[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน : เจ๊ม่วย ซาละเปาเตาถ่าน

กระทู้รีวิว

คำนำ : ความจริงแล้ว บทความนี้ เป็นตอนที่ 3 ของบทความในชุด"เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน"

โดยมี"เที่ยวไปกินไป by laser @ โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย ซอยสุกร 2"

http://pantip.com/topic/33940931 เป็นตอนแรก และทุเรียนหมอนทองป่าละอู เป็นตอนที่ 2

ที่ต้องตัดเป็น 3 ตอน ก็เพราะมีภาพจำนวนมาก

คำเตือน : ภาพ แผนที่และบทความ มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง

ผู้ละเมิด จะถูกดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยไม่มีการยอมความ

วันศุกร์ที่ 17-7-15 หลังจากซื้อทุเรียนหมอนทองป่าละอู ที่ศุนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ

และแวะไปดูอพาร์ทเมนท์ของเพื่อน ที่ซอยหัวหิน 21 ข้างวังไกลกังวลแล้ว

เพื่อความสะดวก จึงนั่งรถสองแถวเขียว จากริมถนนเพชรเกษม เลี้ยวขวาเข้าถนนชมสินธุ์(ซอยหัวหิน 70)

ถึงสี่แยกหน้าทางเข้ามูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสระสรง

ก่อนเลี้ยวขวา เพื่อนชี้ให้ดูซาละเบาเตาถ่าน ซึ่งขายถูกและอร่อย

รถสองแถวไปสุดสาย ที่หลังตลาดฉัตรไชยและแยกตลาดโต้รุ่ง(ซอยเดชานุชิตฝั่งซอยหัวหิน 72)

18.07 น.ลงรถแล้วเดินตรงไปตามถนนสระสรง

เพื่อไปซื้อตั๋วรถตู้ บขส.ไปลงอนุสาวรีย์ชัยฯ รอบสุดท้ายหนึ่งทุ่ม ค่าตั๋วคนละ 180 บาท

จากนั้นเดินย้อนกลับมาทางตลาดโต้รุ่ง

เพื่อนพาแฟนเลี้ยวซ้ายไปสั่งอาหารก่อน

แต่ตัวเองเดินเร็วตรงไปซื้อซาละเปา

ผ่านร้านขายผลไม้ตลาดฉัตรไชย

ทุเรียนหมอนทองป่าละอู เหลือกิโลฯละ 150 บาท

แผงนี้ทรงสวยมาก เป็นทุเรียนห่าม เหมาะกับการทานวันอื่น หรือ หิ้วทั้งลูกกลับกรุงเทพ

ถึงสี่แยกตัดกับถนนชมสินธุ์เลี้ยวขวาประมาณ 10 เมตร

ตรงข้ามกับศูนย์ควบคุมสัญญานไฟจราจร สถานีตำรวจภูธรหัวหิน

มีซอยเข้าด้านข้างของตลาดฉัตรชัย

ซึ่งเมื่อก่อนเรียกกันว่า"ตรอกถ่าน" เพราะขายถ่านทั้งซอย

ปากซอยมีคนเข้าแถวรอซื้อซาละเปาเตาถ่าน จากเจ๊ม่วย หญิงชราวัยเกือบ 80 ปี

ที่ตั้งโต๊ะไม้วางซาละเปารอนึ่ง หน้าร้านมีซึ้งนึ่งและเตาถ่านสองชุด

ตัวเจ๊ม่วยก้มๆเงย หยิบซาละเปาและหมั่นโถวร้อนๆให้ลูกค้า

เห็นแล้วก็อดนึกถึงหอยทอดลุงเตาถ่านไม่ได้

คนหัวหินจะเรียกร้านนี้ว่า"ร้านซาละเปาเตาถ่านเจ๊ม่วย" หรือ "ร้านซาละเปาเจ๊ม่วยตรอกถ่าน"

เป็นซาละเปา ทั้งแบบไม่มีไส้ หรือ ที่เรียกกันว่า"หมั่นโถว" ราคาลูกละ 10 บาท

มี 3 แบบ คือ ผสมมันเทศ ผสมฟักทองและผสมกาแฟ

และซาละเปาแบบมีไส้ ซึ่งมีเพียง 2 ไส้ คือ ไส้หมูสับและไส้ครีม ราคาลูกละ 15 บาท

มีซึ่งนึ่งไอน้ำสองชุด ตั้งอยู่บนเตาถ่าน 2 ลูก

เจ๊ม่วยจะคอยเติมถ่านใส่เตา

เมื่อซาละเปานุ่มร้อนได้ที่ ใช้ที่คีบบาร์บีคิวคีบซาละเปา หรือ หมั่นโถวตามที่ลูกค้าสั่ง

และคอยเติมซาละเปา หรือ หมั่นโถวที่พร่องให้เต็มซึ้งนึ่ง

เจ๊ม่วยขายคนเดียวมากว่า 60 ปี

โดยคีบซาละเปา หรือ หมั่นโถววางบนถาดโฟมในถุงหิ้วให้ลูกค้า

แม้จะวัยใกล้ 80 และรูปร่างเล็ก แต่เจ๊ม่วยก็ว่องไวมาก

ขนาดฝรั่งพูดไทยชัดแจ๋ว ไม่ยอมรับเงินทอน 30 บาท จากค่าซาละเปาและหมั่นโถว 70 บาท

เจ๊ม่วยยังวิ่งเอาเงินไปยัดใส่มือคืนฝรั่งได้

เจ๊ม่วยคงถือคติ "ฉันยังมีแรงขายซาละเปา ไม่ได้ขายความสงสาร"

ถึงคิวตัวเอง เพื่อความรวดเร็ว เพราะต้องกลับไปทานข้าวก่อนขึ้นรถตู้ บขส.เพื่อกลับกรุงเทพฯ

ซึ่งมีเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง จึงสั่งหมั่นโถวและซาละเปาแบบไม่นึ่งอย่างละ 2 ลูก รวม 11 ลูก 130 บาท

ซาละเปาเตาถ่านเจ๊ม่วยตรอกถ่าน ขายซาละเปาและหมั่นโถวทุกวันเว้นวันพุธ เดี๋ยวนี้ขายรอบเดียว คือ รอบเย็น

ตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึงประมาณ 2 ทุ่ม หรือ จนกว่าของจะหมด

ไม่มีเวลาและโอกาสถามประวัติอย่างอิ่น เพราะต้องรีบเดินเร็วกลับไปที่ร้านอาหาร

กลับถึงบ้านจัดหมั่นโถวและซาละเปาออกมาถ่ายรูป

แต่ละลูกมีเส้นผ่าศูนย์กลางสามนิ้วครึ่ง ลูกใหญ่กว่าเปาเซเว่น

บางคนจึงเรียกซาละเปาเตาถ่านของเจ๊มุ่ยว่า"ซาละเปาปีศาจ"

เพราะลูกใหญ่มาก บางคนแค่ลูกเดียวก็จุกแล้ว เพราะเนื้อซาละเปาและหมั่นโถวแน่น

หมั่นโถวกาแฟ

หมั่นโถวมันเทศ

หมั่นโถวฟักทอง

ซาละเปาแบบมีไส้ แบบขมวดแป้งซาละเปาที่ยอด คือ ไส้หมูสับ

แบบหน้าเรียบแต้มจุดแดง คือ ซาละเปาไส้ครีม

รุ่งขึ้นจัดการนึ่งมาทานกับกาแฟ

หมั่นโถวกาแฟ ไม่ได้กลิ่นกาแฟ

หมั่นโถวมันเทศ เป็นแบบผสมมันเทศบดกับแป้งซาละเปา

และใส่มันเทศสับชิ้นเล็กๆ แป้งเหนียวนุ่ม หวานอ่อนๆ

หมั่นโถวฟักทอง ผสมฟักทองหั่นชิ้นเล็กๆ แบบเดียวกับหมั่นโถวมันเทศ

หมั่นโถวแต่ละแบบกลิ่นอ่อนมาก โดยเฉพาะรสกาแฟ ที่ไม่ได้กลิ่นกาแฟเลย

ซาละเปาไส้หมูสับ หมูสับปรุงรสได้หอมอร่อย หวานๆเค็มๆพริกไทยน้อย

ซาละเปาไส้ครีม ไส้ครีมไม่เหลวเป็นลาวา หอมและไม่หวานจัด

ไปหัวหินครั้งหน้า แวะซื้อซาละเปาและหมั่นโถวแบบไม่นึ่ง

ไปนึ่งด้วยไมโครเวฟ ทานเป็นอาหารเช้ากับกาแฟก็ไม่เลว