แต่เพียงว่าเดี๋ยวนี้บ้านไม้เก่าๆ ดั้งเดิม
ก็หลงเหลืออยู่น้อยเต็มที สิ่งปลูกสร้างเริ่มมีขึ้นมาใหม่ทั้งบ้านที่เป็นปูนเลยก็มี บ้านที่สร้างจากไม้ก็มี
บางที่ก็สร้างเลียนแบบพยายามให้เหมือนของเก่ามากที่สุด
เช่นธนาคารกรุงไทยซึ่งก็ทำออกมาได้ดีดูกลมกลืนกับของดั้งเดิม 7-11 ก็พยายามทำให้ดูเป็นบ้านไม้
แต่กลิ่นอายบ้านไม้แบบเก่าๆ มันก็ต้องเริ่มเจือจางไปตามกาลเวลา
ถึงเราจะไม่สามารถสต๊าฟให้เชียงคานอยู่แบบเดิมเหมือนเมื่อ 100 ปีก่อนได้
เสน่ห์ของเมืองเล็กแห่งนี้ก็ยังมีอยู่ เพราะไม่น่าเชื่อว่าอากาศที่นี่ดีจริงๆ แม้ว่าเราจะไปในช่วงฤดูร้อนก็ตาม
และน่าจะยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน เพราะฉะนั้นการขี่จักรยานท่องเมืองไปอย่างช้าๆ
แวะหาอะไรกินอร่อยๆ ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบกับอากาศเย็นๆ ก็ยังคงเหมาะสำหรับที่นี่อยู่
เราปั่นจักรยานทั่วเมืองได้โดยที่เหงื่อไม่ออกสักเม็ด (เพราะเราให้แฟนปั่นไง 555)
มาเอ่ยถึงรังนอนของเราเมื่อคืนกันบ้างดีกว่า เราพักที่ "เรือนริมโขง สมบัตินายท้ายเรือ"
ชื่ออาจจะยาวไปหน่อยแต่ที่พักโอเคค่ะ เนื่องจากมาถึงดึกมาก ที่อื่นๆปิดหมดแล้ว
ที่นี่ก็ปิดแล้วเช่นกัน แต่พอดีเดินหาอยู่มาเจอวงเหล้าของพี่ๆเหล่าฮิปสเตอร์รุ่นใหญ่
ก็เลยไปถามเค้าก็ช่วยเคาะเรียกเจ้าของให้ค่ะ ก็เลยได้ที่ซุกหัวนอนมาในคืนนั้น
ไม่อย่างนั้นคงได้นอนในรถเป็นแน่แท้
ที่พักดีค่ะ ราคา 800 บาท แต่ไม่มีอาหารเช้านะคะ ตอนเราไปห้องน่าจะพึ่งเสร็จ
เพราะนอนดมกลิ่นแล๊กเกอร์กันทั้งคืน แต่เราไม่ซีเรียสค่ะแค่ตอนเช้ามีอาการเหมือนคนเมากาวนิดหน่อย 55555
ที่นี่อยู่ติดแม่น้ำโขงเลยนะคะวิวดีมาก 800 บาทก็ถือว่าโอเคอยู่
...
ส่วนข้างๆมีที่พักชื่อน่ารักๆอีกที่คือ "นอนนับดาวรีสอร์ท"
ที่พักก็ดูน่ารักดีอันนี้จะเป็นรีสอร์ทแบบมาตรฐานๆหน่อยที่เราพักจะออกแนวชาวบ้านๆค่ะ
แต่จะมีบางห้องเท่านั้นที่เปิดประตูมาจ๊ะเอ๋แม่น้ำโขงเพราะฉะนั้นตอนจองลองถามให้ดีนะคะ
จะได้ห้องวิวสวยๆ ทั้งสองที่นี้อยู่เชียงคานซอย 3
เดี๋ยวจะพาไปส่องที่พักที่เราอยากมาพักนะคะ เสียดายนิดหน่อยเอาไว้คราวหน้าแล้วกัน
ที่นี่ค่ะ "บ้านชานเคียง ที่เชียงคาน" เกสเฮ้าส์เล็กๆ บรรยากาศน่ารักๆ
ส่วนที่นี่โรงแรมพูนสวัสดิ์ ที่น่าสนใจเพราะเป็นโรงแรมเรือนไม้แห่งแรกของอำเภอเชียงคาน
สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2493 โน้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าไปพักแล้วโรงแรมจะพุพังนะคะ 5555
เพราะเค้ามีการซ่อมแซมให้ดูใหม่อยู่ค่ะ
หลังจากไปชะโงกที่โรงแรมและรีสอร์ทต่างๆมา ก็แว๊บไปซื้อของฝากน่ารักกุ๊บกิ๊บกันที่
ร้านสองผัวเมียเกสเฮ้าส์สักหน่อยที่นี่ก็ตกแต่งร้านสวยน่ารักดีค่ะ
เป็นเกสเฮ้าส์และร้านขายของที่ระลึกชื่อดังของที่นี่
สิ่งนึงที่เมื่อมาเชียงคานแล้วน่าจะทำ ก็คือการใส่บาตรข้าวเหนียว
จริงๆมันก็ไม่ใช่ว่าต้องทำไม่ทำไม่ได้นะ แต่สำหรับเราคิดอย่างนึงว่า
เมื่อไปถึงสถานที่ต่างๆ และมีวัฒนธรรม ประเพณีอะไรที่เราสามารถปฏิบัติได้
ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราควรจะทำ เพราะปกติแล้วเราก็ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้บ่อยนักใช่มั้ยค่ะ
และบางทีอาจจะหาโอกาสทำแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำไป
และด้วยปนิธานอันแน่วแน่ต่อการสืบสานวัฒนธรรม เช้าวันนี้เราจึง....
ตื่นสาย 5555555555 อายจุง แต่เราก็ไม่ได้ละเลยตื่นปุ๊บเรารีบลงไปด้านล่าง
ถามคุณป้าเจ้าของที่พัก คุณป้าบอกพระผ่านตรงนี้ไปแล้วลูก
ป้าบอกให้เราไปดักที่หน้าวัดซิอาจจะทัน และบอกให้เราขี่จักรยานของที่พักไปด้วย
จากนั้นก็ปั่นยิกๆ ซิค่ะและแล้วเราก็ไปทันก่อนที่พระท่านจะเลี้ยวเข้าวัดไปซะก่อน
เอาน่าถึงจะดูชุกละหุกแต่เราก็มีความตั้งใจนะ (แก้ตัว) ถือว่าภารกิจสำเร็จ
ไหนๆก็มาถึงวัดก็เลยเข้าไปไหว้พระในโบสถ์สักหน่อย
วัดนี้ชื่อวัด วัดศรีคุนเมือง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2485 โน้นนนนนน เป็นวัดเก่าแก่ของเชียงคาน
ใส่บาตรให้พระฉันแล้วก็ได้เวลาหาอาหารทานเองบ้าง
ขี่จักรยานไปเรื่อย (ก็บอกแล้วว่าไม่มีแผน) ก็ไปเจอร้านอาหารร้านนึง
ดูคนเยอะน่าจะเป็นร้านเก่าแก่ ชื่อร้านลุกโภชนา รสชาติอาหารก็ใช้ได้
แต่เราชอบติ่มซำที่นี่จัง อร่อยขนาดตอนออกจากเชียงคานยังแวะไปซื้อเลย
….
อิ่มท้องเสร็จกลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยก่อนเก็บของเตรียมตัวออกจากเชียงคานแล้ว
ที่เชียงคานมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่หนึ่งก็คือ ภูทอก จุดชมวิวอันสวยงาม
หากใครโชคดีก็จะเจอทะเลหมอกสวยๆที่นี่ แต่วันนี้เราโชคไม่ดีค่ะ เพราะไม่ได้ไป
เราก็เลยไปแวะนิดหน่อยที่แก่งคุดคู้สถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่ควรแวะมาเยี่ยมชม
ห่างจากเชียงคานประมาณ 3 กิโล จริงๆสามารถขี่จักรยานไปเที่ยวได้เลย
ประวัติของแก่งคุ้ดคู้ (แบบสรุปสั้นมาก) ก็คือมีนายพรานมานอนตายคุ้ดคู้อยู่ที่ริมโขงค่ะ
แก่งหินนั้นจึงเรียกว่า "แก่งคุดคู้" อันนี้เป็นประวัติตามความเชื่อของชาวบ้านนะคะ
อันที่จริงแก่งนั้นก็คือก้อนหินที่ตั้งขวางอยู่บนลำนำ และโดนกระแสน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นแก่งใหญ่น้อยต่างๆ นั่นแล
ช่วงที่เราไปน้ำไม่เยอะ จึงเกิดเป็นหาดทรายขึ้นมาดูไปก็เหมือนทะเลเหมือนกันนะ
แถมแดดก็แรงพอๆกับไปทะเลเลย
หมดเวลาสำหรับเชียงคาน จังหวัดเลยพร้อมเดินทางสู่จังหวัดต่อไป