[รีวิวตามใจฉัน] Little Forest Summer & Autumn : Winter & Spring อาหารกับความเหงา

กระทู้สนทนา
ถึงแม้ Little Forest Winter & Spring จะใกล้ออกจากโรงแล้ว(ภาวนาให้มันยังได้อยู่ต่อนานๆ) แต่ด้วยความที่ยังอินกับเนื้อเรื่องของทั้งสองภาคอยู่ เลยอยากจะเล่าถึงหนังเรื่องนี้อีกซักรอบ เผื่อใครยังไม่ได้ดูแล้วชั่งใจอยู่จะได้ไปดูเนอะ เป็นวิจารณ์ง่อยๆ ฉบับคนยังไม่เก่งเท่าไหร่ อาจจะรีวิวตามใจฉันไปหน่อย ไม่รู้ว่าคนอื่นมองจะเห็นด้วยไหม ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะ^^

เริ่มจาก Little Forest Summer & Autumn  กันก่อน



เนื้อเรื่องคร่าวๆ : เป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตวันๆในบ้านนอกของนางเอก "อิจิโกะ" ที่ย้ายจากในเมืองกลับมาอยู่บ้านเกิด แล้วมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดิมที่เธอเคยอยู่กับแม่สมัยเด็ก ตัวหนังจะดำเนินไปแบบ นางเอกทำสวน ทำไร่ สลับกับทำอาหาร พร้อมๆกับเสียงนางพูดบรรยายไปด้วย.. คือหนังมีแค่นี้จริงๆ ใสๆ ไม่มีพิษภัย แบบไม่ได้มีดราม่าชีวิต หรือเรื่องอะไรให้ลุ้นเลย หนังแค่มีปิดท้ายสั้นๆ เป็นประเด็นเอาไว้รอเอาไปเล่าต่อในภาคสองเท่านั้น




ความเห็นหลังดูภาคแรก : คือมันเป็นหนังที่น่ารักนะ รู้สึกเหมือน Harvest Moon ภาคผู้หญิงเอามาสร้างเป็นหนังยังไงยังงั้น มีแต่ธรรมชาติ สีเขียว สลับกับภาพของนางเอกทำอาหารกินเองไปเรื่อยๆ ยิ่งดูตอนเครียดๆนี่ หัวโล่งขึ้นเยอะเลย แถมภาพสวย สวยมากด้วย ยิ่งตอนทำอาหารนะดู แล้วฮิ้ววหิว~ ออกจากโรงนี่ตรงดิ่งเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นเลย มันเป็นหนังที่สามารถดูได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเลยอ่ะ เป็นหนังใสๆ ที่ใครๆ ก็ดูได้แบบไม่มีพิษภัย
.
.
.
.
.
.


แต่พอมาภาคสอง.. ก็ทำให้เราต้องขอลบคำสบประมาท ที่ว่า "เป็นหนังใสๆ ดูได้แบบไม่ต้องคิดอะไร" ออก




หลังจากรอไปไม่กี่เดือน ก็ถึงเวลาของ Little Forest Winter & Spring ที่เข้าโรงฉายตามมา...

เนื้อเรื่องคร่าวของภาคสอง : เนื้อเรื่องของภาคนี้ก็เหมือนกับภาคแรก ที่ใส่ความคิดของนางเอกเข้ามามากขึ้น
โดยมีปมของเรื่องที่ทิ้งท้ายมาจากภาคก่อน คือ จดหมายที่เธอได้รับจากแม่ที่หายตัวไป




ความเห็นหลังดูภาคสอง ( มีสปอยล์) : อย่างที่บอกว่าขอลบคำสบประมาทที่เคยให้ไว้หลังดูภาคแรกว่าหนังเรื่องนี้ ใสๆ ไม่มีอะไร ออก เพราะในความใสๆ ไม่มีอะไรของภาคสองนี่เอง ที่มันแฝงอะไรไว้โคตรเยอะ...




ถ้าเปรียบหนังชุดนี้รวมกัน เราคิดว่ามันเหมือนกับเค้กก้อนนึง ที่มีภาคแรกเป็นครีมแต่งหน้าสวยๆ ฉาบเอาไว้ ว่าชีวิตของอิจิโกะคือมันคือชีวิตที่เจ๋งมาก ชีวิตบ้านไร่ ไม่ต้องรีบร้อน อยู่กลางป่า ได้เด็ดมะเขือเทศสดๆ จากต้นมากิน  ได้ทำอาหารอร่อยๆ กินเอง ทำแยม ทำขนมปัง ขนาดนูเทลล่านางยังทำ บ่ายๆ ก็ออกไปทำไร่  ปลูกข้าว มีเพื่อนบ้านน่ารักๆ และพึ่งพาตัวเองได้ แล้วมันก็เท่ซะจนผู้หญิงหลายๆ คนอยากยกเป็นไอดอลว่านี่แหละ ชีวิตที่ไม่ต้องมีผู้ชายก็อยู่ได้



แต่พอมาภาคสอง มันเหมือนเจาะลึกเข้าไปถึงจิตใจอิจิโกะมากขึ้นว่ามันไม่ได้เจ๋ง เท่ หรือเธอมีความสุขกับชีวิตแบบนี้เลยนะ หลายครั้งเธอบ่น เธอน้อยใจ เธอประชด มีฉากนึงที่เธอใส่อารมณ์บ่นในใจหัวหน้าว่า ตานี่กลับบ้านไปก็คงมีภรรยาทำอาหารไว้รอ แล้วดูชั้นสิ กลับไปบ้านก็ต้องทำงานงกๆ คนดูแลก็ไม่มี ทำมันคนเดียวทุกอย่าง!! เธอเหนื่อย เธอบอกว่าเธอขี้เกียจ และที่สำคัญ เธอ “เหงา”



เคยมีหนังหลายๆ เรื่องที่เอาฤดูกาลเข้ามาเล่น แล้วจัดเอาฤดูหนาวมาเป็นตัวแทนของความเหงา เรื่องนี้ก็เหมือนกัน... แล้วก็ทำออกมาได้ดีซะด้วย

มีบรรยากาศของความเหงาผ่านมาในหลายๆ ตอนของภาคสองเยอะมาก มีฉากย้อนอดีตที่แม่เธอสอนทำอาหารโผล่มาเป็นพักๆ หรือแม้แต่เรื่องผู้ชาย ที่ภาคแรกแทบจะไม่พูดถึงเลย (โผล่มาแค่ฉากเดียวแบบไม่เห็นหน้า เหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่านั้น) แต่กับภาคนี้ มีทั้งฉากที่เธอเล่าถึงผู้ชายที่แอบชอบในที่ทำงานสมัยยังอยู่ในเมือง หรือฉากที่เธอพูดถึงยูตะ หนุ่มรุ่นน้องที่แวะเวียนมาหาบ่อยๆ ว่าเธอแพ้ทางผู้ชายแบบนี้ทุกที และหลายฉากที่แสดงมุมของผู้หญิงหวานๆ ที่ยังต้องการความรักอยู่ภายใต้ความเป็นสาวห้าวของเธอเหมือนกันนะ ยิ่งฉากนั่งทำข้าวกล่องแล้วแอบมโนอยู่คนเดียวนี่นะ ดูเป็นสาวงุ้งงิ้งไปเลย



และที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นปมทิ้งท้ายมาจากภาคแรก คือเรื่อง “แม่” อิจิโกะมักคลายความคิดถึงแม่ออกไปโดยอาศัยการทานอาหารที่แม่เธอเคยทำเสมอ ภาคนี้เราได้เห็นบทบาทของแม่เธอออกมาเยอะขึ้นผ่านความทรงจำของอิจิโกะ และมันก็ทำให้เธอเข้าใจแม่เธอมากขึ้นไปพร้อมๆ กับคนดูอย่างพวกเรา ฉากนั้นที่เธอเปรียบเทียบชีวิตตัวเองที่อยู่ตัวคนเดียว ทำงานหาเงิน ทำงานบ้าน กับชีวิตของหัวหน้าที่มีภรรยาคอยดูแลอยู่ที่บ้าน เธอปิดท้ายบทพูดประชดประชันนั้นด้วยคำว่า “คุณแม่..”  สั้นๆ



อาจจะเป็นเพราะเธอคิดถึงแม่ ไม่งั้นก็เป็นเพราะในที่สุดเธอก็เข้าใจความลำบากแบบที่แม่เธอเคยประสบ จนสุดท้ายก็หายออกจากบ้านไป เพราะแม่อิจิโกะคือแม่พิมพ์ที่มีชีวิตเหมือนอิจิโกะทุกอย่าง ตัวคนเดียว ทำงานหาเงิน ทำงานบ้าน ปลูกผักทำสวน ทำอาหาร  แม่ไม่มีพ่ออยู่ด้วย เหมือนอิจิโกะที่ไม่มีแฟน แม่เธอคลายความเหงาโดยมีเพื่อนชายแวะเวียนมาหาเป็นครั้งคราวเหมือนที่อิจิโกะมียูตะและคิกโกะ ในใจแม่เธอก็คงมีหลายๆ ครั้งที่แอบระเบิดอารมณ์ถึงความหนักหนาในชีวิตตัวเองแบบที่เธอทำ แต่ที่มากกว่านั้นคือแม่ของเธอยังมีภาระที่เรียกว่า “ลูก” เข้ามาด้วย (ใช้คำว่าภาระเหมือนจะดูแรง แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ) มีฉากย้อนอดีตฉากนึงที่อิจิโกะฝากให้แม่เด็ดผักไว้ให้เธอทำอาหารให้เพื่อนก่อนจะวิ่งลั้ลลาออกไปโรงเรียน แม่ของเธอฟังแล้วบ่นอุบอิบคนเดียวว่า “เด็กบ้า… ไม่รู้เหรอว่าฉันมีงานเยอะขนาดไหน” แต่ก็ยังไม่วายเดินลงมาเด็ดผักเก็บให้ลูกของเธออย่างบรรจง นั่นอาจเป็นหนึ่งในหลายๆ ตัวอย่างภาระของการเป็นแม่ แล้วสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจหายตัวไป เหมือนอิจิโกะที่สุดท้ายก็หายออกจากบ้านไปโดยทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังเช่นกัน ต่างกันตรงที่อิจิโกะกลับมา เมื่อเธอเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของเธอได้แล้วนั่นเอง



เพราะงั้นถ้าเปรียบหนังชุดนี้เป็นเค้ก ภาคต่อภาคนี้ก็คงเหมือนกับเจาะเข้าไปเนื้อถึงเค้กก้อนนั้น ให้เห็นว่าภายใต้ครีมที่ดูสวยงามนั้น ยังมีเนื้อขนมปังที่ขรุขระซ่อนอยู่ มันลำบาก มันเหงา มันน่าน้อยใจ แต่มันก็ยังมีชั้นครีมบางๆ ของความสุขและบรรยากาศชีวิตบ้านไร่ที่น่าหลงไหลเหมือนภาคแรกสอดแทรกอยู่ภายใน ถ้าดูรวดเดียวพร้อมกันอีกทีคงกลมกล่อมไม่น้อยเลยล่ะ




ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่