สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ความขัดแย้งเคยมีมานาน หากหาข้อมูลย้อนกลับไปในอดีต เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครับ
หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์
ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้ง ภายหลังเหตุการณ์ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
ต่อมาได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2550
โดยเหตุผลหลักตามที่ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรได้แถลงในการลาออกนั้นคือ
ความไม่พอใจในการนำคนจากรัฐบาลที่แล้ว (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) มาทำงาน
เมื่อวันที่ปลดล็อคบ้านเลขที่ 111 มาถึง มีนักการเมืองเพียงไม่กี่คน ที่ไม่ได้ไปพบและเสนอตัวร่วมงานกับท่านทักษิณ
มิหนำซ้ำยังไปมีชื่อเป็นทีมงานเบื้องหลังกลุ่มตรงกันข้าม
และไปมีชื่อเป็นหัวหน้าพรรค ที่ลูกน้องเก่าท่านทักษิณจัดตั้งขึ้น
ชื่อของสมคิด เลยไม่ค่อยมีการวางใจใช้งาน เพราะมีความผูกพันกับหลายกลุ่ม
สังเกตง่ายๆ ขนาดสมคิดเป็นคนวงในกลุ่มนี้ แต่เพราะเหตุใด ไม่ใช้งานสมคิด กลับไปนำเอาหม่อมอุ๋ยเข้ามา
อย่าลืมว่า เรื่องของพาวเวอร์เพลย์ มันมีหลายระดับ
ส่วนบวรศักดิ์ วิษณุ เคยลาออกจากรัฐบาลท่านทักษิณ เพื่อจุดกระแสก็เคยมาแล้วครับ
ชื่อสมคิดนั้น อาจจะมีชื่อพอให้นักการเมืองพรรคเล็กๆ พรรคกลางๆจีบไปอยู่ด้วยเป็นจุดขาย
แต่อย่าลืมว่า ที่ผ่านมาโอกาสได้ทำงาน และเข้าสู่มรรคาที่ถูกต้องนั้น ต้องให้เครดิตพรรคใหญ่ที่มีกระบวนการทำงานที่มีวิสัยทัศน์
และกล้าตัดสินใจ จากคนเป็น " หัวหน้าพรรค " ครับคือท่านทักษิณ
ลองกลับไปดูบุคลากรสองคนคือ ศุภชัย ธารินทร์ ที่ได้ไปทำงานภายใต้การควบคุมของนายชวน
ผลคือไม่สามารถเปล่งศักยภาพออกมาได้เลย เพราะบรรยากาศการทำงานที่ไม่มีพาวเวอร์พอในการตัดสินใจใต้ร่มเงานายชวน
สุดท้ายพอเกิดเกาเหลากัน ก็เสียหายโอกาสประเทศ
อีกคนที่เทียบเคียงมากับสมคิดแต่เติบโตใต้ร่มเงาท่านทักษิณคือ ปุระชัย ที่โด่งดังมากภายใต้การเปิดโอกาสและภายใต้บรรยากาศ
ที่เอื้อให้ทำงาน
แต่พอออกมาตั้งพรรคเอง กลับเงียบสนิทครับ
คนที่มีความสามารถ ก็ต้องได้อยู่กับคนที่ " เห็น " ความสามารถครับ ถึงจะมีผลงาน
หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์
ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้ง ภายหลังเหตุการณ์ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
ต่อมาได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2550
โดยเหตุผลหลักตามที่ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรได้แถลงในการลาออกนั้นคือ
ความไม่พอใจในการนำคนจากรัฐบาลที่แล้ว (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) มาทำงาน
เมื่อวันที่ปลดล็อคบ้านเลขที่ 111 มาถึง มีนักการเมืองเพียงไม่กี่คน ที่ไม่ได้ไปพบและเสนอตัวร่วมงานกับท่านทักษิณ
มิหนำซ้ำยังไปมีชื่อเป็นทีมงานเบื้องหลังกลุ่มตรงกันข้าม
และไปมีชื่อเป็นหัวหน้าพรรค ที่ลูกน้องเก่าท่านทักษิณจัดตั้งขึ้น
ชื่อของสมคิด เลยไม่ค่อยมีการวางใจใช้งาน เพราะมีความผูกพันกับหลายกลุ่ม
สังเกตง่ายๆ ขนาดสมคิดเป็นคนวงในกลุ่มนี้ แต่เพราะเหตุใด ไม่ใช้งานสมคิด กลับไปนำเอาหม่อมอุ๋ยเข้ามา
อย่าลืมว่า เรื่องของพาวเวอร์เพลย์ มันมีหลายระดับ
ส่วนบวรศักดิ์ วิษณุ เคยลาออกจากรัฐบาลท่านทักษิณ เพื่อจุดกระแสก็เคยมาแล้วครับ
ชื่อสมคิดนั้น อาจจะมีชื่อพอให้นักการเมืองพรรคเล็กๆ พรรคกลางๆจีบไปอยู่ด้วยเป็นจุดขาย
แต่อย่าลืมว่า ที่ผ่านมาโอกาสได้ทำงาน และเข้าสู่มรรคาที่ถูกต้องนั้น ต้องให้เครดิตพรรคใหญ่ที่มีกระบวนการทำงานที่มีวิสัยทัศน์
และกล้าตัดสินใจ จากคนเป็น " หัวหน้าพรรค " ครับคือท่านทักษิณ
ลองกลับไปดูบุคลากรสองคนคือ ศุภชัย ธารินทร์ ที่ได้ไปทำงานภายใต้การควบคุมของนายชวน
ผลคือไม่สามารถเปล่งศักยภาพออกมาได้เลย เพราะบรรยากาศการทำงานที่ไม่มีพาวเวอร์พอในการตัดสินใจใต้ร่มเงานายชวน
สุดท้ายพอเกิดเกาเหลากัน ก็เสียหายโอกาสประเทศ
อีกคนที่เทียบเคียงมากับสมคิดแต่เติบโตใต้ร่มเงาท่านทักษิณคือ ปุระชัย ที่โด่งดังมากภายใต้การเปิดโอกาสและภายใต้บรรยากาศ
ที่เอื้อให้ทำงาน
แต่พอออกมาตั้งพรรคเอง กลับเงียบสนิทครับ
คนที่มีความสามารถ ก็ต้องได้อยู่กับคนที่ " เห็น " ความสามารถครับ ถึงจะมีผลงาน
แสดงความคิดเห็น
การตั้งคุณสมคิด จุตุศรีพิทักขึ้นเป็นผู้การการคลัง มีผลต่อคุณทักษิณหรือปล่าวครับ