แบ็คแพ็คเที่ยวสระบุรี ด้วยงบ1000บาทเท่านั้น

สวัสดีชาวพันทิปทุกๆท่านครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมครับ (ขอย้ำว่ากระทู้แรกในชีวิต) จะมาเขียนรีวิว ใครที่ต้องการที่พักผ่อนแบบสบายๆ ชิวๆ แถมสบายกระเป๋าตังค์อีกต่างหาก ดังนั้นผมจึงเลือกแบ็คแพ็คไปที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย 2วัน1คืน ด้วยงบ1000บาทเท่านั้น (ย้ำแค่1000บาท/ต่อ) ก่อนอื่นต้องบอกก่อนครับ ว่าโดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบเที่ยวตามธรรมชาติ ทะเล เดินป่า น้ำตก อะไรประมาณนี้ ที่ว่าผมยังเรียนอยู่จึงต้องการหาที่เที่ยวแบบถูกๆและประหยัดค่าใช้จ่ายครับ และมีผู้ร่วมชะตากรรม3คนในทริปนี้ด้วย (ผม แฟนผม และเพื่อนผู้หญิง1คน) และมีเพื่อนมาแจมด้วยอีก1คนรวมเป็น4คน ซึ่งอีก1คนเขามีบ้านที่สระบุรีแล้วก็เป็นเพื่อนของแฟนผมและเพื่อนผมด้วย จึงมาร่วมชะตากรรมเดียวกัน 55555 ด้วยความมุ่งมั่นมากจึงศึกษาจากพี่กูก่อนครับ(กูเกิ้ลน่ะ) และทริปนี้เน้นเดินนะครับ เพราะช่วยค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก (แอบงก555)

การเดินทางใช้รถสาธารณะเอานะครับ เนื่องจากไม่มีรถส่วนตัว TT (ร้องไห้หนักมาก) เดินทาง11/07/58กลับ12/07/58

อันดับแรก เริ่มต้นการอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีรถตู้บริการนั่งตรงใต้ทางด่วน ออกทุกชั่วโมง คนละ120บาท (นั่งรถสายสระบุรี-มวกเหล็ก) ออก09.00น.ไปถึงประมาณ11.30น. ไปลงสุดสายครับ จะอยู่ตรงหอนาฬิกาพอดี (ไม่มีรูปรถตู้ ลืมถ่าย5555) ตรงนี้รถบัสแดงที่จะไปน้ำตกก็ผ่านนะครับ ต้องขึ้นฝั่งเซเว่น รถมายืนโบกได้เลยครับ (จอดเมื่อคนโบก ถ้าไม่โบกก็ไม่จอด)



ถ้าอยากประหยัดอีกนิดก็สามารถนั่งรถไฟธรรมดา 0บาทไปได้ครับ ลงสถานนีมวกเหล็ก แล้วต่อรถบัสแดงตรงสถานนีได้เลยไปลงหน้าน้ำตกพอดีครับ คนละ13บาทประมาณ (ไม่ได้นั่งแต่สอบถามมา)

ไปถึงเราก็นั่งพักตรงศาลารอเพื่อนและพ่อเพื่อนมารับไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อย พ่อเพื่อนมาประมาณบ่ายโมงกว่าๆเพราะติดธุระ เพื่อนจึงพาพวกเราไปชมน้ำตกมวกเหล็กก่อน อยู่ใกล้มากเดินไปแปปเดียวก็ถึง ไปนั่งพักถ่ายรูปชิวๆ นั่งได้สัก30นาที (อยากจะบอกเพื่อนพาไปทางที่สะพานชำรุด เราเลยต้องเดินข้ามคลองแทน ทางนี้ทุลักทุเลหน่อย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี555)






หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาหาอะไรกิน เพราะเที่ยงพอดี (กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ใครเดินได้มาเดินให้ผมดูหน่อยน่ะครับ ฮ้า ฮ้า) พวกเราก็เลยจัดก๋วยเตี๋ยวกับผัดไทยไปคนละจาน ราคาประมาณ 40-45บาท พออิ่มท้องก็เริ่มหาของขบเขี้ยวและน้ำดื่ม นั้นก็คือ เซเว่น ที่เราหนีไม่พ้น5555 ซื้อเพื่อเอาไว้ไปกินที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อยคืนนี้ครับ ซื้อเลย์และน้ำเปล่าหมดไปประมาณ 120 บาท พ่อเพื่อนก็มาพอดี จึงได้ออกเดินทางประมาณ 13.30น. ไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ขับไปประมาณ 15นาทีก็ถึง





เราจึงเดินไปติดต่อที่ทำการอุทยานเพื่อจะขอเช่าเต้นเพื่อเอาไว้ซุกหัวนอน555 (ค่าเช่า 1หลัง350บาทนอนได้ประมาณ2-3คน แต่แนะนำ2คนกำลังดีครับ) เอาบัตรประชาชนให้ผู้ดูแล เขาจะจัดการให้ครับ เรามีหน้าที่จ่ายเงินอย่างเดียว แต่เต้นเราต้องไปกางเต้นเองน่ะครับ จะมีลานกางเต้นชื่อว่า.....




ผมไปถึงบ่ายๆจึงเลือกกางเต้นเย็นๆเลยไปฝากของที่พี่แดง เขาจะเป็นคนดูแล สถานที่กางเต้น พี่แดงอัธยาศัยดีมาก น่ารัก หลังจากคุยเสร็จฝากของเรียบร้อย เราก็ไปเล่นน้ำตกเลยจ้า ที่เรากางเต้นสามารถเดินไปน้ำตกชั้น4ได้เลย เป็นชั้นที่สวยที่สุด แต่ช่วงนี้แล้งจึงมีน้ำไม่มากเท่าที่ควรแต่ก็เล่นได้นะ (น้ำตกเปิด8.00น.-ปิดประมาณ 5โมง)

ภาพบรรยากาศน้ำตกแต่ละชั้น (เล่นได้ชั้น1-5เท่านั้น 6กับ7ห้ามเล่นเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ และก็ทางเปลี่ยวมาก)













ข้างบนจะมีร้านอาหารหลายร้านมากบอกเลย ปิดประมาณ6โมง ขายไก่ย่างตัวล่ะ150บาท ส้มตำ70บาท ปลาเผา150-180บาท และอาหารตามสั่ง 45บาทขึ้นไป โดยประมาณ พอเราเล่นน้ำเสร็จก็ขึ้นมากินกันเลยจ้า จัดปลาเผา1ตัว150บาท ส้มตำ70บาท และข้าวสิ้นคิด กระเพราหมู40บาท+ไข่ดาว8บาท 2จาน (คิดค่าเสียหายประมาณ300บาท ) ประมาณ6โมง เราก็ไปกางเต้นเพื่อซุกหัวนอน กางเสร็จจึงเตรียมของเพื่อจะไปอาบน้ำ น้ำอาจไม่ค่อยแรงเท่าไหร่แต่ก็พออาบได้ หลังจากอาบเสร็จ เราก็กลับไปเต้นเก็บข้าวของ แล้วเอาเสื่อออกมาปูข้างนอกนั่งดูดาว มีเตาเราก็เริ่มก่อไฟเพื่อให้มีแสงสว่างๆโรแมนติก คุยโม้โอ้อวดกันไปเรื่อย555 (อยากจะบอกว่า คืนนี้มีแค่เต้นเราเต้นเดียวจ้า 5555) (เตาต้องเช่า20บาท แต่เราหน้าด้านขอเขาฟรี เขาก็ให้ ฮ้า ฮ้า) พอค่ำหน่อยโชคดียังมีร้านอาหารเปิดอยู่1ร้าน เราก็ไปซื้อโค้ก30บาท 1.5ลิตร กับน้ำแข็ง20บาท ขนมขบเคี้ยวอื่นๆ มานั่งกินกันชิวๆ โดยต้องมัดจำค่ากระติกน้ำแข็ง100บาท เราก็หน้าด้านอีก ขอ50บาทน่ะ พี่เขาก็ให้55555 (ค่าเสียหายประมาณ200บาท) รุ่งเช้าเอากระติกไปคืนเขาก็คืนเงินค่ามัดจำให้เต็มจำนวนอีกด้วย

จุดพีค กลั้นขำไม่อยู่บอกเลย55555 คุยถึงประมาณ3ทุ่ม เพื่อนเราก็เห็นหิ่งห้อยบินมาใกล้ๆ เพื่อนก็ตะโกนบอกเห้ยๆหิ้งห้อยๆ พึ่งเคยเห็นครั้งแรกเลย (ใส่อารมณ์จริงจัง) สมองความชั่วร้ายของผมก็บรรเจิดขึ้น ผมก็พูดออกไปว่า รู้ป่าวถ้าใครเห็นหิ่งห้อยครั้งแรกให้ขอพร ทันใดนั้น ทุกคนยกมือมาประสานกันไว้ด้านหน้าทั้ง3คน ยกเว้นผมแล้วหลับตาลง ด้วยความที่ผมกลั้นขำไม่อยู่ ประมาร25วินาทีนั้น ผมขำออกมาดังมากๆๆๆๆๆๆ แล้วทุกคนก็หันมาด่าผม อิ....นู้นนี่นั้นไปเรื่อย หาว่าหลอกมั่ง กวนตีนมั่ง  ก็ใครจะไปรู้ว่าพวกนี้จะเชื่ออะไรง่ายๆ 555555 ผมเลยถามไปว่า ขอพรอะไรกันหลอ บอกหน่อยสิ55555 ทุกคนหลบหน้ากันหมด ไม่มีใครบอกสักคน5555 แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าถ้าบอกพรก็ไม่เป็นจริง อ่าวนี่คือหลอกนะ เราทุกคนก็เลยขำกัน (จะล้อไปจนลูกบวชบอกเลย อิอิ)

สักประมาณ4ทุ่ม เราก็มานั่งมองดูดาวกัน วันนี้ท้องฟ้าโปร่งมาก ลมเย็นสบายแต่ก็แอบร้อนนิดๆ แต่ในเมื่อเรามาอยู่แบบธรรมชาติเราก็ต้องอดทน เราก็เล่นหากันว่า กลุ่ม ดาวไถ ดาวลูกไก่ ดาวเหนือ บร๊าๆๆๆ อยู่ไหนกัน ต่างคนต่างมั่ว5555 เพราะอีกคนบอกนั้นอีกคนบอกนี่ สับสนไปหมดไม่รู้จะเชื่อใครดี หลังจากนั้นสัก 5ทุ่มกว่าๆเราก็เข้านอน (ราตรีสวัสดิ์ครับท่านผู้ชม)

พวกเราตื่นประมาณตี5.50น. สว่างพอดี เราจึงออกจากเต้น3คน ส่วนแฟนผมให้หลับต่อเพราะขี้เซามาก ไปเดินไปซื้อนม ขนม เพื่อไปใส่บาตรหน้าทางเข้าอุทยาน จะมีพระมาบิณฑบาตรประมาณ 7 โมงเช้า วัดจะอยู่หน้าอุทยานเลยครับ เดินข้ามถนนก็ถึงแล้วเดินขึ้นไปสัก 50ขั้น ข้างบนจะมีหมาเยอะมาก ขึ้นไปหมาออกมาต้อนรับกันเต็มเลย เห่าซะขาสั่นเลย555 ภายในวัดจะเป็น พระจักรพรรดิองค์ใหญ่ มีแม่ชีที่ปฏิบัติธรรมด้วย ส่วนเจ้าอาวาสจะเป็นพระสายธรรมยุติ พระนักปฏิบัติ ในวัดจะมีรูปปั้นเกจิอาจารย์สายปฏิบัติเกือบทั้งหมด พวกเราได้เข้าไปกราบไหว้พระจักรพรรดิ จะรอพบเจ้าอาวาสแต่ก็ไม่ได้เจอพระท่านทำงานหนักจึงจำวัดอยู่ แต่โชคดีเจอพี่ผู้ชายคนนึ่งมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดนุ่งขาวห่มขาว เราเหลือบไปเห็นพระธาตุ จึงถามเกี่ยวกับพระธาตุว่ามาจากไหน ส่วนไหน และของใคร คำตอบที่ได้จะมี 2 ส่วน คือ 1.ของพระศีวลี เป็นกระดูก 2.ของพระพุทธเจ้า ส่วนสมอง เขาบอกว่าเอามาจาก จ.เชียงใหม่ เอาอันเชิญในถ้ำมา มีอาจารย์ชี้แนะให้ไป เราก็อ่อ ได้ความรู้เยอะเลย 5555 (โดนส่วนตัวนับถือพระสายปฏิบัติมากๆ) ประมาณ 8 โมง เราก็ลงไปที่เต้นเพื่อที่จะอาบน้ำ ไปปลุกแฟน แฟนก็ตื่นยากมาก555 หลังจากต่างคนต่างอาบเสร็จก็เก็บข้าวของใส่กระเป๋าให้หมด (เต้นไม่ต้องเก็บ เดียว จนท.จะมาเก็บเองครับ) และจะเดินทางกลับโดยรถไฟ อยากได้บรรยากาศเต็มที่ ก่อนที่พ่อเพื่อนจะมารับประมาณ9โมง เราก็ขึ้นไปที่วัดอีกครั้ง เพื่อจะไปกราบเจ้าอาวาสแต่ก็ไม่ได้เจอ ได้เจอแต่พี่ผู้ชายที่มาปฏิบัติธรรมก็ให้พระธาตุ เรามาทุกคน เราก้ทำบุญให้วัดไปเล็กน้อย เพราะเราไม่มีกำลังทรัพย์มาก TT

ภาพบรรยากาศวัด







หลังจากนั้นพ่อเพื่อนก็มารับ (แต่ถ้าไม่มีรถก็สามารถนั่งรถบัสแดงออกมาได้เหมือนกันครับเพราะท่ารถบัสแดงอยู่หน้าน้ำตกเลย ลงตรงสถานนีรถไฟ หรือไปลงท่ารถตู้ก็ได้) ไปรับประทานอาหารเจ้าอร่อย นั้นคือ ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ ต้มแซ่บ ข้าวเหนียว 5555 (ได้ประหยัดไปอีกมื้อ ถ้าไม่ได้พ่อเพื่อนคงต้องลงเอยที่อาหารตามสั่ง) พอรับประทานเสร็จ เราก็ไปซื้อของฝากกะหรี่ปั๊บกัน ตัวใหญ่กล่องละ50บาทมี10ตัว ตัวเล็กกล่อง35มี7ตัว 3กล่อง100บาท หลังจากซื้อเสร็จพ่อเพื่อก็มาส่งที่สถานนีรถไฟ เป็นอันจบทริปนี้ บ๊ายๆ สระบุรี อ.มวกเหล็ก เดินทางโดนสวัสดิภาพ



เราสามารถไปรับตั๋วฟรีได้ที่สถานนี จนท.จะพิมพ์ตั๋วให้ฟรีครับ แต่เสียความรู้สึกตรงที่ เราขึ้นรถไฟฟรีชั้นธรรมดา เราเดินหาที่นั่งกัน3คน ซึ่งทุกโบกี้มันเต็ม เราเลยเดินไปโบกี้ชั้น2 เพื่อขอนั่งได้ไหมครับ แต่ถูกกลับเจ้าหน้าที่ห้ามนั่ง แล้วบอกเราว่านี่ที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่เราเห็นที่เจ้าหน้าที่มี5-6คน แต่กั้นที่เอาไว้ 15ที่นั้ง อยากจะถามกั้นไว้เยอะๆเพื่ออะไร น้ำใจมีมั่งไหม ให้ไปหาเอาถ้าไม่มีปากบอกก็ไม่ต้องนั่ง เรากับเพื่อนเราก็โมโหกัน ได้แต่นึกในใจแล้วมาบ่นกันทีหลัง (เราอยากจะด่าเขากลับไป ติดที่ว่ามี ผญ มาด้วย555) สุดท้ายเราต้องเดินออกมา ขอนั่งกับคนข้างนอก ซึ่งก็เบียดๆกันหน่อยแต่ก็โอเค

ปล. 1.นี่คือกระทู้แรกของผม ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยครับ
      2.ตามที่รีวิวไป ถ้านั่งรถไฟไป-กลับทั้งสองเที่ยว จะประหยัดไปอีก200-300บาทครับ
      3.ภาพบางอย่างก็ไม่ได้ถ่ายมาต้องขอโทษด้วยครับ
      4.ปีนี้แล้งมากน้ำน้อย น้ำตกจึงไม่สวยเท่าที่ควรครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่