ตอบคำถามที่ว่า ทำไมคนเราเกิดมาจึงแตกต่างกัน?

ถ้าหลวงพี่มีเหตุผลนัก ช่วยหาคำตอบในกรณีนี้หน่อยสิ...
1.เด็กคนหนึ่งเกิดมาปุ๊บ ก็มีชีวิตที่สุขสบาย เพราะได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย  ผมอยากถามว่า ทำไมเด็กคนนั้นเกิดมาถึงโชคดีอย่างนั้น  หรือถ้าหลวงพี่ยังเชื่อเรื่องกรรมอยู่  เด็กคนนั้นทำกรรมดีอะไรจึงส่งผลให้เป็นอย่างนั้น ที่สำคัญแกไปทำตอนไหน เพราะเพิ่งเกิดมาแท้ๆ

2.เด็กคนหนึ่งเกิดมาปุ๊บ กลับมีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะได้เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน  ผมอยากถามว่า ทำไมเด็กคนนั้นเกิดมาถึงโชคดร้ายอย่างนั้น  หรือถ้าหลวงพี่ยังเชื่อเรื่องกรรมอยู่  เด็กคนนั้นทำกรรมไม่ดีอะไรจึงส่งผลให้เป้นอย่างนั้น ที่สำคัญแกไปทำตอนไหน เพราะเพิ่งเกิดมาแท้ๆ

ปล.ช่วยตอบให้ตรงคำถามด้วยนะครับ อย่าแถออกนอกประเด็น
แก้ไขข้อความเมื่อ 25 นาทีที่แล้ว

Trata
----------------------------------------
นี่แสดงว่าโยมยังไม่เคยได้ศึกษาเรื่อง อนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตนของใครอย่างแท้จริง) และเรื่อง สุญญตา (ความว่างจากตัวตนที่แท้จริง) ของขันธ์ ๕ หรือร่างกายกับจิตใจให้เข้าใจอย่างถูกต้อง

ก่อนอื่นต้องบอกว่า เรื่องกรรมและผลของกรรมนี้เป็นเรื่องอจินไตย (เรื่องที่ไม่ควรสนใจศึกษา) เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่การศึกษาเพื่อดับทุกข์ของจิตใจนปัจจุบัน ตามหลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า แต่ว่าโยมยอมรับหลักอจินไตยนี้หรือเปล่า? ถ้ายอมรับก็อย่าไปสนใจเรื่องกรรม เพราะมันเป็นเรื่องต่ำๆระดับศีลธรรมของชาวบ่าน ที่เป็นเรื่องความยึดถือว่ามีตัวตน (อัตตา) ทั้งนั้น เมื่อยึดถือว่ามีตัวตน มันจึงมีความแตกต่างกันขึ้นมา เช่น มีชาย มีหญิง มีคนรวย มีคนจน มีคนสุข มีคนทุกข์ เป็นต้นขึ้นมาทันที  แต่ถ้าไม่ยอมรับก็คงจะสนทนากันไม่ได้ เพราะโยมไม่ยอมรับหลักอจินไตยของพระพุทธเจ้า

เรื่องกรรมที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้นสอนเพียงว่า เมื่อทำดีก็จะสุขใจ อิ่มใจ แต่เมื่อทำชั่วก็จะร้อนใจ ไม่สบายใจ เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมคนเราแต่ละคนจึงเกิดมาแตกต่างกันนั้น ถ้าเราเข้าใจเรื่องความเป็นอนัตตาและสุญญตาของทุกชีวิตและทุกสิ่งอย่างแท้จริงแล้ว เราก็จะเข้าใจได้เองว่า แท้จริงแล้วมันไม่ได้มีตัวตนเฉพาะของใครๆอยู่จริงเลย คือทุกสิ่งมันเป็นแค่เพียงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากธาตุตามธรรมชาติเพียงชั่วคราวเท่านั่น ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงๆเลย หรือพูดง่ายๆว่า ทุกคนในโลกคือคนๆเดียวกัน แม้จะดูภายนอกแตกต่างกันก็ตาม

เหมือนเครื่องคอมพิวเตอรที่ถูกผลิตขึ้นมาเหมือนกันทุกเครื่อง และใช้ไฟฟ้าเฟมือนกัน แต่มาถูกป้อนข้อมูลให้ต่างกันในภายหลัง จึงทำงานต่างกันเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแม้ข้อมูลที่ต่างกันก็ไม่ได้ตั้งอยู่ไปอย่างมั่นคงถาวรเลย

คนเราทุกคนก็เหมือนกัน คือจริงๆแล้วมันไม่ไ่ด้มีตัวตนของใครๆมาเกิด ไม่ได้มีตัวตนของใครๆตาย เพราะแม้ปัจจุบันมันก็ไม่ได้มีตัวตนของใครๆอยู่จริงเลย นี่คือลักษณะของความเป็นอนัตตาและสุญญตาของขันธ์ ๕ หรือร่างกายและจิตใจของทุกชีวิต เมื่อเราเข้าใจใจเรื่องนี้แล้ว เราก็จะเข้าใจได้เองว่า มันไม่ได้มีตัวตของใครที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบจริงๆอย่างที่โยมถามมาเลย เรื่องการได้เปรียบ-เสียเปรียบนั้น มันเป็นแค่เพียงความเข้าใจผิดว่ามีตัวตน (อัตตา) ของแต่ละคนอยู่จริงๆที่แตกต่างกันเท่านั้น และเมื่อเข่าใจผิดจึงทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวตนจริงๆขึ้นมา แล้วตัวตนที่ยึดถือนี้ก็มาเป็นทุกข์เพราะความยึดถือนี่เอง

เมื่อเราเข้าใจและเห็นแจ้งเรื่องความไม่มีตัวตนอยู่จริง (สุญญตา) นี้แล้ว ก็จะทำให้เรื่องความแตกต่างกันตามที่โยมถามมานั้นหมดสิ้นไปทันที เพราะมีปัญญาเห็นแจ้งชีวิตและโลกแล้ว ซึ่งผลที่ได้จากการมีปัญญาก็คือ นำปัญญานี้มาปฏิบัติคู่กับสมาธิ (โดยมีศีลเป็นพื้นฐาน) เพื่อให้จิตปล่อยวางความยึดถือว่ามีตัวเราและตัวเขาลงได้ เมื่อปล่อยวางได้ จิตมันก็ไม่เป็นทุกข์ เมื่อจิตไม่เป็นทุกข์ มันก็สงบเย็นหรือนิพพาน (แม้เพียงชั่วคราว)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่