สืบเนื่องจากความคิดเห็นของท่านผ่านทางคำพูดจากลิงค์นี้ครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1437129819
ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นต่างจากท่านในบางประเด็นครับ
ประเด็นที่ไม่ต้องการวิจารณ์ ปปช. เพราะเห็นว่า ทำงานหนัก และไม่อยากให้ฝ่ายที่ถูกตรวจสอบ เอาสิ่งเหล่านี้มาดิสเครดิต ซึ่งผมเห็นว่า มันคงจะไม่ใช่เรื่องถูกต้องสักเท่าไรครับ
ท่านครับ ปปช.ก็คือหน่วยงานหนึ่ง ที่สมควรตรวจสอบได้ สมควรจะวิจารณ์ได้ ไม่ใช่เพราะทำงานหนัก แล้วปล่อยให้ทำงานตามอำเภอใจได้นะครับ
และถ้าข้อวิจารณ์ของท่านนั้น ทำให้อีกฝ่ายสามารถนำไปดิสเครดิตได้ นั่นย่อมหมายความว่า ข้อวิจารณ์ของท่านมีน้ำหนักพอที่จะนำไปดิสเครดิตได้ ดังนั้นผมคิดว่า ท่านควรจะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ ปปช.ได้แก้ไขปรับปรุงตัวเอง เพื่อปิดช่องโหว่ จะได้ไม่มีอะไรมาให้ใครดิสเครดิตได้ อย่างนี้ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับท่าน
ท่านครับ ผมไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “มนุษย์พันธุ์พิเศษ”เลยครับ เพราะ ปปช.ก็เป็นหน่วยงานหนึ่ง องค์กรหนึ่งที่ต้องทำตามหน้าที่ที่มอบหมายมา โดยมีผลประโยชน์จากภาษีประชาชนเป็นค่าตอบแทน ดังนั้น ปปช.จึงไม่น่าจะจำเป็นต้องเป็น “มนุษย์พันธุ์พิเศษ” เหมือนพวกฮีโร่ในภาพยนตร์เลยนะครับ
ขอแค่รู้ว่า ตัวเองมีหน้าที่ต้องทำอะไร ขอแค่บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ขอแค่ตรวจสอบด้วยความสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม และต้องไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้กฎหมายแรงแค่ไหน ก็ไม่มีทางปราบคอรัปชั่นได้หรอกนะครับ
เพราะถ้าฝ่ายหนึ่ง แค่เริ่มทำ ก็กล่าวหาว่ามีการทุจริต
แต่พออีกฝ่าย กลับล่าช้าจนหมดอายุความไปก็มี
อย่างนี้แล้ว ถึงแม้ป้องกันฝ่ายแรกไม่ให้เกิดการทุจริตได้ แต่ฝ่ายหลังล่ะครับ ปล่อยให้ทุจริตกันต่อไปอย่างนั้นหรือครับ
อย่าลืมนะครับ เมื่อกระบวนการยุติธรรมเอื้อมไม่เคยถึง แล้วกฎหมายรุนแรงจะมีประโยชน์อะไรกันครับ นอกจากป้องปรามการทุจริตไม่ได้แล้ว ยังกลายเป็นสร้างความแตกแยกจากความเป็นสองมาตรฐานของทาง ปปช.เองอีกด้วย
ท่านครับ สำหรับกรณีของคุณสภาพรนั้น ผมเห็นด้วยกับท่านอย่างยิ่งเลยครับ เพียงแต่ท่านอาจไม่รู้ก็ได้ คนที่ร่วมสัมมนากับท่าน ยังมีคุณสุภาอีกคน ที่ได้เป็นกรรมการ ปปช.ทั้งๆที่ ปปช.เองได้ชี้มูลความผิดเกี่ยวข้องกับการทุจริต จนคดีใกล้จะหมดอายุความในเดือนหน้าแล้วน่ะครับ
และยังมีข่าวออกมาทำนองว่า ผู้ถูกชี้มูลยังเป็นหนึ่งในคณะสอบสวนคดีของตัวเองอีกด้วย นี่มันดูไม่ผิดแปลกอย่างไรกระนั้นหรือครับท่าน ดังนั้นที่ท่านบอกว่าเรื่องที่ปล่อยให้คดีของที่ปรึกษาของคุณสภาพรหลุดไปแบบไม่มีมนุษย์พันธุ์ไหนทำได้นั้น
ผมจึงอยากชี้ให้ท่านเห็นครับ อย่างน้อยก็สองรายแล้วล่ะครับ ที่มนุษย์พันธุ์ ปปช.ทำให้สังคมไทยเห็นอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เขินอาย ดังนั้นถ้าท่านอยากให้ ปปช.เดินหน้าขับไล่คุณสถาพรให้ลาออก เพราะทำให้เสื่อมเสีย ก็ควรจะขับไล่คนที่ตั้งคุณสุภามาเป็นกรรมการด้วย จึงจะเป็นมาตรฐานเดียวกันครับ
พอพิมพ์มาถึงตรงนี้ ผมเริ่มเข้าใจความหมายของ “มนุษย์พันธุ์พิเศษ”ของท่านแล้วล่ะครับ ท่านคงหมายถึง มนุษย์ไร้ยาง ที่ไม่เคยละอายต่อการจับจ้องของคนทั้งประเทศ ไม่แคร์ต่อการจัดอันดับของสังคมโลก เพื่อไปให้ถึงธง ก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ใช่ความหมายนี้หรือเปล่าครับท่านพะจุณณ์
คุณพะจุณณ์ครับ ผมขอแสดงความคิดเห็นต่างจากท่านในบางประเด็นครับ------------ทวดเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1437129819
ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นต่างจากท่านในบางประเด็นครับ
ประเด็นที่ไม่ต้องการวิจารณ์ ปปช. เพราะเห็นว่า ทำงานหนัก และไม่อยากให้ฝ่ายที่ถูกตรวจสอบ เอาสิ่งเหล่านี้มาดิสเครดิต ซึ่งผมเห็นว่า มันคงจะไม่ใช่เรื่องถูกต้องสักเท่าไรครับ
ท่านครับ ปปช.ก็คือหน่วยงานหนึ่ง ที่สมควรตรวจสอบได้ สมควรจะวิจารณ์ได้ ไม่ใช่เพราะทำงานหนัก แล้วปล่อยให้ทำงานตามอำเภอใจได้นะครับ
และถ้าข้อวิจารณ์ของท่านนั้น ทำให้อีกฝ่ายสามารถนำไปดิสเครดิตได้ นั่นย่อมหมายความว่า ข้อวิจารณ์ของท่านมีน้ำหนักพอที่จะนำไปดิสเครดิตได้ ดังนั้นผมคิดว่า ท่านควรจะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ ปปช.ได้แก้ไขปรับปรุงตัวเอง เพื่อปิดช่องโหว่ จะได้ไม่มีอะไรมาให้ใครดิสเครดิตได้ อย่างนี้ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับท่าน
ท่านครับ ผมไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “มนุษย์พันธุ์พิเศษ”เลยครับ เพราะ ปปช.ก็เป็นหน่วยงานหนึ่ง องค์กรหนึ่งที่ต้องทำตามหน้าที่ที่มอบหมายมา โดยมีผลประโยชน์จากภาษีประชาชนเป็นค่าตอบแทน ดังนั้น ปปช.จึงไม่น่าจะจำเป็นต้องเป็น “มนุษย์พันธุ์พิเศษ” เหมือนพวกฮีโร่ในภาพยนตร์เลยนะครับ
ขอแค่รู้ว่า ตัวเองมีหน้าที่ต้องทำอะไร ขอแค่บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ขอแค่ตรวจสอบด้วยความสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม และต้องไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้กฎหมายแรงแค่ไหน ก็ไม่มีทางปราบคอรัปชั่นได้หรอกนะครับ
เพราะถ้าฝ่ายหนึ่ง แค่เริ่มทำ ก็กล่าวหาว่ามีการทุจริต
แต่พออีกฝ่าย กลับล่าช้าจนหมดอายุความไปก็มี
อย่างนี้แล้ว ถึงแม้ป้องกันฝ่ายแรกไม่ให้เกิดการทุจริตได้ แต่ฝ่ายหลังล่ะครับ ปล่อยให้ทุจริตกันต่อไปอย่างนั้นหรือครับ
อย่าลืมนะครับ เมื่อกระบวนการยุติธรรมเอื้อมไม่เคยถึง แล้วกฎหมายรุนแรงจะมีประโยชน์อะไรกันครับ นอกจากป้องปรามการทุจริตไม่ได้แล้ว ยังกลายเป็นสร้างความแตกแยกจากความเป็นสองมาตรฐานของทาง ปปช.เองอีกด้วย
ท่านครับ สำหรับกรณีของคุณสภาพรนั้น ผมเห็นด้วยกับท่านอย่างยิ่งเลยครับ เพียงแต่ท่านอาจไม่รู้ก็ได้ คนที่ร่วมสัมมนากับท่าน ยังมีคุณสุภาอีกคน ที่ได้เป็นกรรมการ ปปช.ทั้งๆที่ ปปช.เองได้ชี้มูลความผิดเกี่ยวข้องกับการทุจริต จนคดีใกล้จะหมดอายุความในเดือนหน้าแล้วน่ะครับ
และยังมีข่าวออกมาทำนองว่า ผู้ถูกชี้มูลยังเป็นหนึ่งในคณะสอบสวนคดีของตัวเองอีกด้วย นี่มันดูไม่ผิดแปลกอย่างไรกระนั้นหรือครับท่าน ดังนั้นที่ท่านบอกว่าเรื่องที่ปล่อยให้คดีของที่ปรึกษาของคุณสภาพรหลุดไปแบบไม่มีมนุษย์พันธุ์ไหนทำได้นั้น
ผมจึงอยากชี้ให้ท่านเห็นครับ อย่างน้อยก็สองรายแล้วล่ะครับ ที่มนุษย์พันธุ์ ปปช.ทำให้สังคมไทยเห็นอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เขินอาย ดังนั้นถ้าท่านอยากให้ ปปช.เดินหน้าขับไล่คุณสถาพรให้ลาออก เพราะทำให้เสื่อมเสีย ก็ควรจะขับไล่คนที่ตั้งคุณสุภามาเป็นกรรมการด้วย จึงจะเป็นมาตรฐานเดียวกันครับ
พอพิมพ์มาถึงตรงนี้ ผมเริ่มเข้าใจความหมายของ “มนุษย์พันธุ์พิเศษ”ของท่านแล้วล่ะครับ ท่านคงหมายถึง มนุษย์ไร้ยาง ที่ไม่เคยละอายต่อการจับจ้องของคนทั้งประเทศ ไม่แคร์ต่อการจัดอันดับของสังคมโลก เพื่อไปให้ถึงธง ก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ใช่ความหมายนี้หรือเปล่าครับท่านพะจุณณ์