เรื่องสั้น บันทึก(บทเรียนครั้งสุดท้าย)

เรื่องสั้นสะท้อนปัญหาวัยรุ่น รักในวัยเรียน ท้องไม่พร้อม และยาเสพติด

บันทึก(บทเรียนครั้งสุดท้าย)


ลมมรสุมเคลื่อนตัวผ่านภาคใต้ เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งฝนตกหนักว่าปีก่อนๆตลอดทั้งเดือนตุลาคมฉันแทบไม่เห็นแม้กระทั่งแสงอาทิตย์มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก ท้องฟ้ามืดสนิทจนไม่รู้ว่าเป็นเวลาไหน แสงอาทิตย์เพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถลอดผ่านเมฆดำทะมึนที่แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าลงมาได้ ฉันอยากจะกรีดร้องให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ดังพอที่จะทำลายเมฆสีดำที่อยู่บนท้องฟ้าบวกกับสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที


ความรู้สึกที่อึดอัด อัดแน่นในใจของฉันแทบจะบ้าเหมือนกำลังโดนกักขังในที่ที่มืดมิดตลอดกาล ทุกเช้าที่ฉันไปโรงเรียนสิ่งแรกที่ออกมาต้อนรับฉันพร้อมกับเช้าวันใหม่คือสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ฉันคิดเอาว่ามันคงจะภูมิใจที่ได้ทำชุดนักเรียนสีขาวของฉันเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เมื่อมาถึงโรงเรียนก็เจอกับสภาพของเพื่อนๆที่ไม่ต่างอะไรกับฉันมากนัก

“แหม!! ทำไมพวกเธอถึงได้เปียกปอนอะไรกันขนาดนี้”

มันทำให้ฉันอดที่จะขำในใจไม่ได้ แต่การที่ฝนตกหนักแบบนี้ก็ได้ทำให้การเข้าแถวหน้าเสาธงเป็นอันโมฆะไป นักเรียนจึงต้องเปลี่ยนไปเข้าแถวหน้าชั้นเรียนของตนแทนนี่แหละข้อดีของฝนตก(หนึ่งในอีกรายร้อยข้อ)

แต่การที่เราจะหาเรื่องสนุกๆทำในหน้าฝนแบบนี้คงเป็นอะไรที่ยากเอามากๆ โดยเฉพาะในวันหยุดก็คงจะออกไปไหนไม่ได้ถ้าฝนยังตกไม่ยอมหยุด แต่สำหรับฉันคงไม่นอนอยู่กับบ้านเฉยๆแน่นอน ฉันจะออกไปที่ไหนสักแห่งเพื่อหาเรื่องสนุกทำ อันที่จริงแล้วฉันก็ชอบอยู่บ้านนะชอบทำงานบ้านที่ช่วยให้ผ่อนคลายโดยเฉพาะซักผ้านี่ชอบมากเป็นพิเศษ จะว่าไปฉันชอบตอนที่ผ้ามันแห้งมากกว่าเพราะกลิ่นหอมจากผ้าที่โดนตากแดดมันหอมที่สุดเลย
ฉันไม่ชอบอากาศร้อนแต่ก็ตรงกันข้ามนั่นแหละฉันชอบอากาศเย็นๆแบบนี้ วันที่ฝนตกมักจะอากาศเย็นเสมอ>>อิอิ ฉันเขียนบันทึกของฉันอยู่นะ<<.ให้ตายเถอะไฟดับ >>>เนวยนือ<<< อุ๊ย !! เขียนผิดตอนไฟดับ ช่างเถอะฉันขี้เกียจจะลบปล่อยไปล่ะกัน

เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นต้องเป็นเพื่อนฉันคนใดคนหนึ่งสักคนที่กำลังคิดเหมือนกันกับฉันตอนนี้ ฉันหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ นั่นไงฝนเพื่อนคนนี้ชอบหาเรื่องแปลกๆทำอยู่เรื่อย

“สวัสดีจ๊ะ ว่าไงแกมีเรื่องอะไร”

“นี่แกทำอะไรอยู่ ว่างรึเปล่ามาหาเรื่องสนุกๆทำกันดีกว่า” เสียงฝนที่พูดมาเป็นไปตามที่คาดไม่มีผิด

“ว่างๆ ฉันกำลังเบื่อๆอยู่ด้วยซิ” ฉันตอบเพื่อนอย่างอารมณ์ดี

“แกมาหาฉันที่หอได้ป่ะนี่” ฝนพูดอย่างตื่นเต้นราวจะมีเรื่องอะไรให้ฉันต้องทำ

“ได้ๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ฉันตอบกลับแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย

ฉันรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมสวมเสื้อกันฝนทับคว้าเอาร่มไปด้วย เพราะฉันตั้งใจจะขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป แม่เดินผ่านมาเห็นฉันใส่เสื้อกันฝนอยู่พอดี แม่ของฉันท่านเป็นคนใจดีมากๆ ชอบทำบุญไม่ว่างานบุญที่ไหนแม่ไม่เคยพลาดซักงานทุกเช้า กิจวัตรแรกของแม่คือการตื่นเช้ามาตักบาตร ถ้าวันไหนที่แม่ว่างสถานที่แม่จะไปคือวัด แม่มักจะชอบชวนฉันไปฟังเทศน์ฟังธรรม นั่งสมาธิด้วยกันทุกครั้ง ฉันก็เลยมีโอกาสได้เข้าวัดกับแม่อยู่บ่อยๆ แม่มักจะสอนฉันอยู่เสมอว่า

“มนุษย์จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้นั้นต้องสมบูรณ์ไปด้วยธรรม และการมีศีล ๕ เป็นรากฐานที่ส่องสว่างในการดำเนินชีวิต”

“ซันลูกจะไปไหนฝนตกหนักขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” แม่ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นลูกสาวใส่เสื้อกันฝน

“ไปหาฝนที่หอค่ะแม่” ฉันตอบแม่แล้วรีบออกมาจากบ้านแต่วางร่มไว้ ตัดใจไม่เอาไปด้วยดีกว่า

ฝนตกมากจริงๆขับรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจของฉันฝ่าฝน มาไม่เท่าไหร่ก็สึกหนาวไปถึงเส้นเลือด ตัวฉันสั่นไปหมด ตอนนี้มือชา หน้าก็ชาไปหมดฉันต้องลดระดับความเร็วในการขับรถลง แต่ด้วยความอยากเล่นอะไรสนุกก็พาตัวเองมาถึงหอพักของเพื่อนได้อย่างปลอดภัย(แบบทุลักทุเล) ฉันชำนาญเส้นทางดี ถ้าจะสนิทกับยามหอพักก็คงไม่น่าแปลกนะเพราะฉันมาที่นี้แทบจะทุกวัน

“น้องซันมาหาน้องฝนหรือครับ” น้ายามร้องทักทันทีที่เห็นฉัน

“เปล่าค่ะ ซันมาหาน้ายามต่างหาก”

“น้องซันก็ชอบพูดกวนน้าอยู่เรื่อยเลย”

“ก็น้ายามชอบถามคำถามเดิมๆแบบนี้ทุกครั้งที่ซันมานี่ค่ะ” ฉันตอบน้ายามอย่างทันทีแล้วรีบเดินตรงเข้าลิฟต์อย่างรวดเร็ว ฉันชอบน้ายามก็เพราะว่าแกเป็นคนซื่อ มีน้ำใจ ชอบยิ้มแถมยังชอบทำอะไรซ้ำๆกลับไปกลับมา แต่ถ้าให้แกวิ่งไล่คนร้ายล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่าสู้สุดใจขาดดิ้นเลยค่ะ แกบอกว่าแกเคยเป็นนักวิ่งทีมโรงเรียนมาก่อนตอนประถมฯ ๕ คนร้ายหรือจะสู้เสร็จทุกราย (ฉันไม่รู้ว่าแกพูดอวดหรือเปล่านะ)
ฉันอยู่ในลิฟต์ห้องฝนอยู่ชั้นสี่ แต่ฉันชอบกดหมายเลย ๔ ๕ ๖….มันจะได้ดูมีสีนสันขึ้นหน่อย ฮะฮ่า ฉันคิดไปเองนะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“สวัสดีจ๊ะซัน พวกเรารอเธอยู่เข้ามาเร็ว”

ฉันยืนมองคนที่มาเปิดประตูให้ สาบานได้เลยฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน

“ฉันขอแนะนำตัวนะ ฉันชื่อโยเป็นเพื่อนของฝน” โยโค้งให้เล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่เผยให้เห็นฟันแทบจะทุกซี่

“อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักคะ” ฉันโค้งหัวตอบเล็กน้อยเช่นกัน

“อ่าว ซันมาแล้วเหรอ ฉันจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จัก คนนั้นโย ส่วนคนนี้” ฝนชี้ไปทางหน้าต่างตรงที่มีคนกำลังเล่นคอมอยู่ อย่างจริงจัง

“ชื่อว่า วิน เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันเอง พ่อเขาเป็นพี่ชายแม่ฉันอายุเท่าพวกเรานี่ล่ะ” สำหรับฝนแล้วการแนะนำคนหนึ่งให้รู้จักอีกคนหนึ่ง เป็นที่สิ่งทำได้ดีอย่างยิ่ง เขาเงยหน้ามามองฉันเพื่อทักทายในวินาทีนั้นหัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้น เพราะเจ้าช่วย!!!!ทำไมเขาหล่ออย่างนี้

“เจอคนหล่อถึงกับยืนอึ้งไปเลยเหรอ” เสียงของโยทำเอาฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที

“ซันนี่ของฉันเป็นอะไรไปล่ะนี่” ฝนมาสมทบอีกคน สองสาวหัวเราะฉันใหญ่เลย แบบนี้ก็ต้องหน้าแดงล่ะนะห้ามไม่ได้

“นี่วินนายกลับห้องไปได้แล้ว ผู้หญิงเขามีเรื่องจะคุยกัน”

ฝนออกปากไล่วินออกไป ฉันก็อดที่จะขอบคุณฝนในใจไม่ได้เข้าใจแก้ปัญหาได้ดีเพราะถ้าปล่อยให้วินอยู่ต่อฉันคงต้องเอากะละมังมาคลุมหัวแล้วเดินออกจะห้องเองล่ะมั้ง ไม่รอช้าวินเก็บโน๊ตบุ๊กของเขาแล้วเดินออกจากห้องไปทันที

“เอาล่ะได้เวลาที่เราจะมาหาเรื่องสนุกทำแก้เซ็งกัน” ฝนกล่าววางมาดอย่างผู้นำ

“ฝนตกหนักแบบนี้จะไปทำอะไรได้ล่ะ” ฉันถามอย่างเบื่อหน่าย

“ต้องอยู่ในที่ร่มนะฉันไม่อยากให้เสื้อผ้าชุดใหม่ของฉันเปียก” โยเสนอความคิดที่เข้าท่าทีเดียว

“คิดออกแล้ว เราไปดูหนังกันดีกว่าไปรถตุ๊กตุ๊กรับรองไม่เปียก” ฝนเสนอความคิด

ฉันกับโยหันมองหน้ากันใจจริงฉันคิดว่านั่งดูอยู่ที่ห้องก็ได้ แต่ก็ออกมาข้างนอกแล้ว ก็ตามใจนะ

“พวกแกสองคนอย่างมองหน้ากันแบบนั่นซิ ความคิดฉันเริ่ดจะตาย ดีกว่าอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ” ฝนพูดต่อเพื่อโนวน้าวเพื่อนทั้งสอง ข้อตกลงของวันนี้คือต้องฝ่าสายฝนไปดูหนังเป็นอันว่าทุกคนพึงพอใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่