เคยได้ยินเข้าหูบ่อยว่า ภาคอีสานมีสส.ตั้งเยอะแยะแต่ทำไมภาคนี้ถึงเจริญช้ากว่าใครเขา? นั่นเป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้เต็มปากเต็มคำ แต่ครั้นจะมองเสียด้านเดียวเลยก็ไม่ถูก เพราะสส.บางคนชอบที่จะทำความเจริญให้เฉพาะแค่จังหวัดหรือภาคตัวและสส.บางคนชอบที่จะนำความเจริญให้ประเทศในภารวม? ใครเป็นใครก็ดูกันเองได้ ที่อยากจะพูดถึงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องนี้จึงขอข้ามไป
ความที่เจริญช้ากว่าส่วนอื่นๆ บวกกับอัตรารายได้ต่อหัวต่ำกว่าภาคอื่นๆ ทำให้คนอีสานทั้งภาคถูกบางคนบางกลุ่มมองไปในทางลบ อย่างเช่นเมื่อไม่นานมานี้ตามที่คุณวิชา มหาคุณได้พูดเอาไว้ คุณวิชาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกทำให้เชื่อว่าคนอีสานมีคุณลักษณะเช่นนั้นทั้งๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสด้วยตัวเอง
ในฐานะคนอีสาน ไม่รู้จะพูดจะบายอย่างไรแทนคนอีสานทั้งหมดเพื่อให้สังคมส่วนอื่นให้เข้าใจทั้งสภาวะความเป็นอยู่และกระบวนการคิดได้ ซึ่งบรรพบุรุษคนอีสานรุ่นเก่าๆ ก็ได้พยายามมาแล้ว และแทบจะไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้น คนอีสานในสายของบางคนก็ยังคือคนอีสานที่ล้าหลัง หลอกง่าย ไร้การศึกษาและบ้านนอกอยู่ดี สุดท้ายก็คงได้แต่ปลอบในหมู่คนอีสานด้วยกันเองว่ามันคงเป็นชะตากรรม ใช่...ชะตากรรมที่ต้องรับมันเอาไว้นอกเหนือจากภัยธรรมชาติ(ที่ยามร้อนก็ร้อนจัด แล้งก็แล้งจัด หนาวก็หนาวจัด)แล้ว ยังมาต้องรับชะตากรรมจากเพื่อนมนุษย์ร่วมแผ่นดินบางกลุ่มบางคนสรรหามาให้ ดูเหมือนว่าความเป็นอีสาน(ทั้งรูปธรรม/นามธรรม)จะขัดหูขัดตาของท่านเหล่านั้นไปหมด รูปร่างหน้าตา ฐานะการศึกษา การพูดการจา หรือแม้แต่ข้าวที่กิน?
แปลก...คำครหาที่ว่าคนอีสานหลอกง่ายนั้นมาพึ่งมาถูกโหมกระพือเอาเพราะพรรคการเมืองพรรคหนึ่งสูญเสียที่นั่งในภาคอีสานเป็นจำนวนมากและหลายสมัยติดต่อกัน
แปลก...ที่คำครหาว่ามีการซื้อเสียงในภาคอีสานรุนแรงเกิดถูกยกมากล่าวหาคนอีสานหลังจากพรรคการเมืองพรรคหนึ่งสูญเสียที่นั่งในภาคอีสานเป็นจำนวนมากและหลายสมัยติดต่อกัน
แปลก...ที่วาทกรรม "เสียงคนในเมือง(กรุง)มีค่ามากกว่าคนชนบท" พึ่งจะมาเกิดเอาหลังจากประเทศไทยมีรัฐบาลทั้งจากคะแนนเสียงของคนในเมืองและชนบทมาบริหารประเทศเป็นเวลาเกือบศตวรรษ แล้วจู่ๆ คะแนนเสียงของคนชนบทก็ถูกลดคุณค่าไปซะอย่างนั้น
ในยามที่บ้านเมืองได้ผู้นำบนควาพึงพอใจของ "บางคน" และ "บางกลุ่ม" อย่างพลเอกเปรม เสียงครหาต่อคนอีสานแทบจะไม่มี ทั้งๆ ที่ส่วนหนึ่งนั้นพลเอกเปรมเหยียบไหล่คนอีสาน(และคนอีสานก็พอใจที่จะให้เหยียบ)เพื่อก้าวขึ้นสู่ถนนการเมืองตั้งแต่เป็นแม่ทัพที่อีสาน พอคนอีสานหักดิบกับการเมืองแบบเดิมๆ เทใจให้กับพรรคไทยรักไทย วาทกรรมที่โจมตีคนอีสานต่างๆ นานาก็เกิดขึ้น หลอกง่าย ขายเสียง "ช่างทาสี" อย่างนายหัวชวนตวัดแปรงออกทีวีว่า "ต้องแหวกม่านสีม่วง"ในภาคอีสาน(สีม่วงคือใบละห้าร้อย)อย่างไม่รู้สึกละอายสักนิดว่าคนอีสานจำนวนมากเคยเชียร์ประชาธิปัตย์มาก่อน
ทุกรัฐบาลต่างก็ทราบและรับรู้ปัญหาของภาคอีสานดี แต่โครงการเข้าไปแก้ปัญหาอย่างจริงจังแทบจะนับได้ การเข้ามาบริหารของทักษิณจากโครงการต่างๆ ที่กระจายไปแทบทั่วระแหงของประเทศ และทำให้คนอีสานพลอยฟ้าพลอยฝนได้ลืมตาอ้าปากไปด้วย การตอบแทนด้วยการเลือกทักษิณเข้ามาบริหารอีกเกือบยกภาคนั้นกลับถูกบางกลุ่มมองว่า หลอกง่าย ขายเสียง.....ถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องย้อนกลับไปถามตัวเองบ้างว่าเขาหรือเราที่ควรจะถูกตำหนิ??
........ นานเท่าไหร่ก็จะรอเธอ "เลือกตั้ง"......"
ความที่เจริญช้ากว่าส่วนอื่นๆ บวกกับอัตรารายได้ต่อหัวต่ำกว่าภาคอื่นๆ ทำให้คนอีสานทั้งภาคถูกบางคนบางกลุ่มมองไปในทางลบ อย่างเช่นเมื่อไม่นานมานี้ตามที่คุณวิชา มหาคุณได้พูดเอาไว้ คุณวิชาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกทำให้เชื่อว่าคนอีสานมีคุณลักษณะเช่นนั้นทั้งๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสด้วยตัวเอง
ในฐานะคนอีสาน ไม่รู้จะพูดจะบายอย่างไรแทนคนอีสานทั้งหมดเพื่อให้สังคมส่วนอื่นให้เข้าใจทั้งสภาวะความเป็นอยู่และกระบวนการคิดได้ ซึ่งบรรพบุรุษคนอีสานรุ่นเก่าๆ ก็ได้พยายามมาแล้ว และแทบจะไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้น คนอีสานในสายของบางคนก็ยังคือคนอีสานที่ล้าหลัง หลอกง่าย ไร้การศึกษาและบ้านนอกอยู่ดี สุดท้ายก็คงได้แต่ปลอบในหมู่คนอีสานด้วยกันเองว่ามันคงเป็นชะตากรรม ใช่...ชะตากรรมที่ต้องรับมันเอาไว้นอกเหนือจากภัยธรรมชาติ(ที่ยามร้อนก็ร้อนจัด แล้งก็แล้งจัด หนาวก็หนาวจัด)แล้ว ยังมาต้องรับชะตากรรมจากเพื่อนมนุษย์ร่วมแผ่นดินบางกลุ่มบางคนสรรหามาให้ ดูเหมือนว่าความเป็นอีสาน(ทั้งรูปธรรม/นามธรรม)จะขัดหูขัดตาของท่านเหล่านั้นไปหมด รูปร่างหน้าตา ฐานะการศึกษา การพูดการจา หรือแม้แต่ข้าวที่กิน?
แปลก...คำครหาที่ว่าคนอีสานหลอกง่ายนั้นมาพึ่งมาถูกโหมกระพือเอาเพราะพรรคการเมืองพรรคหนึ่งสูญเสียที่นั่งในภาคอีสานเป็นจำนวนมากและหลายสมัยติดต่อกัน
แปลก...ที่คำครหาว่ามีการซื้อเสียงในภาคอีสานรุนแรงเกิดถูกยกมากล่าวหาคนอีสานหลังจากพรรคการเมืองพรรคหนึ่งสูญเสียที่นั่งในภาคอีสานเป็นจำนวนมากและหลายสมัยติดต่อกัน
แปลก...ที่วาทกรรม "เสียงคนในเมือง(กรุง)มีค่ามากกว่าคนชนบท" พึ่งจะมาเกิดเอาหลังจากประเทศไทยมีรัฐบาลทั้งจากคะแนนเสียงของคนในเมืองและชนบทมาบริหารประเทศเป็นเวลาเกือบศตวรรษ แล้วจู่ๆ คะแนนเสียงของคนชนบทก็ถูกลดคุณค่าไปซะอย่างนั้น
ในยามที่บ้านเมืองได้ผู้นำบนควาพึงพอใจของ "บางคน" และ "บางกลุ่ม" อย่างพลเอกเปรม เสียงครหาต่อคนอีสานแทบจะไม่มี ทั้งๆ ที่ส่วนหนึ่งนั้นพลเอกเปรมเหยียบไหล่คนอีสาน(และคนอีสานก็พอใจที่จะให้เหยียบ)เพื่อก้าวขึ้นสู่ถนนการเมืองตั้งแต่เป็นแม่ทัพที่อีสาน พอคนอีสานหักดิบกับการเมืองแบบเดิมๆ เทใจให้กับพรรคไทยรักไทย วาทกรรมที่โจมตีคนอีสานต่างๆ นานาก็เกิดขึ้น หลอกง่าย ขายเสียง "ช่างทาสี" อย่างนายหัวชวนตวัดแปรงออกทีวีว่า "ต้องแหวกม่านสีม่วง"ในภาคอีสาน(สีม่วงคือใบละห้าร้อย)อย่างไม่รู้สึกละอายสักนิดว่าคนอีสานจำนวนมากเคยเชียร์ประชาธิปัตย์มาก่อน
ทุกรัฐบาลต่างก็ทราบและรับรู้ปัญหาของภาคอีสานดี แต่โครงการเข้าไปแก้ปัญหาอย่างจริงจังแทบจะนับได้ การเข้ามาบริหารของทักษิณจากโครงการต่างๆ ที่กระจายไปแทบทั่วระแหงของประเทศ และทำให้คนอีสานพลอยฟ้าพลอยฝนได้ลืมตาอ้าปากไปด้วย การตอบแทนด้วยการเลือกทักษิณเข้ามาบริหารอีกเกือบยกภาคนั้นกลับถูกบางกลุ่มมองว่า หลอกง่าย ขายเสียง.....ถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องย้อนกลับไปถามตัวเองบ้างว่าเขาหรือเราที่ควรจะถูกตำหนิ??