ไปต่อทะเบียนกับ พรบ. 20/07/2558
เนื่องจากรถผม เป็นรถกระบะ 4 ประตู จัดให้อยู่ในประเภทรถนั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
ทะเบียนหมดอายุไปเมื่อ 15 พ.ค. 2558 นับแล้วก็เป็นระยะเวลา 3 เดือน ถ้าหากว่าเกิน
มา 1 วันของเดือนใหม่ ก็นับเป็น 1 เดือนเต็มเลยครับ ทั้งหมดก็รวมเป็น 3 เดือน ซึ่งก็คือ
ว่ามันเกินกำหนดชำระภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะคิดค่าปรับร้อยละ 1 %
ต่อเดือนครับ ถ้าของผมเกินมา 3 เดือน เจ้าหน้าที่จะคิด 3 % ถ้าเราอยากรู้ว่าเราจะต้อง
จ่ายค่าปรับเท่าไรก็ให้ดูท้ายเล่มใบคู่มือจดทะเบียนหรือเล่มทะเบียนรถ จะมีบอกว่ารถที่
ขับอยู่จะเก็บค่าภาษีกี่บาท ของผมเก็บอยู่ที่ 3,448 บาทต่อปีครับ ผมจึงนำ
3,448*3/100=103.44 คำตอบนี้คือค่าปรับที่ผมต้องจ่ายเพิ่มไปกับจำนวนเงิน 3,448
ครับ เมื่อเอา3,448+103.44ก็ได้ราคาทั้งหมดเป็น 3,551.44
ก่อนที่เราจะต่อทะเบียนหรือจ่ายภาษีทะเบียนได้ เราต้องต่อ พรบ. ให้เรียบร้อยก่อนครับ
พรบ.ของผมก็หมดเช่นกัน จึงไปต่อ พรบ.ที่ขนส่งนั่นแหละครับ ซึ่งการจะต่อพรบ.ได้นั้น
เราต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถจาก ตรอ. ซึ่ง 1 ใบจะมีอายุการใช้งานได้ถึง 9 เดือน
ของผมขอไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่เพิ่งจะว่างจริงๆจังๆก็เดือนนี้ครับ ก็ยังใช้ได้อยู่นะครับ
ค่าพรบ.ผมจ่ายไป 645 บาทครับ ส่วนค่าตรวจสภาพรถที่ตรอ.ที่ผมจ่ายนั้นอยู่ที่ 250 บาท
ถ้าจำไม่ผิดรถที่ต้องเข้าตรวจสภาพคือรถที่ใช้การมาแล้วเป็นเวลา 7 ปี ถ้าไม่ถึง 7 ปีก็ไม่
ต้องเข้า ตรวจที่ ตรอ. ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
ถ้าคนไม่เยอะ ทั้ง 2 ขั้นตอนยังไม่ถึง 5 นาทีเลยครับ ที่ผมอยากมาเล่าสู่กันฟังแบบนี้เพราะ
ว่าผมกังวลมากครับ ก่อนที่จะไปจ่ายค่าพรบ.กับภาษีทะเบียนรถยนต์ เนื่องจากเงินใน
ช่วงนี้มันจำกัดมากครับเกรงว่าจะไม่พอบ้างอะไรบ้าง หลายคนอาจเจอปัญหานี้เช่นกัน ผม
ก็เลยอยากให้ลองคำนวณค่าใช้จ่ายในครั้งนั้นๆ ให้พอทราบและจะได้จัดการให้มันพอดี
จะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลาครับ
วันนี้ไปต่อ พรบ กับเสียภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์มาครับ
เนื่องจากรถผม เป็นรถกระบะ 4 ประตู จัดให้อยู่ในประเภทรถนั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
ทะเบียนหมดอายุไปเมื่อ 15 พ.ค. 2558 นับแล้วก็เป็นระยะเวลา 3 เดือน ถ้าหากว่าเกิน
มา 1 วันของเดือนใหม่ ก็นับเป็น 1 เดือนเต็มเลยครับ ทั้งหมดก็รวมเป็น 3 เดือน ซึ่งก็คือ
ว่ามันเกินกำหนดชำระภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะคิดค่าปรับร้อยละ 1 %
ต่อเดือนครับ ถ้าของผมเกินมา 3 เดือน เจ้าหน้าที่จะคิด 3 % ถ้าเราอยากรู้ว่าเราจะต้อง
จ่ายค่าปรับเท่าไรก็ให้ดูท้ายเล่มใบคู่มือจดทะเบียนหรือเล่มทะเบียนรถ จะมีบอกว่ารถที่
ขับอยู่จะเก็บค่าภาษีกี่บาท ของผมเก็บอยู่ที่ 3,448 บาทต่อปีครับ ผมจึงนำ
3,448*3/100=103.44 คำตอบนี้คือค่าปรับที่ผมต้องจ่ายเพิ่มไปกับจำนวนเงิน 3,448
ครับ เมื่อเอา3,448+103.44ก็ได้ราคาทั้งหมดเป็น 3,551.44
ก่อนที่เราจะต่อทะเบียนหรือจ่ายภาษีทะเบียนได้ เราต้องต่อ พรบ. ให้เรียบร้อยก่อนครับ
พรบ.ของผมก็หมดเช่นกัน จึงไปต่อ พรบ.ที่ขนส่งนั่นแหละครับ ซึ่งการจะต่อพรบ.ได้นั้น
เราต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถจาก ตรอ. ซึ่ง 1 ใบจะมีอายุการใช้งานได้ถึง 9 เดือน
ของผมขอไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่เพิ่งจะว่างจริงๆจังๆก็เดือนนี้ครับ ก็ยังใช้ได้อยู่นะครับ
ค่าพรบ.ผมจ่ายไป 645 บาทครับ ส่วนค่าตรวจสภาพรถที่ตรอ.ที่ผมจ่ายนั้นอยู่ที่ 250 บาท
ถ้าจำไม่ผิดรถที่ต้องเข้าตรวจสภาพคือรถที่ใช้การมาแล้วเป็นเวลา 7 ปี ถ้าไม่ถึง 7 ปีก็ไม่
ต้องเข้า ตรวจที่ ตรอ. ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
ถ้าคนไม่เยอะ ทั้ง 2 ขั้นตอนยังไม่ถึง 5 นาทีเลยครับ ที่ผมอยากมาเล่าสู่กันฟังแบบนี้เพราะ
ว่าผมกังวลมากครับ ก่อนที่จะไปจ่ายค่าพรบ.กับภาษีทะเบียนรถยนต์ เนื่องจากเงินใน
ช่วงนี้มันจำกัดมากครับเกรงว่าจะไม่พอบ้างอะไรบ้าง หลายคนอาจเจอปัญหานี้เช่นกัน ผม
ก็เลยอยากให้ลองคำนวณค่าใช้จ่ายในครั้งนั้นๆ ให้พอทราบและจะได้จัดการให้มันพอดี
จะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลาครับ