ย้อนไปสองปีที่แล้ว ช่วงพืชผลทางการเกษตร เช่น ยาง ข้าว น้ำตาล และอื่นๆ ราคากำลังดี
สอดรับกับ นโยบายรถคันแรก ที่ส่งเสริมให้คนออกรถ
ตอนนั้น ลูกน้องที่บ้าน หลายคนก็มองไปที่การปลูกยาง ข้าว ร่ำๆจะออกไปปลูก
แต่เนื่องจากผม เคยศึกษาเรื่องหุ้น คอมโมดิตี้ เห็น ตลาดเหล่านี้ ขึ้นลง แบบตายได้ ตายดีกว่า
รวมถึงตึดดอย หุ้น ที่เกี่ยวเนื่องกับวงจรคอมโมดิตี้ เพราะ ไม่เคยคิดว่า หุ้นเหล่านี้เวลาขึ้นๆไปได้เกือบร้อย เวลาลง น้อยกว่าสิบบาทยังเป็นไปได้
ก็เลยบอกกับลูกน้องว่า อย่าพึ่งไปลงทุนเลย กว่ายางจะขึ้นอีกห้าปี ไม่รู้ว่าราคายางจะลงไปขนาดไหน
ตอนนั้นลูกน้องที่บ้านอิจฉาคนในหมู่บ้านเค้ากับเต็ม เพราะ ออกรถป้ายแดงกันใหญ่ ทั้งรถเก๋ง รถกะบะ
ใครสงสัยว่า รถคันแรกมันไม่รวมรถกะบะนิ แต่คุณต้องเข้าใจว่า เซลล์ขายรถที่ ตจว. เวลาขายของ เค้าสามารถพูดได้หมด
จะจริง จะเท็จ เค้าไม่สนหรอก เค้าขอแค่ ยอดขายโตเป็นอันใช้ได้
และไฟแนนซ์ ตจว. ต่างจากไฟแนนซ์ กทม.และปริมณฑลมาก ช่วงนั้น ญาติที่บ้าน ออกมิวเซเวนซ์
ทั้งๆที่เป็นแค่อาชีพอิสระ ขายของตลาดนัด ไม่มีเงินเดือน และไฟแนนซ์ ให้ลูก ค้ำประกัน ให้แม่ (แม่ลูกขายของด้วยกันในตลาดนัด)
ก็ยังออกรถมาได้ แล้ว ตาสี ตาสา ในหมู่บ้านในบ้านนอกละ แค่พอมีเงินค่ายาง ค่าข้าว ไฟแนนซ์ก็ปล่อยถล่มถลาย
(ผิดกับตอนนี้ ไฟแนนซ์ กทม. ขนาดน้องผมทำงานเงินเดือน สองหมื่นกว่า พ่อผมเกษียร แต่มีเงินในบัญชี ยังค้ำไม่ได้)
จุดสำคัญคือ คนต่างจังหวัด เข้าใจแค่ว่า ออกรถแล้ว ถ้าไม่มีเงินผ่อน ก็แค่เอารถไปคืนไฟแนนซ์ ก็จบเรื่อง
นี่คือสิ่งที่ คนต่างจังหวัด ทั่วๆไป เข้าใจแบบนี้จริงๆ เราคนกทม. อาจไม่เชื่อ รวมถึงพวกโครงการกองทุนหมู่บ้าน
ที่พวกเค้าเข้าใจว่า มันคือเงินที่รัฐบาลให้มา ไม่ใช่เงินกู้ (ส่วนโครงการเงินกองทุนหมู่บ้าน มีประโยชน์แค่ไหน เป็นอีกส่วนหนึ่งนะครับ
ขออย่าให้เป็นประเด็นทางการเมือง)
ผมบอกกับลูกน้องเลยว่า ปัญหาต่อจากนี้คือ รถที่ผ่อนไม่ไหว จะโดนยึด เมื่อชาวบ้านคิดว่า คืนรถไป หนี้ก็หมด (ซึ่งจริงๆไม่ใช่)
บริษัทไฟแนนซื สองสามปีแรก เค้าจะยังไม่ทวงเงินหรอก เค้ารอมูลค่าหนี้มันสูงขึ้น แล้วเค้าจะฟ้องยึดที่ดินต่อไป ซึ่งจะเกิดขึ้นสองสามปีต่อจากนี้
ผมก็ได้แต่หวังว่า คนในพันทิป คงจะมีญาติ มีลูกน้องอีกมากมายให้เค้าช่วยๆกันไปเตือน ถ้าผ่อนไม่ไหว ควรมีขึ้นตอนอะไร
ไม่ใช่ปล่อยรถให้ไฟแนนซ์ แล้วคิดว่าหนี้จบ
เพราะ เรื่องโดนยึดที่ดิน จะเป็นประเด็นในอนาคตแน่นอน
กระทู้นี้ตั้งเพื่อคนต่างจังหวัด ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกู้เงินซื้อรถ บทเรียนอันเจ็บปวดที่พวกเค้าต้องรู้
สอดรับกับ นโยบายรถคันแรก ที่ส่งเสริมให้คนออกรถ
ตอนนั้น ลูกน้องที่บ้าน หลายคนก็มองไปที่การปลูกยาง ข้าว ร่ำๆจะออกไปปลูก
แต่เนื่องจากผม เคยศึกษาเรื่องหุ้น คอมโมดิตี้ เห็น ตลาดเหล่านี้ ขึ้นลง แบบตายได้ ตายดีกว่า
รวมถึงตึดดอย หุ้น ที่เกี่ยวเนื่องกับวงจรคอมโมดิตี้ เพราะ ไม่เคยคิดว่า หุ้นเหล่านี้เวลาขึ้นๆไปได้เกือบร้อย เวลาลง น้อยกว่าสิบบาทยังเป็นไปได้
ก็เลยบอกกับลูกน้องว่า อย่าพึ่งไปลงทุนเลย กว่ายางจะขึ้นอีกห้าปี ไม่รู้ว่าราคายางจะลงไปขนาดไหน
ตอนนั้นลูกน้องที่บ้านอิจฉาคนในหมู่บ้านเค้ากับเต็ม เพราะ ออกรถป้ายแดงกันใหญ่ ทั้งรถเก๋ง รถกะบะ
ใครสงสัยว่า รถคันแรกมันไม่รวมรถกะบะนิ แต่คุณต้องเข้าใจว่า เซลล์ขายรถที่ ตจว. เวลาขายของ เค้าสามารถพูดได้หมด
จะจริง จะเท็จ เค้าไม่สนหรอก เค้าขอแค่ ยอดขายโตเป็นอันใช้ได้
และไฟแนนซ์ ตจว. ต่างจากไฟแนนซ์ กทม.และปริมณฑลมาก ช่วงนั้น ญาติที่บ้าน ออกมิวเซเวนซ์
ทั้งๆที่เป็นแค่อาชีพอิสระ ขายของตลาดนัด ไม่มีเงินเดือน และไฟแนนซ์ ให้ลูก ค้ำประกัน ให้แม่ (แม่ลูกขายของด้วยกันในตลาดนัด)
ก็ยังออกรถมาได้ แล้ว ตาสี ตาสา ในหมู่บ้านในบ้านนอกละ แค่พอมีเงินค่ายาง ค่าข้าว ไฟแนนซ์ก็ปล่อยถล่มถลาย
(ผิดกับตอนนี้ ไฟแนนซ์ กทม. ขนาดน้องผมทำงานเงินเดือน สองหมื่นกว่า พ่อผมเกษียร แต่มีเงินในบัญชี ยังค้ำไม่ได้)
จุดสำคัญคือ คนต่างจังหวัด เข้าใจแค่ว่า ออกรถแล้ว ถ้าไม่มีเงินผ่อน ก็แค่เอารถไปคืนไฟแนนซ์ ก็จบเรื่อง
นี่คือสิ่งที่ คนต่างจังหวัด ทั่วๆไป เข้าใจแบบนี้จริงๆ เราคนกทม. อาจไม่เชื่อ รวมถึงพวกโครงการกองทุนหมู่บ้าน
ที่พวกเค้าเข้าใจว่า มันคือเงินที่รัฐบาลให้มา ไม่ใช่เงินกู้ (ส่วนโครงการเงินกองทุนหมู่บ้าน มีประโยชน์แค่ไหน เป็นอีกส่วนหนึ่งนะครับ
ขออย่าให้เป็นประเด็นทางการเมือง)
ผมบอกกับลูกน้องเลยว่า ปัญหาต่อจากนี้คือ รถที่ผ่อนไม่ไหว จะโดนยึด เมื่อชาวบ้านคิดว่า คืนรถไป หนี้ก็หมด (ซึ่งจริงๆไม่ใช่)
บริษัทไฟแนนซื สองสามปีแรก เค้าจะยังไม่ทวงเงินหรอก เค้ารอมูลค่าหนี้มันสูงขึ้น แล้วเค้าจะฟ้องยึดที่ดินต่อไป ซึ่งจะเกิดขึ้นสองสามปีต่อจากนี้
ผมก็ได้แต่หวังว่า คนในพันทิป คงจะมีญาติ มีลูกน้องอีกมากมายให้เค้าช่วยๆกันไปเตือน ถ้าผ่อนไม่ไหว ควรมีขึ้นตอนอะไร
ไม่ใช่ปล่อยรถให้ไฟแนนซ์ แล้วคิดว่าหนี้จบ
เพราะ เรื่องโดนยึดที่ดิน จะเป็นประเด็นในอนาคตแน่นอน