จบไปแล้วจ้ากับเทศกาลหนังดี EU Film Festival 2015 ในกรุงเทพฯ และจะจัดกันต่อที่เชียงใหม่และขอนแก่น เริ่มต้นวันศุกร์นี้ ดูตารางได้ที่
http://pantip.com/topic/33858614
จิจ้ามีโอกาสได้ดูมา 4 เรื่องซึ่งพบว่ามี Theme สอดคล้องกันโดยไม่ทันสังเกตคือเป็นเรื่องราวของการต่อสู้ของผู้หญิง 4 คน (หรือ 4 กลุ่ม) จากต่างสังคม ยุคสมัย รวมไปจนถึงสถานะ น่าสนใจอยากเอามาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเพลิน ๆ สนใจเรื่องไหนจำชื่อเรื่องไว้แล้วลองไปหากันดู พวกสถาบันต่างชาติอาจเอามาฉายอีกก็ได้หรือใครมีช่องทางอื่นก็ตามสบายโลด
อ่ะ...เริ่มกันเลยด้วยเรื่องที่หนึ่ง
Phoenix (2015) นี่เมียไงจำไม่ได้หรอ
ต่อสู้กับ: ความซื่อสัตย์ของคู่ครองและความโหดร้ายของสงคราม
คลับฟรายเดย์ต้องร้องซี้ดกับพล็อตจี๊ดของหนังดีจากเยอรมัน เนลลี่สาวยิวเหยื่อนาซีช่วงสงครามโลกโดนระเบิดจนหน้าพังศัลยกรรมหน้ามาใหม่และได้รับการอุปถัมภ์จากเลเนอเพื่อนเธอที่ชวนกันหนีตายไปอยู่ชาติที่ปลอดภัยสำหรับชาวยิว แผนเหมือนจะไปได้สวยแต่เนลลี่เกิดสาระแนออกตามหาจอห์นนี่ผัวที่พลัดพรากกันตอนเธอโดนจับเข้าค่ายกักกัน เลเนอเพื่อนรักหวังดีเตือนสติว่าหาไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะผัวหล่อนนี่แหละคืองูพิษที่แจ้งทหารนาซีให้มาจับเธอไปเพื่อให้ตัวเองรอดและหวังฮุบทรัพย์สินเงินทองของเธอทั้งหมด
ด้วยความบ้าผัวจนลืมเพื่อน เนลลี่ออกสืบหาจนเจอจอห์นนี่ที่บาร์ฟีนิกซ์ (Phoenix) ซึ่งนอกจากเป็นชื่อเรื่องแล้ว ยังสะท้อนถึงตัวเธอที่เป็นวิหคเพลิงกำเนิดใหม่จากความตายที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีลมหายใจ แล้วผัวเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเห็นเธอฟื้นคืนชีพ
เกมพลิกคือนางจำเมียไม่ได้ ห่าน! บอกแค่ว่าหน้าคล้ายแล้วชวนมาสวมบท ‘เมียที่ตายไปแล้ว’ เพื่อร่วมแผนการทวงสิทธิมรดกแล้วจะตบรางวัลให้ แม้กลิ่นจะไม่ดีแต่เนลลี่ก็ตามน้ำไป เพื่อนทักท้วงแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนใจที่มืดบอดด้วยความรัก จุดนี้อยากให้เรื่องถึงพี่อ้อยพี่ฉอดจะได้ช่วยกันสติ (แล้วเอาเรื่องไปทำซีรีย์ขายเพลงประกอบละคร)
หนังชวนให้ย้อนคิดว่าคนที่เรารักอาจจะรู้จักเราเพียงผิวเผิน ชัดเจนในฉากที่จอห์นนี่พยายามซักซ้อมบทให้เนลลี่ทำตัวให้เหมือนภรรยา ทั้งที่ตัวเธอนั่งอยู่ตรงหน้าและไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนอกจากใบหน้าบางส่วน Nina Hoss รับบทนางเอกด้วยนัยน์ตาที่เบิกโพลง จนสงสัยว่าหมอดึงหน้าตึงไปรึเปล่าถึงได้ทำหน้าตกใจอะไรจะขนาดนั้น แต่เธอก็เล่นได้ละเมียดละไมดี
หนังเดินเรื่องเนิบช้าทว่าน่าติดตามด้วยกลิ่นหนังนัวร์ ตัวนางเอกก็ไม่ได้ตามล่าหาความจริงอะไรมากมายหรอกเพราะมัวแต่นั่งมโนฟินผัว รักงานกำกับภาพเฉียบคมสมทบด้วยดนตรีแจ๊ซคลอซึ่งเพลงมีความสำคัญมากในฉากจบชวนอึ้งที่ก้ำกึ่งระหว่างมาสเตอร์พีซกับความหงายเงิบ ผ่านมาเป็นสัปดาห์ละก็ยังเป็นภาพจำอยู่ แล้วคงจะเป็นหนึ่งในฉากจบที่ตราตรึงไปอีกนาน
----
ชาวเชียงใหม่และขอนแก่นจะได้ชม Phoenix ในวันที่ 25 ก.ค. และ 8 ส.ค. ตามลำดับจ้ะ
[รีวิว] ผู้หญิง 4 คนกับการต่อสู้ 4 รูปแบบในหนังดี 4 สี่เรื่องจากยุโรป (ส่งท้าย EU Film Fest 2015)
จิจ้ามีโอกาสได้ดูมา 4 เรื่องซึ่งพบว่ามี Theme สอดคล้องกันโดยไม่ทันสังเกตคือเป็นเรื่องราวของการต่อสู้ของผู้หญิง 4 คน (หรือ 4 กลุ่ม) จากต่างสังคม ยุคสมัย รวมไปจนถึงสถานะ น่าสนใจอยากเอามาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเพลิน ๆ สนใจเรื่องไหนจำชื่อเรื่องไว้แล้วลองไปหากันดู พวกสถาบันต่างชาติอาจเอามาฉายอีกก็ได้หรือใครมีช่องทางอื่นก็ตามสบายโลด
คลับฟรายเดย์ต้องร้องซี้ดกับพล็อตจี๊ดของหนังดีจากเยอรมัน เนลลี่สาวยิวเหยื่อนาซีช่วงสงครามโลกโดนระเบิดจนหน้าพังศัลยกรรมหน้ามาใหม่และได้รับการอุปถัมภ์จากเลเนอเพื่อนเธอที่ชวนกันหนีตายไปอยู่ชาติที่ปลอดภัยสำหรับชาวยิว แผนเหมือนจะไปได้สวยแต่เนลลี่เกิดสาระแนออกตามหาจอห์นนี่ผัวที่พลัดพรากกันตอนเธอโดนจับเข้าค่ายกักกัน เลเนอเพื่อนรักหวังดีเตือนสติว่าหาไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะผัวหล่อนนี่แหละคืองูพิษที่แจ้งทหารนาซีให้มาจับเธอไปเพื่อให้ตัวเองรอดและหวังฮุบทรัพย์สินเงินทองของเธอทั้งหมด
ด้วยความบ้าผัวจนลืมเพื่อน เนลลี่ออกสืบหาจนเจอจอห์นนี่ที่บาร์ฟีนิกซ์ (Phoenix) ซึ่งนอกจากเป็นชื่อเรื่องแล้ว ยังสะท้อนถึงตัวเธอที่เป็นวิหคเพลิงกำเนิดใหม่จากความตายที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีลมหายใจ แล้วผัวเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเห็นเธอฟื้นคืนชีพ
เกมพลิกคือนางจำเมียไม่ได้ ห่าน! บอกแค่ว่าหน้าคล้ายแล้วชวนมาสวมบท ‘เมียที่ตายไปแล้ว’ เพื่อร่วมแผนการทวงสิทธิมรดกแล้วจะตบรางวัลให้ แม้กลิ่นจะไม่ดีแต่เนลลี่ก็ตามน้ำไป เพื่อนทักท้วงแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนใจที่มืดบอดด้วยความรัก จุดนี้อยากให้เรื่องถึงพี่อ้อยพี่ฉอดจะได้ช่วยกันสติ (แล้วเอาเรื่องไปทำซีรีย์ขายเพลงประกอบละคร)
หนังชวนให้ย้อนคิดว่าคนที่เรารักอาจจะรู้จักเราเพียงผิวเผิน ชัดเจนในฉากที่จอห์นนี่พยายามซักซ้อมบทให้เนลลี่ทำตัวให้เหมือนภรรยา ทั้งที่ตัวเธอนั่งอยู่ตรงหน้าและไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนอกจากใบหน้าบางส่วน Nina Hoss รับบทนางเอกด้วยนัยน์ตาที่เบิกโพลง จนสงสัยว่าหมอดึงหน้าตึงไปรึเปล่าถึงได้ทำหน้าตกใจอะไรจะขนาดนั้น แต่เธอก็เล่นได้ละเมียดละไมดี
หนังเดินเรื่องเนิบช้าทว่าน่าติดตามด้วยกลิ่นหนังนัวร์ ตัวนางเอกก็ไม่ได้ตามล่าหาความจริงอะไรมากมายหรอกเพราะมัวแต่นั่งมโนฟินผัว รักงานกำกับภาพเฉียบคมสมทบด้วยดนตรีแจ๊ซคลอซึ่งเพลงมีความสำคัญมากในฉากจบชวนอึ้งที่ก้ำกึ่งระหว่างมาสเตอร์พีซกับความหงายเงิบ ผ่านมาเป็นสัปดาห์ละก็ยังเป็นภาพจำอยู่ แล้วคงจะเป็นหนึ่งในฉากจบที่ตราตรึงไปอีกนาน
ชาวเชียงใหม่และขอนแก่นจะได้ชม Phoenix ในวันที่ 25 ก.ค. และ 8 ส.ค. ตามลำดับจ้ะ