วันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้ต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะต้องแบกกระเป๋าย้ายเมือง มุ่งหน้าสู่ Tokyo เก็บเกี่ยวซากุระที่คาดว่า จะ Full Bloom (บานเต็มที่) ในวันอีก 2-3 วันนี้
เช้า check-out แบกเป๋าขึ้นไหล่ เดินไปขึ้น sub way จาก Umeda (Midosuji Line สายสีแดงๆ ในแผนที่) ไปลง Shin-Osaka
ถึง Shin-Osaka ซื้อตั๋วชินคันเซนที่นั่นได้เลย บอกว่าไป Tokyo เราซื้อขบวน Nozomi (เร็วที่สุด จอดน้อยสถานีที่สุด จ่ายแพงที่สุด แต่ก็คุ้มนะ) แบบ non-reserve (ไม่ book ที่นั่ง เพราะถ้าซื้อแบบ book จะแพงกว่า) เพิ่งรู้ตอนขึ้นไปแล้วว่า ตู้ non-reserve จะมีแค่ 3 ตู้ใน 1 ขบวนเท่านั้น ตอนแรกก็แอบกังวลว่าจะมีที่นั่งหรือเปล่า คือถ้ายืนเป็นชั่วโมงนี่ สาหัสเลยนะ สรุปคือ ที่ว่างเพียบค่ะ (แล้วจะจ่ายแพงไปเพื่อ)
ตู้ 1-3 เวลาขึ้นให้ดูให้ดี เดินไปรอที่ท้ายขบวนได้เลย เพราะตอนเรา คือ ได้ตั๋วตอนขบวนรถใกล้จะออก เจ้าหน้าที่ก็บอก no.1-3 แต่ตอนนั้นอยู่แถวตู้ 30 กว่าๆ วิ่งไม่ทันแน่ๆ แล้ว พนักงานเลยผลักให้ขึ้นไปก่อน ทีนี้ก็เดินกันขาลากเลย จากหัวขบวนไปเกือบท้ายขบวน
ค่าโดยสาร 3 คน (ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1) = 33,160 Yen ได้ตั๋วมาคนละ 2 ใบแบบงงๆ ตอนจะเข้าสถานี เลยถามเจ้าหน้าที่ว่า ทำยังไงกับ 2 ใบนี้ แกอธิบายว่า together คือ เอาสอดเข้าไปทั้ง 2 ใบ ด้วยกัน แล้วเข้าไป เดี๋ยวตอนออกมาว่ากันอีกว่าทำไงกะตั๋ว 2 ใบนี้
ได้ที่นั่งสวยๆ ละ ตอนแรกอยากได้อีกฝั่งที่เห็นฟูจิ แต่คนพื้นที่เค้านั่งกันเต็มหมดและ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุกไปดูเองก็ได้ ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง นั่ง นอน ยืน เดิน ได้เลย

บนรถไฟจะมี รถเข็นเล็กๆ ขายพวก snack กับ กาแฟ อย่ากระนั้นเลยสั่งมาลิ้มลองซะหน่อย
แก้วกาแฟ น่ารักเวอร์
วันนี้โชคดีมากๆ อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส ได้เห็นฟูจิด้วย ไม่เสียเที่ยวละ
ถึงที่หมายละ คราวนี้ก็มาเฉลยกันว่า ทำไมเราถึงได้ตั๋วมา 2 ใบ คือตอนออกเราก็เสียบตั๋วทั้ง 2 ใบเหมือนเดิม แต่จะมีอีกใบนึง โผล่ขึ้นมา ให้รีบหยิบไว้ มิเช่นนั้นจะเป็นเช่นเรา คือ ปล่อยให้มันดูดกลับไป ผลคือไม่สามารถออกจากสถานีได้ เนื่องจากว่าสถานีนี้ มันเชื่อมต่อกับ JR ที่จะออกไปเมืองอื่น เราต้องใช้ตั๋วอีกใบนึงออกจากตรงนี้ เพื่อนั่ง JR ต่อไปยังสถานีที่เราต้องการ มารู้เอาตอนไปถามเค้าว่าจะออกจากตรงนี้ยังไง เค้าบอกว่าต้องใช้ตั๋วอีกใบนึง ที่มาคู่กัน ซื้อใหม่ก็ไม่ได้ (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) ทำไงล่ะทีนี้ ก็วิ่งไปหาตัวช่วย เจ้าหน้าที่สถานี ก็ใจดี กุลีกุจอวิ่งไปตามหาตั๋วที่ถูกดูดกลับไปในเครื่องให้ น่ารักมาก จากนั้นจึงได้ออกจากตรงนั้น แล้วต่อ JR เพื่อไปลงสถานี Ueno จุดหมายต่อไปของเรา
เดินหาที่พัก แบบหลงๆ งงๆ เหมือนเดิม GPS ขั้นเทพยังเอาไม่อยู่ เดินวนอยู่นาน สุดท้ายมาถึงบางอ้อ ว่ามันอยู่ใกล้ๆ สถานีนี่เอง
ถึงแล้ว Ueno Hotel อยู่ไม่ไกลจากสถานีมาก เดินประมาณ 600 m. อยู่ใกล้ๆ Ueno Park สวนชมซากุระอันเลื่องชื่อ อยู่ใกล้ตึกม่วง Ameyoko (คล้ายๆ ซอยละลายทรัพย์บ้านเรา) เห็นกรุ๊ปทัวร์คนไทย ไปปล่อยลูกทัวร์ช็อปปิ้งเยอะ แต่เราไม่ใช่สายช็อปปิ้ง เลยแค่เดินโฉบๆ เฉยๆ
ห้องพักเล็กมาก ได้ห้องแบบ Semi Double Bed คือเตียงเล็กมากด้วย size ห้องก็แทบหมุนตัวไม่ได้ โรงแรมที่ใกล้สถานีค่อนข้างจะแน่นหมดเพราะถือเป็นช่วงเทศกาล และห้อง Tripple Room ก็มีน้อย จองไม่ทัน นี่ขนาดจองล่วงหน้าเกือบ 3 เดือน เอาน่ะ ทำใจ อาศัยซุกหัวนอนพอ เพราะเวลาส่วนใหญ่ก็เที่ยวข้างนอกอยู่แล้ว
พนักงานที่นี่น่ารัก พูดภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่ ไปถึงเกือบเที่ยง ก็เลยแวะฝากกระเป๋าก่อน รอ check-in หลังบ่ายสอง
จากนั้นก็เดินตัวปลิว สู่จุดหมาย highlight ซากุระ Full bloom ของเรา
แวะเติมพลังซะหน่อยก่อน มื้อนี้ร้านอาหารจีนละกัน อยู่ใกล้ โรงแแรม ขี้เกียจเดินไกล รสชาติพอได้ แต่ติดมันไปนิด เยอะมากด้วย ทานไม่เคยหมดเลย

เดินต่ออีกหน่อย (เป็นกิโลอยู่) ก็ถึงสวนอูเอโนะ (Ueno Park) เดินเข้าไปเท่านั้นแหละ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย (น้ำตาจะไหล ดีใจเวอร์)
ขออนุญาต ลงรูปซากุระแบบรัวๆ คือมันสวยงาม จนไม่อยากจะพลาดซักช็อตเลยจริงๆ
เดินกันจนเพลิน ลืมเมื่อยขาไปเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นแลดูจะตื่นเต้นกันไม่น้อย คนที่เยอะนี่ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวต่างชาตินะคะ คนญี่ปุ่นเองก็มารวมตัวกันที่นี่ หลายๆ คนมานั่งปูเสื่อ กินข้าว ดูซากุระกัน หรือที่เค้าเรียกกันว่า ฮานามิ ดูมีชีวิตชีวามาก มากันทั้งชุดทำงาน คาดว่าคงลางานมาเลยทีเดียว เพราะเห็นพี่เค้านั่งตั้งแต่พักเที่ยง บ่ายสอง บ่ายสามก็ยังไม่ไปไหน ดูดื่มด่ำกับธรรมชาติมากๆ
กลับไปพักขาที่โรงแรมแป๊บ โปรแกรมตอนเย็นถึงค่ำ จะไปตะลุยย่าน Asakusa และ Dinner ที่ Tokyo Sky Tree กัน
จากโรงแรมไป Asakusa ก็ไม่ไกลมากนัก เลยคิดกันว่า นั่ง Taxi มั่งดีกว่า เดินเยอะละ
ถึงแล้ว Asakusa
ผ่านประตูที่เป็นไฮไลท์นี้เข้าไป 2 ข้างทาง ก็เป็นร้านขายของที่ระลึก และขนมพื้นเมือง ภายใต้วิวซากุระ มีหรือจะพลาดการช็อป
เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจออีกประตูนึง แล้วเข้าไปสู่วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple)
เห็นคนต่อแถวกันยาวทีเดียวเพื่อเข้าไปสักการะ เราขอแค่ชื่นชมความงามก็พอ แล้วแอบอธิษฐานในใจ
ด้านนี้จะมองเห็น Tokyo Sky Tree ด้วย

ดื่มด่ำกับบรรยากาศซักพัก ก็ไปต่อที่ Tokyo Sky Tree กัน ที่มองเห็นลิบๆ น่ะ มิใช่ใกล้ๆ นะคะ
เราใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำซูมิดะ ชมวิวแม่น้ำ สะพาน ยามใกล้พลบค่ำด้วย จะมองเห็นตึก รูปทรงประหลาด คล้ายๆ อุนจิสีทอง แต่นั่นมัน เป็นฟองเบียร์นะคะ ตึกอาซาฮีค่ะ ไปรับลม ชมตึก สะพาน และซากุระกัน
[CR] Japan Trip Backpacker “ตามล่าหาซากุระ” 28 มี.ค. – 3 เม.ย 2558 : Day 3 จาก Kyoto สู่ Tokyo
เช้า check-out แบกเป๋าขึ้นไหล่ เดินไปขึ้น sub way จาก Umeda (Midosuji Line สายสีแดงๆ ในแผนที่) ไปลง Shin-Osaka
ถึง Shin-Osaka ซื้อตั๋วชินคันเซนที่นั่นได้เลย บอกว่าไป Tokyo เราซื้อขบวน Nozomi (เร็วที่สุด จอดน้อยสถานีที่สุด จ่ายแพงที่สุด แต่ก็คุ้มนะ) แบบ non-reserve (ไม่ book ที่นั่ง เพราะถ้าซื้อแบบ book จะแพงกว่า) เพิ่งรู้ตอนขึ้นไปแล้วว่า ตู้ non-reserve จะมีแค่ 3 ตู้ใน 1 ขบวนเท่านั้น ตอนแรกก็แอบกังวลว่าจะมีที่นั่งหรือเปล่า คือถ้ายืนเป็นชั่วโมงนี่ สาหัสเลยนะ สรุปคือ ที่ว่างเพียบค่ะ (แล้วจะจ่ายแพงไปเพื่อ)
ตู้ 1-3 เวลาขึ้นให้ดูให้ดี เดินไปรอที่ท้ายขบวนได้เลย เพราะตอนเรา คือ ได้ตั๋วตอนขบวนรถใกล้จะออก เจ้าหน้าที่ก็บอก no.1-3 แต่ตอนนั้นอยู่แถวตู้ 30 กว่าๆ วิ่งไม่ทันแน่ๆ แล้ว พนักงานเลยผลักให้ขึ้นไปก่อน ทีนี้ก็เดินกันขาลากเลย จากหัวขบวนไปเกือบท้ายขบวน
ค่าโดยสาร 3 คน (ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1) = 33,160 Yen ได้ตั๋วมาคนละ 2 ใบแบบงงๆ ตอนจะเข้าสถานี เลยถามเจ้าหน้าที่ว่า ทำยังไงกับ 2 ใบนี้ แกอธิบายว่า together คือ เอาสอดเข้าไปทั้ง 2 ใบ ด้วยกัน แล้วเข้าไป เดี๋ยวตอนออกมาว่ากันอีกว่าทำไงกะตั๋ว 2 ใบนี้
ได้ที่นั่งสวยๆ ละ ตอนแรกอยากได้อีกฝั่งที่เห็นฟูจิ แต่คนพื้นที่เค้านั่งกันเต็มหมดและ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุกไปดูเองก็ได้ ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง นั่ง นอน ยืน เดิน ได้เลย
แก้วกาแฟ น่ารักเวอร์
วันนี้โชคดีมากๆ อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส ได้เห็นฟูจิด้วย ไม่เสียเที่ยวละ
ถึงที่หมายละ คราวนี้ก็มาเฉลยกันว่า ทำไมเราถึงได้ตั๋วมา 2 ใบ คือตอนออกเราก็เสียบตั๋วทั้ง 2 ใบเหมือนเดิม แต่จะมีอีกใบนึง โผล่ขึ้นมา ให้รีบหยิบไว้ มิเช่นนั้นจะเป็นเช่นเรา คือ ปล่อยให้มันดูดกลับไป ผลคือไม่สามารถออกจากสถานีได้ เนื่องจากว่าสถานีนี้ มันเชื่อมต่อกับ JR ที่จะออกไปเมืองอื่น เราต้องใช้ตั๋วอีกใบนึงออกจากตรงนี้ เพื่อนั่ง JR ต่อไปยังสถานีที่เราต้องการ มารู้เอาตอนไปถามเค้าว่าจะออกจากตรงนี้ยังไง เค้าบอกว่าต้องใช้ตั๋วอีกใบนึง ที่มาคู่กัน ซื้อใหม่ก็ไม่ได้ (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) ทำไงล่ะทีนี้ ก็วิ่งไปหาตัวช่วย เจ้าหน้าที่สถานี ก็ใจดี กุลีกุจอวิ่งไปตามหาตั๋วที่ถูกดูดกลับไปในเครื่องให้ น่ารักมาก จากนั้นจึงได้ออกจากตรงนั้น แล้วต่อ JR เพื่อไปลงสถานี Ueno จุดหมายต่อไปของเรา
เดินหาที่พัก แบบหลงๆ งงๆ เหมือนเดิม GPS ขั้นเทพยังเอาไม่อยู่ เดินวนอยู่นาน สุดท้ายมาถึงบางอ้อ ว่ามันอยู่ใกล้ๆ สถานีนี่เอง
ถึงแล้ว Ueno Hotel อยู่ไม่ไกลจากสถานีมาก เดินประมาณ 600 m. อยู่ใกล้ๆ Ueno Park สวนชมซากุระอันเลื่องชื่อ อยู่ใกล้ตึกม่วง Ameyoko (คล้ายๆ ซอยละลายทรัพย์บ้านเรา) เห็นกรุ๊ปทัวร์คนไทย ไปปล่อยลูกทัวร์ช็อปปิ้งเยอะ แต่เราไม่ใช่สายช็อปปิ้ง เลยแค่เดินโฉบๆ เฉยๆ
ห้องพักเล็กมาก ได้ห้องแบบ Semi Double Bed คือเตียงเล็กมากด้วย size ห้องก็แทบหมุนตัวไม่ได้ โรงแรมที่ใกล้สถานีค่อนข้างจะแน่นหมดเพราะถือเป็นช่วงเทศกาล และห้อง Tripple Room ก็มีน้อย จองไม่ทัน นี่ขนาดจองล่วงหน้าเกือบ 3 เดือน เอาน่ะ ทำใจ อาศัยซุกหัวนอนพอ เพราะเวลาส่วนใหญ่ก็เที่ยวข้างนอกอยู่แล้ว
พนักงานที่นี่น่ารัก พูดภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่ ไปถึงเกือบเที่ยง ก็เลยแวะฝากกระเป๋าก่อน รอ check-in หลังบ่ายสอง
จากนั้นก็เดินตัวปลิว สู่จุดหมาย highlight ซากุระ Full bloom ของเรา
แวะเติมพลังซะหน่อยก่อน มื้อนี้ร้านอาหารจีนละกัน อยู่ใกล้ โรงแแรม ขี้เกียจเดินไกล รสชาติพอได้ แต่ติดมันไปนิด เยอะมากด้วย ทานไม่เคยหมดเลย
ขออนุญาต ลงรูปซากุระแบบรัวๆ คือมันสวยงาม จนไม่อยากจะพลาดซักช็อตเลยจริงๆ
เดินกันจนเพลิน ลืมเมื่อยขาไปเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นแลดูจะตื่นเต้นกันไม่น้อย คนที่เยอะนี่ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวต่างชาตินะคะ คนญี่ปุ่นเองก็มารวมตัวกันที่นี่ หลายๆ คนมานั่งปูเสื่อ กินข้าว ดูซากุระกัน หรือที่เค้าเรียกกันว่า ฮานามิ ดูมีชีวิตชีวามาก มากันทั้งชุดทำงาน คาดว่าคงลางานมาเลยทีเดียว เพราะเห็นพี่เค้านั่งตั้งแต่พักเที่ยง บ่ายสอง บ่ายสามก็ยังไม่ไปไหน ดูดื่มด่ำกับธรรมชาติมากๆ
กลับไปพักขาที่โรงแรมแป๊บ โปรแกรมตอนเย็นถึงค่ำ จะไปตะลุยย่าน Asakusa และ Dinner ที่ Tokyo Sky Tree กัน
จากโรงแรมไป Asakusa ก็ไม่ไกลมากนัก เลยคิดกันว่า นั่ง Taxi มั่งดีกว่า เดินเยอะละ
ถึงแล้ว Asakusa
ผ่านประตูที่เป็นไฮไลท์นี้เข้าไป 2 ข้างทาง ก็เป็นร้านขายของที่ระลึก และขนมพื้นเมือง ภายใต้วิวซากุระ มีหรือจะพลาดการช็อป
เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจออีกประตูนึง แล้วเข้าไปสู่วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple)
เห็นคนต่อแถวกันยาวทีเดียวเพื่อเข้าไปสักการะ เราขอแค่ชื่นชมความงามก็พอ แล้วแอบอธิษฐานในใจ
ด้านนี้จะมองเห็น Tokyo Sky Tree ด้วย
เราใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำซูมิดะ ชมวิวแม่น้ำ สะพาน ยามใกล้พลบค่ำด้วย จะมองเห็นตึก รูปทรงประหลาด คล้ายๆ อุนจิสีทอง แต่นั่นมัน เป็นฟองเบียร์นะคะ ตึกอาซาฮีค่ะ ไปรับลม ชมตึก สะพาน และซากุระกัน