ทำบุญให้ถูกวิธี
---------------
ผมเดินออกกำลังตอนเช้าได้เห็นคนใส่บาตรทุกวัน
ตัวผมเองไม่ได้ใส่บาตร แต่ทำบุญทานมัยทุกวัน
“ทานมัย” (ทา-นะ-ไม) แปลตามศัพท์ว่า “บุญอันสำเร็จด้วยการให้” หมายถึง ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ
(meritorious action consisting in generosity; merit acquired by giving-พจน.พุทธศาสตร์ ข้อ ๘๙ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต)
ทานมัย ผมแปลสั้นๆ ว่า “ทำบุญให้ทาน”
----------
ขอแวะตรงนี้นิดหนึ่งครับ
บางท่านเข้าใจว่า
๑ ใส่บาตร เรียกว่า “ทำบุญ”
๒ ให้เงินหรืออาหารแก่คนทั่วไป เรียกว่า “ให้ทาน”
คือแยก “ทำบุญ” เป็นอย่างหนึ่ง “ให้ทาน” เป็นอีกอย่างหนึ่ง
ว่าตามลีลาภาษาไทยก็แยบคายดี
แต่ว่าตามหลักความจริง ไม่ว่าจะเป็นการใส่บาตร การบริจาคแก่วัดแก่พระ หรือให้เงินให้อาหารแก่คนทั่วไปและบริจาคให้แก่ใครๆ ทั่วไป ล้วนจัดอยู่ในประเภท “ทานมัย”-ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ เหมือนกันทั้งสิ้น
-----------
ใส่บาตร เป็นบุญทานมัยชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมทำกันทั่วไปทุกเช้า
เวลานี้มีความผิดปกติเกิดขึ้นในกระบวนการใส่บาตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจจะมาบอกเอาบุญในวันนี้ ๒ เรื่อง คือ
เรื่องที่ ๑ พระยืนบิณฑบาต
หมายความว่าพระท่านไม่เดินไปไหน ยืนปักหลักอยู่ที่เดียว รอให้คนเดินมาใส่ กรณีนี้ส่วนมากพบตามตลาดที่ขายอาหารพร้อมกิน
คือคนมาซื้อกับข้าวซื้ออาหารแล้วก็เลยซื้อใส่บาตรไปด้วย
อันนี้ว่าตามสภาพความเป็นจริงก็น่าคิด พระบิณฑบาตก็คือพระเดินไปตามบ้านคน สมัยก่อนแต่ละบ้านหุงหาอาหารกินกันเอง
พระเดินไปตามบ้านย่อมเป็นการถูกต้อง เพราะแหล่งอาหารอยู่ตามบ้านคน
แต่สมัยนี้ส่วนมากบ้านต่างๆ ซื้ออาหารพร้อมกินมาจากตลาด
แหล่งอาหารย้ายจากบ้านคนไปอยู่ที่ตลาด
การที่พระไปบิณฑบาตที่ตลาดก็น่าจะเป็นการถูกต้องตามสภาพสังคม
อันนี้ชวนให้คิดเฉยๆ นะครับ ยังไม่ได้บอกว่าถูกว่าผิด
แต่การที่พระท่านไม่เดินไปไหน ยืนปักหลักอยู่ที่เดียวนั้นไม่เหมาะอย่างแน่นอน
ถ้าถือตามตัวหนังสือ หลักของท่านว่า
“บิณฑบาตตามลำดับตรอก”
หมายความว่าต้องเดินไปเรื่อยๆ ถึงบ้านคนจึงหยุดแล้วยืนนิ่งๆ
สมัยผมบวช ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า ให้ยืนรอได้ประมาณ ๓ อึดใจ ถ้าไม่มีใครออกมาใส่บาตรก็ให้ออกเดินต่อไป
เว้นไว้แต่มีคนร้องนิมนต์ให้รอ
เพราะฉะนั้น แม้จะไปบิณฑบาตที่ตลาด ก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ
คือต้องไปเดิน ไม่ใช่ไปยืน
คำแนะนำของผมก็คือ กรุณาอย่าใส่บาตรกับพระที่ยืนปักหลักอยู่กับที่ครับ
การใส่บาตรกับพระที่ยืนปักหลักอยู่กับที่เป็นการสนับสนุนให้พระทำผิดวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีของพระ
โปรดช่วยกันถวายกำลังใจให้พระท่านรักษาวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีของพระด้วยการใส่บาตรเฉพาะพระที่เดินบิณฑบาตเท่านั้น
อนึ่ง เพราะพระยืนอยู่กับที่ จึงเป็นทางมาของกรณีพระกับร้านขายของใส่บาตรสมคบกันซื้อขายของที่ใส่บาตรแล้ว
อันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอีกเรื่องหนึ่ง
การไม่ใส่บาตรกับพระที่ยืนอยู่กับที่จึงเป็นการตัดหรือป้องกันปัญหาที่ว่านั้นได้ทางหนึ่ง
พูดในทางกลับกัน การใส่บาตรกับพระที่ยืนอยู่กับที่ก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนหรือเปิดช่องให้มีการซื้อขายของที่ใส่บาตรแล้วทางหนึ่งนั่นเอง
-----------
เรื่องที่ ๒ ใส่บาตรด้วยเงิน
ผู้ที่ทำบุญด้วยวิธีเอาเงินใส่บาตรพระที่ออกบิณฑบาตอ้างเหตุผลว่า
(๑) ไม่มีเวลาไปซื้ออาหาร
(๒) ใส่อาหาร พระท่านก็ได้แต่อาหาร ใส่เงิน พระท่านจะได้เอาเงินไปซื้อของที่จำเป็นอื่นๆ ได้อีก
เป็นเหตุผลที่ดีมากๆ ดีที่สุดด้วย
ผมเห็นด้วยกับเหตุผล
แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีปฏิบัติ
เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า
พระรับเงิน ผิดวินัยสงฆ์
การเอาเงินใส่บาตรไปตรงๆ จึงเป็นการส่งเสริมให้พระละเมิดวินัยตรงๆ จังๆ และโดยไม่จำเป็น
เรื่องนี้ท่านมีวิธีการที่ถูกต้องอยู่แล้ว นั่นคือ ถวายเงินเป็นของสงฆ์
แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีเอาเงินใส่บาตร
ตามระบบที่ถูกต้อง วัดจะมีไวยาวัจกรทำหน้าที่รับ-จ่ายเงินของสงฆ์แทนพระเณรอยู่แล้วทุกวัด
ใครมีศรัทธาอยากถวายเงินให้พระเณรได้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น ก็เอาเงินไปที่วัด
แจ้งความจำนงต่อไวยาวัจกรว่าขอถวายเงินเป็นของสงฆ์
และตามระบบที่ถูกต้องวัดก็จะออกอนุโมทนาบัตรให้เป็นหลักฐาน
เงินที่มีผู้ถวายเป็นของสงฆ์นี้ทางวัดก็จะเอาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ อันเป็นส่วนรวมของวัด และของพระเณรในวัดตรงตามเหตุผลที่อ้างข้างต้น
ถ้าเราช่วยกันทำบุญถวายเงินด้วยวิธีนี้ จะมีผลดีคือ
(๑) พระไม่ต้องละเมิดวินัยเกี่ยวกับการเงิน
(๒) เป็นการจูงใจหรือบังคับให้วัดต่างๆ บริหารการเงินอย่างถูกวิธี และ
(๓) เป็นการฟื้นฟูคุณค่าของ “ระบบสงฆ์” ให้เห็นประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม
ที่เราเชื่อกันว่าถวาย “สังฆทาน” ได้อานิสงส์แรงนั้น ส่วนมากเชื่อตามๆ กันไป และพูดตามๆ กันไปโดยไม่ได้เห็นประจักษ์ว่า ที่ว่าได้อานิสงส์แรงนั้นคือได้อะไร ได้อย่างไร
ตอบสั้นๆ ตรงนี้ก็คือ เงินที่ถวายให้เป็นของสงฆ์นั้นพระเณรทั้งวัดได้รับประโยชน์ทั่วถึงกัน ไม่ใช่ได้เฉพาะ พระ ก เณร ข ที่เราเอาเงินหย่อนลงในบาตรท่านตอนเช้ารูปเดียว
ทุกวันนี้ “ระบบเงินสงฆ์” ไม่ค่อยได้เห็นเป็นรูปธรรมก็เพราะเราไปนิยมถวายเงินให้พระเป็นส่วนตัว รวมทั้งนิยมใส่บาตรด้วยเงิน วิธีนี้มองเผินๆ พระเณรจะชอบ เพราะมีเงินใช้เป็นส่วนตัว สะดวกดี
แต่ผลเสียก็คือ ละเมิดวินัยสงฆ์ไปเรื่อยๆ จนชาชิน
พร้อมกันนั้นก็ปิดทับระบบเงินสงฆ์ไม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง
(ทุกวันนี้แต่ละวัดก็มี “เงินวัด” ซึ่งก็คือเงินสงฆ์นั่นเอง แต่ไม่ได้เอามาใช้จ่ายเป็นสวัสดิการให้แก่พระเณรในวัด ที่เป็นเช่นนี้สาเหตุหนึ่งและเป็นสาเหตุสำคัญก็คือผู้บริหารวัดคิดว่าพระเณรแต่ละรูปมีช่องทางได้รับเงินเป็นส่วนตัวอยู่แล้วนี่เอง ทำให้ไม่ได้เข้าถึงความหมายของคำว่า “สงฆ์” ที่แท้จริง)
ส่วนท่านที่กำลังจะอ้างว่า ไม่มีเวลาที่จะไปวัดได้ทุกวัน ก็ไม่ต้องห่วง
ผมมีวิธีที่จะเสนอแนะครับ
คือ วันไหนท่านมีศรัทธาอยากทำบุญด้วยเงิน
ถ้าสะดวกจะไปวัด ท่านก็ไปวัดตามที่ว่ามานั่น
วันไหนมีศรัทธา แต่ไม่สะดวก ท่านก็ทำกิริยา “ตัดใจบริจาค”
วิธีการก็คือ เอาเงินที่ตั้งใจจะใส่บาตร (ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นวิธีถวายเป็นของสงฆ์) นั้น มาทำกิริยา “จบ” แบบเดียวกับกำลังจะใส่บาตร โดยตัดใจว่า “เงินจำนวนนี้ข้าพเจ้าตัดใจบริจาคให้เป็นของสงฆ์ ณ บัดนี้” จะอธิษฐานหรืออุทิศส่วนบุญอะไรด้วยก็ว่าไป จบแล้วเอาใส่ซอง หรือทำที่ใส่โดยเฉพาะไว้ที่ไหนก็ได้ที่ท่านสะดวก
ทำอย่างนี้ทุกวันหรือทุกครั้งที่ท่านมีศรัทธาบริจาค
มีผลเท่ากับวันนั้นท่านได้ทำบุญใส่บาตรสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วทุกประการ
ครั้นถึงวันที่ท่านสะดวก ก็เอาเงินบริจาคที่สะสมมานั้นไปที่วัด ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ว่ามาข้างต้น
เป็นวิธีที่ทำบุญได้ทุกวัน และป้องกันไม่ให้พระผิดวินัยสงฆ์เรื่องการเงินได้เป็นอย่างดี
ทุกวันนี้ผมก็ใช้วิธีนี้
เดินออกกำลังตอนเช้าผมจะเตรียมเงินบริจาคไปด้วย
ไม่ว่าจะออกเดินตามเส้นทางไหน ผมจะเล็งวัดที่อยู่ในทางผ่าน หรือวัดที่สามารถแวะเวียนเข้าไปได้สะดวก
ความไม่สมบูรณ์ตามหลักการก็คือ วัดส่วนมากไม่มีตัวไวยาวัจกรหรือเจ้าหน้าของวัดคอยต้อนรับผู้บริจาค
แต่ก็มีตู้รับบริจาคตั้งไว้
ตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนว่านั่นคือศูนย์รวมเงินสงฆ์ และปลายทางของเงินในตู้ควรจะไปเป็นสวัสดิการของพระเณรในวัด-หรือไม่เช่นนั้นก็ไปเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมของวัด
ด้วยประการดังนี้ ผมก็สามารถทำบุญ “ทานมัย” และเป็น “สังฆทาน” โดยเนื้อหาได้ทุกวัน
ต่อไปนี้ จะใส่บาตรหรือจะใส่เงิน ขอเรียนเชิญให้ช่วยกันทำให้ถูกวิธีนะครับ
ขออนุโมทนาสาธุการกับการทำบุญที่ถูกวิธีมา ณ ที่นี้
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/900483273378744
☆ ทำบุญให้ถูกวิธี ☆
---------------
ผมเดินออกกำลังตอนเช้าได้เห็นคนใส่บาตรทุกวัน
ตัวผมเองไม่ได้ใส่บาตร แต่ทำบุญทานมัยทุกวัน
“ทานมัย” (ทา-นะ-ไม) แปลตามศัพท์ว่า “บุญอันสำเร็จด้วยการให้” หมายถึง ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ
(meritorious action consisting in generosity; merit acquired by giving-พจน.พุทธศาสตร์ ข้อ ๘๙ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต)
ทานมัย ผมแปลสั้นๆ ว่า “ทำบุญให้ทาน”
----------
ขอแวะตรงนี้นิดหนึ่งครับ
บางท่านเข้าใจว่า
๑ ใส่บาตร เรียกว่า “ทำบุญ”
๒ ให้เงินหรืออาหารแก่คนทั่วไป เรียกว่า “ให้ทาน”
คือแยก “ทำบุญ” เป็นอย่างหนึ่ง “ให้ทาน” เป็นอีกอย่างหนึ่ง
ว่าตามลีลาภาษาไทยก็แยบคายดี
แต่ว่าตามหลักความจริง ไม่ว่าจะเป็นการใส่บาตร การบริจาคแก่วัดแก่พระ หรือให้เงินให้อาหารแก่คนทั่วไปและบริจาคให้แก่ใครๆ ทั่วไป ล้วนจัดอยู่ในประเภท “ทานมัย”-ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ เหมือนกันทั้งสิ้น
-----------
ใส่บาตร เป็นบุญทานมัยชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมทำกันทั่วไปทุกเช้า
เวลานี้มีความผิดปกติเกิดขึ้นในกระบวนการใส่บาตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจจะมาบอกเอาบุญในวันนี้ ๒ เรื่อง คือ
เรื่องที่ ๑ พระยืนบิณฑบาต
หมายความว่าพระท่านไม่เดินไปไหน ยืนปักหลักอยู่ที่เดียว รอให้คนเดินมาใส่ กรณีนี้ส่วนมากพบตามตลาดที่ขายอาหารพร้อมกิน
คือคนมาซื้อกับข้าวซื้ออาหารแล้วก็เลยซื้อใส่บาตรไปด้วย
อันนี้ว่าตามสภาพความเป็นจริงก็น่าคิด พระบิณฑบาตก็คือพระเดินไปตามบ้านคน สมัยก่อนแต่ละบ้านหุงหาอาหารกินกันเอง
พระเดินไปตามบ้านย่อมเป็นการถูกต้อง เพราะแหล่งอาหารอยู่ตามบ้านคน
แต่สมัยนี้ส่วนมากบ้านต่างๆ ซื้ออาหารพร้อมกินมาจากตลาด
แหล่งอาหารย้ายจากบ้านคนไปอยู่ที่ตลาด
การที่พระไปบิณฑบาตที่ตลาดก็น่าจะเป็นการถูกต้องตามสภาพสังคม
อันนี้ชวนให้คิดเฉยๆ นะครับ ยังไม่ได้บอกว่าถูกว่าผิด
แต่การที่พระท่านไม่เดินไปไหน ยืนปักหลักอยู่ที่เดียวนั้นไม่เหมาะอย่างแน่นอน
ถ้าถือตามตัวหนังสือ หลักของท่านว่า
“บิณฑบาตตามลำดับตรอก”
หมายความว่าต้องเดินไปเรื่อยๆ ถึงบ้านคนจึงหยุดแล้วยืนนิ่งๆ
สมัยผมบวช ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า ให้ยืนรอได้ประมาณ ๓ อึดใจ ถ้าไม่มีใครออกมาใส่บาตรก็ให้ออกเดินต่อไป
เว้นไว้แต่มีคนร้องนิมนต์ให้รอ
เพราะฉะนั้น แม้จะไปบิณฑบาตที่ตลาด ก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ
คือต้องไปเดิน ไม่ใช่ไปยืน
คำแนะนำของผมก็คือ กรุณาอย่าใส่บาตรกับพระที่ยืนปักหลักอยู่กับที่ครับ
การใส่บาตรกับพระที่ยืนปักหลักอยู่กับที่เป็นการสนับสนุนให้พระทำผิดวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีของพระ
โปรดช่วยกันถวายกำลังใจให้พระท่านรักษาวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีของพระด้วยการใส่บาตรเฉพาะพระที่เดินบิณฑบาตเท่านั้น
อนึ่ง เพราะพระยืนอยู่กับที่ จึงเป็นทางมาของกรณีพระกับร้านขายของใส่บาตรสมคบกันซื้อขายของที่ใส่บาตรแล้ว
อันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอีกเรื่องหนึ่ง
การไม่ใส่บาตรกับพระที่ยืนอยู่กับที่จึงเป็นการตัดหรือป้องกันปัญหาที่ว่านั้นได้ทางหนึ่ง
พูดในทางกลับกัน การใส่บาตรกับพระที่ยืนอยู่กับที่ก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนหรือเปิดช่องให้มีการซื้อขายของที่ใส่บาตรแล้วทางหนึ่งนั่นเอง
-----------
เรื่องที่ ๒ ใส่บาตรด้วยเงิน
ผู้ที่ทำบุญด้วยวิธีเอาเงินใส่บาตรพระที่ออกบิณฑบาตอ้างเหตุผลว่า
(๑) ไม่มีเวลาไปซื้ออาหาร
(๒) ใส่อาหาร พระท่านก็ได้แต่อาหาร ใส่เงิน พระท่านจะได้เอาเงินไปซื้อของที่จำเป็นอื่นๆ ได้อีก
เป็นเหตุผลที่ดีมากๆ ดีที่สุดด้วย
ผมเห็นด้วยกับเหตุผล
แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีปฏิบัติ
เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า พระรับเงิน ผิดวินัยสงฆ์
การเอาเงินใส่บาตรไปตรงๆ จึงเป็นการส่งเสริมให้พระละเมิดวินัยตรงๆ จังๆ และโดยไม่จำเป็น
เรื่องนี้ท่านมีวิธีการที่ถูกต้องอยู่แล้ว นั่นคือ ถวายเงินเป็นของสงฆ์
แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีเอาเงินใส่บาตร
ตามระบบที่ถูกต้อง วัดจะมีไวยาวัจกรทำหน้าที่รับ-จ่ายเงินของสงฆ์แทนพระเณรอยู่แล้วทุกวัด
ใครมีศรัทธาอยากถวายเงินให้พระเณรได้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น ก็เอาเงินไปที่วัด
แจ้งความจำนงต่อไวยาวัจกรว่าขอถวายเงินเป็นของสงฆ์
และตามระบบที่ถูกต้องวัดก็จะออกอนุโมทนาบัตรให้เป็นหลักฐาน
เงินที่มีผู้ถวายเป็นของสงฆ์นี้ทางวัดก็จะเอาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ อันเป็นส่วนรวมของวัด และของพระเณรในวัดตรงตามเหตุผลที่อ้างข้างต้น
ถ้าเราช่วยกันทำบุญถวายเงินด้วยวิธีนี้ จะมีผลดีคือ
(๑) พระไม่ต้องละเมิดวินัยเกี่ยวกับการเงิน
(๒) เป็นการจูงใจหรือบังคับให้วัดต่างๆ บริหารการเงินอย่างถูกวิธี และ
(๓) เป็นการฟื้นฟูคุณค่าของ “ระบบสงฆ์” ให้เห็นประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม
ที่เราเชื่อกันว่าถวาย “สังฆทาน” ได้อานิสงส์แรงนั้น ส่วนมากเชื่อตามๆ กันไป และพูดตามๆ กันไปโดยไม่ได้เห็นประจักษ์ว่า ที่ว่าได้อานิสงส์แรงนั้นคือได้อะไร ได้อย่างไร
ตอบสั้นๆ ตรงนี้ก็คือ เงินที่ถวายให้เป็นของสงฆ์นั้นพระเณรทั้งวัดได้รับประโยชน์ทั่วถึงกัน ไม่ใช่ได้เฉพาะ พระ ก เณร ข ที่เราเอาเงินหย่อนลงในบาตรท่านตอนเช้ารูปเดียว
ทุกวันนี้ “ระบบเงินสงฆ์” ไม่ค่อยได้เห็นเป็นรูปธรรมก็เพราะเราไปนิยมถวายเงินให้พระเป็นส่วนตัว รวมทั้งนิยมใส่บาตรด้วยเงิน วิธีนี้มองเผินๆ พระเณรจะชอบ เพราะมีเงินใช้เป็นส่วนตัว สะดวกดี
แต่ผลเสียก็คือ ละเมิดวินัยสงฆ์ไปเรื่อยๆ จนชาชิน
พร้อมกันนั้นก็ปิดทับระบบเงินสงฆ์ไม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง
(ทุกวันนี้แต่ละวัดก็มี “เงินวัด” ซึ่งก็คือเงินสงฆ์นั่นเอง แต่ไม่ได้เอามาใช้จ่ายเป็นสวัสดิการให้แก่พระเณรในวัด ที่เป็นเช่นนี้สาเหตุหนึ่งและเป็นสาเหตุสำคัญก็คือผู้บริหารวัดคิดว่าพระเณรแต่ละรูปมีช่องทางได้รับเงินเป็นส่วนตัวอยู่แล้วนี่เอง ทำให้ไม่ได้เข้าถึงความหมายของคำว่า “สงฆ์” ที่แท้จริง)
ส่วนท่านที่กำลังจะอ้างว่า ไม่มีเวลาที่จะไปวัดได้ทุกวัน ก็ไม่ต้องห่วง
ผมมีวิธีที่จะเสนอแนะครับ
คือ วันไหนท่านมีศรัทธาอยากทำบุญด้วยเงิน
ถ้าสะดวกจะไปวัด ท่านก็ไปวัดตามที่ว่ามานั่น
วันไหนมีศรัทธา แต่ไม่สะดวก ท่านก็ทำกิริยา “ตัดใจบริจาค”
วิธีการก็คือ เอาเงินที่ตั้งใจจะใส่บาตร (ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นวิธีถวายเป็นของสงฆ์) นั้น มาทำกิริยา “จบ” แบบเดียวกับกำลังจะใส่บาตร โดยตัดใจว่า “เงินจำนวนนี้ข้าพเจ้าตัดใจบริจาคให้เป็นของสงฆ์ ณ บัดนี้” จะอธิษฐานหรืออุทิศส่วนบุญอะไรด้วยก็ว่าไป จบแล้วเอาใส่ซอง หรือทำที่ใส่โดยเฉพาะไว้ที่ไหนก็ได้ที่ท่านสะดวก
ทำอย่างนี้ทุกวันหรือทุกครั้งที่ท่านมีศรัทธาบริจาค
มีผลเท่ากับวันนั้นท่านได้ทำบุญใส่บาตรสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วทุกประการ
ครั้นถึงวันที่ท่านสะดวก ก็เอาเงินบริจาคที่สะสมมานั้นไปที่วัด ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ว่ามาข้างต้น
เป็นวิธีที่ทำบุญได้ทุกวัน และป้องกันไม่ให้พระผิดวินัยสงฆ์เรื่องการเงินได้เป็นอย่างดี
ทุกวันนี้ผมก็ใช้วิธีนี้
เดินออกกำลังตอนเช้าผมจะเตรียมเงินบริจาคไปด้วย
ไม่ว่าจะออกเดินตามเส้นทางไหน ผมจะเล็งวัดที่อยู่ในทางผ่าน หรือวัดที่สามารถแวะเวียนเข้าไปได้สะดวก
ความไม่สมบูรณ์ตามหลักการก็คือ วัดส่วนมากไม่มีตัวไวยาวัจกรหรือเจ้าหน้าของวัดคอยต้อนรับผู้บริจาค
แต่ก็มีตู้รับบริจาคตั้งไว้
ตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนว่านั่นคือศูนย์รวมเงินสงฆ์ และปลายทางของเงินในตู้ควรจะไปเป็นสวัสดิการของพระเณรในวัด-หรือไม่เช่นนั้นก็ไปเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมของวัด
ด้วยประการดังนี้ ผมก็สามารถทำบุญ “ทานมัย” และเป็น “สังฆทาน” โดยเนื้อหาได้ทุกวัน
ต่อไปนี้ จะใส่บาตรหรือจะใส่เงิน ขอเรียนเชิญให้ช่วยกันทำให้ถูกวิธีนะครับ
ขออนุโมทนาสาธุการกับการทำบุญที่ถูกวิธีมา ณ ที่นี้
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/900483273378744