ข้อปฏิบัติทำเพื่อให้มี ให้เจริญ เต็มรอบให้ลุถึงความดับไม่เหลือของความทุกข์
ประกอบด้วยองค์แปดประการนี้ ได้แก่
1. ความเห็นชอบ
รู้เรื่องทุกข์ ละเหตุให้เกิดทุกข์ แจ้งเรื่องการดับทุกข์
เจริญเดินทางให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
ความเห็นชอบ มีอยู่โดยส่วนสอง คือ
1.1 เป็นไปแห่งบุญ ไม่มีกิเลส
สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัย
สิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป
1.2 เป็นไปแห่งบุญ มีกิเลส ไม่ดิ่งไปหาที่สุดทั้งสอง
สิ่งนี้มี สิ่งนี้ไม่มี
2. ความคิดชอบ (คิดออกจากกิเลิส)
- คิดออกจากความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน เพลินในความต้องการความสุข
- คิดออกจากความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลก
- คิดออกจากความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิมในการละความต้องการทางกาม กิเลส
- คิดออกจากความคิดซัดส่าย ไม่สงบนิ่งอยู่ในความต้องการนั้นๆ
- คิดออกจากความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจในข้อปฏิบัติให้ลุถึงความดับไม่เหลือทุกข์
3. วาจาชอบ
การเว้นจากการพูดเท็จ
การเว้นจากการพูดยุให้แตกกัน
การเว้นจากการพูดหยาบ
การเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ,
(ไม่พูดเลยดีที่สุด)
4. การงานชอบ (ศีล)
การเว้นจากการฆ่าสัตว์ การเว้นจากการถือเอาสิ่ง
ของที่เจ้าของไม่ได้ให้ การเว้นจากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย,
ไม่ดิ่งไปหาที่สุดทั้งสองคือ
การประกอบตนให้พัวพันด้วยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
การประกอบความเพียร ที่เป็นความลำบากเหน็ดเหนื่อยแก่ตน
5. การเลี้ยงชีพชอบ
การใช้ชีวิตด้วยการบริโภคปัจจัยสี่ อย่างมักน้อย เท่าที่จำเป็น
6.ความเพียรชอบ
ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร
ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้
-. เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่ยังไม่ได้บังเกิด ;
-. เพื่อการบังเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรม ท. ที่ยังไม่ได้บังเกิด ;
-. เพื่อความยั่งยืน ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์
ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรม ท. ที่บังเกิดขึ้นแล้ว.
7. ความระลึกชอบ
-. พิจารณา ลมหายใจเข้าออกที่เป็นอยู่สั่นยาวเป็นต้น
พิจารณาการภายในภายนอกที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นกายๆหนึ่ง
-. พิจารณา ความรู้สึก สุขทุกข์หรือเฉยๆ ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ความรู้สึกร้อนหนาว สบายเมื่อย ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวทนาๆหนึ่ง
-. พิจารณา ความคิดที่เป็นอยู่ปัจจุบัน คิด(ดู)ลมหายใจ (กาย)
คิด(ดู)ความรู้สึก (เวทนา) คิด(ดู)ความคิดๆเรื่องใดอยู่ (จิต) ซึ่งเป็นจิตๆหนึ่ง
-. พิจารณา สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ ความคิดไม่อยู่นิ่งเลย (ไม่เที่ยง)
คิดเรื่องหนึ่งก็ไปอีกเรื่อง กลับมาเรื่องเก่า หรือไปเรื่องใหม่ๆ (จางคลายดับจากเรื่องหนึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
สิ่งที่เป็นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ธรรมชาติ(สลัดคืนสิ่งที่เกิดเป็นของโลก) ซึ่งเป็นธรรมๆหนึ่ง
มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้.
8. ความตั้งใจมั่นชอบ
เพราะสงัดจากกาม ท. เพราะสงัด
จากอกุศลธรรม ท., ย่อมเข้าถึง
-. ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่.
เพราะวิตกวิจารรำงับลง, เธอเข้าถึง
-. ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดขึ้น
ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่.
เพราะปิติจางหายไป, เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข และได้เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าถึง
-. ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุ ว่า “เป็นผู้เฉยอยู่ได้มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข”แล้วแลอยู่.เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และเพราะความดับหายแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, เธอย่อมเข้าถึง
-. ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
นี้เราเรียกว่าสัมมาสมาธิ.

ทุกข์...ไม่มี
ประกอบด้วยองค์แปดประการนี้ ได้แก่
1. ความเห็นชอบ
รู้เรื่องทุกข์ ละเหตุให้เกิดทุกข์ แจ้งเรื่องการดับทุกข์
เจริญเดินทางให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
ความเห็นชอบ มีอยู่โดยส่วนสอง คือ
1.1 เป็นไปแห่งบุญ ไม่มีกิเลส
สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัย
สิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป
1.2 เป็นไปแห่งบุญ มีกิเลส ไม่ดิ่งไปหาที่สุดทั้งสอง
สิ่งนี้มี สิ่งนี้ไม่มี
2. ความคิดชอบ (คิดออกจากกิเลิส)
- คิดออกจากความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน เพลินในความต้องการความสุข
- คิดออกจากความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลก
- คิดออกจากความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิมในการละความต้องการทางกาม กิเลส
- คิดออกจากความคิดซัดส่าย ไม่สงบนิ่งอยู่ในความต้องการนั้นๆ
- คิดออกจากความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจในข้อปฏิบัติให้ลุถึงความดับไม่เหลือทุกข์
3. วาจาชอบ
การเว้นจากการพูดเท็จ
การเว้นจากการพูดยุให้แตกกัน
การเว้นจากการพูดหยาบ
การเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ,
(ไม่พูดเลยดีที่สุด)
4. การงานชอบ (ศีล)
การเว้นจากการฆ่าสัตว์ การเว้นจากการถือเอาสิ่ง
ของที่เจ้าของไม่ได้ให้ การเว้นจากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย,
ไม่ดิ่งไปหาที่สุดทั้งสองคือ
การประกอบตนให้พัวพันด้วยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
การประกอบความเพียร ที่เป็นความลำบากเหน็ดเหนื่อยแก่ตน
5. การเลี้ยงชีพชอบ
การใช้ชีวิตด้วยการบริโภคปัจจัยสี่ อย่างมักน้อย เท่าที่จำเป็น
6.ความเพียรชอบ
ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร
ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้
-. เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่ยังไม่ได้บังเกิด ;
-. เพื่อการบังเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรม ท. ที่ยังไม่ได้บังเกิด ;
-. เพื่อความยั่งยืน ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์
ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรม ท. ที่บังเกิดขึ้นแล้ว.
7. ความระลึกชอบ
-. พิจารณา ลมหายใจเข้าออกที่เป็นอยู่สั่นยาวเป็นต้น
พิจารณาการภายในภายนอกที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นกายๆหนึ่ง
-. พิจารณา ความรู้สึก สุขทุกข์หรือเฉยๆ ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ความรู้สึกร้อนหนาว สบายเมื่อย ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวทนาๆหนึ่ง
-. พิจารณา ความคิดที่เป็นอยู่ปัจจุบัน คิด(ดู)ลมหายใจ (กาย)
คิด(ดู)ความรู้สึก (เวทนา) คิด(ดู)ความคิดๆเรื่องใดอยู่ (จิต) ซึ่งเป็นจิตๆหนึ่ง
-. พิจารณา สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ ความคิดไม่อยู่นิ่งเลย (ไม่เที่ยง)
คิดเรื่องหนึ่งก็ไปอีกเรื่อง กลับมาเรื่องเก่า หรือไปเรื่องใหม่ๆ (จางคลายดับจากเรื่องหนึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
สิ่งที่เป็นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ธรรมชาติ(สลัดคืนสิ่งที่เกิดเป็นของโลก) ซึ่งเป็นธรรมๆหนึ่ง
มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้.
8. ความตั้งใจมั่นชอบ
เพราะสงัดจากกาม ท. เพราะสงัด
จากอกุศลธรรม ท., ย่อมเข้าถึง
-. ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่.
เพราะวิตกวิจารรำงับลง, เธอเข้าถึง
-. ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดขึ้น
ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่.
เพราะปิติจางหายไป, เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข และได้เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าถึง
-. ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุ ว่า “เป็นผู้เฉยอยู่ได้มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข”แล้วแลอยู่.เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และเพราะความดับหายแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, เธอย่อมเข้าถึง
-. ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
นี้เราเรียกว่าสัมมาสมาธิ.