--- พระคึกฤทธิ์ เหิมเกริมหนัก แก้ไขพระสูตรในพระไตรปิฎก ให้ตรงตามความคิดเห็นของตนเอง ---

สกทาคามี เข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต พระคึกฤทธิ์จึงปลอมพุทธวจนะให้ตรงกับทิฏฐิตน


ภาพถ่ายจากเว็บวัดนาป่าพง



ภาพถ่ายจากหนังสือคู่มือโสดาบัน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑ ปี พ.ศ.๒๕๕๔






เรื่องราวที่น่าตกใจในโลกอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับพระคึกฤทธิ์ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง
พระคึกฤทธิ์แก้ไขพระสูตรในพระไตรปิฎกให้ตรงตามความคิดเห็นของตนเอง

โดยพระคึกฤทธิ์มีความคิดเห็นว่า สกิเทว แปลว่า เทวดาคราวเดียว
จึงเข้าใจพระพุทธวจนะของพระศาสดาที่ตรัสว่า “อิมํ โลกํ อาคนฺตวา” ว่า หมายถึง “มาสู่เทวโลกนี้

พระคึกฤทธิ์โดยพลการจึงได้แก้ไขคำแปลลงในเว็บไซด์และในหนังสือคู่มือโสดาบันของตนเอง
ปรากฏตามหลักฐานภาพถ่ายที่แนบ


เพราะพระคึกฤทธิ์ไม่ได้เรียนไวยากรณ์บาลี จึงแปลบาลีไม่เป็น และยังบอกสาวกตนเองว่า  “อาตมาใช้พระสูตรอธิบายพระสูตร
จึงทำให้เหล่าสาวกของพระคึกฤทธิ์พากันปฏิเสธบาลีไวยากรณ์
โดยลืมไปว่า พระสูตรที่ตนเองอ้างนำมาอธิบายนั้น ได้ผ่านการแปลตามหลักบาลีไวยากรณ์เช่นกัน


เหล่าสาวกพระคึกฤทธิ์ไม่เข้าใจประเด็น จึงพยายามอธิบายว่า อาจารย์ตนไม่ได้ผิดอะไร
พร้อมทั้งยกพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองบุคคลผู้ตายในโลกมนุษย์แล้วบรรลุสกทาคามีว่า ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
เช่น ในพระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต  หน้าที่ ๓๑๖/๔๐๗ ข้อที่ ๓๑๕


แท้จริงแล้ว เหล่าผู้คัดค้านการตีความบาลีของพระคึกฤทธิ์ไม่มีใครเลยแม้สักคนที่จะคัดค้านว่า
พระสกทาคามีบุคคลเมื่อตายไปแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต

แต่ที่เขาค้านกันคือประเด็นที่พระคึกฤทธิ์แปลบาลีผิด ทำให้เข้าใจว่า
พระสกทาคามีเมื่อไปเกิดยังเทวโลกแล้ว จะปรินิพพานในเทวโลกนั้น ไม่กลับมาเกิดยังโลกมนุษย์อีก

ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง จนกระทั่งถึงปฏิเสธคำว่า "มาสู่โลกนี้ อีกเพียงครั้งเดียว"
(ตรงนี้พระคึกฤทธิ์ไม่สามารถแก้ตัวเป็นอย่างอื่นได้ เพราะถ้าไม่เข้าใจผิด จะต้องไปแก้ไขคำแปลให้สมกับที่ตนแปลสกิเทว ว่า เทวดาคราวเดียว ทำไม)

เพราะไม่มีพระสูตรไหนเลยที่พระศาสดาจะตรัสรับรองว่า พระสกทาคามีจะปรินิพพานในเทวโลกนั้น

ต่างกับบุคคลผู้ละสังโยชน์ ๕ (อนาคามี) ซึ่งพระศาสดาตรัสรับรองว่า จะปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕  อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ฌานสูตร




ความเข้าใจที่ผิด ทำให้พระคึกฤทธิ์กระทำการอันร้ายแรงด้วยการไปแก้ไขพระไตรปิฎกให้เป็นไปตามที่ตนเองพอใจ
ทั้งๆ ที่กล่าวอ้างมาตลอดว่า ตนเองไม่ได้แก้ไขอะไร อีกทั้งทุกอย่างตนเองก๊อปมาจากห้าเล่มจากพระโอษฐ์ของท่านพุทธทาส

เมื่อย้อนกลับไปดูแหล่งข้อมูลตามที่พระคึกฤทธิ์อ้างอิงตลอดมา พบว่า

ท่านพุทธทาสแปล  “อิมํ โลกํ อาคนฺตวา”  ว่า  “มาสู่โลกนี้”  เช่นเดียวกันกับฉบับหลวงและฉบับ มจร และ มมร







หลังจากที่พระคึกฤทธิ์นำพระสูตรมารับรองความคิด ความเชื่อของตนเองแพร่หลายออกไป
และผู้ที่ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกอย่างช่ำชองจะเชื่อโดยสนิทใจ เพราะพระคึกฤทธิ์สามารถยกพระสูตรที่พระศาสดาตรัสว่า
สกทาคามีไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต  มาตบตาผู้ใหม่ในพุทธวจนะได้จริงๆ

ตามหลักไวยากรณ์ การจะแปลว่า “มาสู่เทวโลก” ได้นั้น พระบาลีที่พระศาสดาตรัสจะต้องเป็นพระพุทธวจนะว่า “เทวโลกํ
ปรากฎตามภาพถ่ายหลักฐานที่แนบ

ส่วน อิมํ โลกํ จะแปลว่า “เทวโลก”  เป็นไปไม่ได้เลย

จึงขอฝากคำถามถึงท่านทั้งหลาย ใช้วิธีคิดง่ายๆ  ถ้า อิมํ โลกํ  แปลว่า  เทวโลก  แล้ว  เทวโลกํ จะแปลว่าอะไร  ขอให้ลองช่วยแปลกันดู




ที่มา
http://watnaprapong.blogspot.com/2015/07/blog-post_16.html
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8


"พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่มีคำแปลเป็นของตนเอง"
(ศิษย์ท่านหนึ่งของภิกขุคึกฤทธิ์กล่าว)


"เราไม่มีคำของตนเอง เรามีแต่คำศาสดา"
การปฏิเสธคำศาสดา คือการคัดง้างคำศาสดา จะยังยินดีใช้บาตรและจีวรของพระพุทธเจ้าได้เช่นใด"
(ภิกขุคึกฤทธิ์กล่าวไว้)



ณ วันนี้ ภิกขุคึกฤทธิ์ จงใจ ตั้งใจ เจตนา บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า กล่าวตู่ใส่ความพระพุทธเจ้า
โดยการแปลความหมายของพระพุทธวจนะให้ตรงกับความเห็นของตนเอง
โดยไม่สนใจเลยว่า ความหมายของพระพุทธวจนะจะผิดเพี้ยนไปอย่างมากและมีผลเสียหายมากน้อยเพียงใด
เพียงเพราะต้องการให้ตรงกับสิ่งที่ตนเองกล่าวรับรองโดยไม่มีพระพุทธวจนะในที่ใดกล่าวรับรองสิ่งที่ภิกขุคึกฤทธิ์บิดเบือนเลย


ผมยังอยู่ในห้วงของ "สกทาคามี โหติ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา" ซึ่งภิกขุคึกฤทธิ์แปลบิดเบือนผิดไปจากใจความตามที่ปรากฏในพระพุทธวจนะ คือ ศัพท์ว่า อิมํ โลกํ" พระพุทธวจนะ คือ โลกนี้

แต่ภิกขุคึกฤทธิ์เปลี่ยนแปลงใหม่ แก้ไข เพิ่มเติมเป็นว่า "เทวโลกนี้"
ซึ่งทำให้ความหมายของพระพุทธวจนะเปลี่ยนไปและผิดอย่างมหันต์ เป็นการคัดง้างคำของพระพุทธเจ้าโดยแท้จริง


ครั้นเมื่อไปตรวจสอบในพระไตรปิฎก คำว่า อิมํ โลกํ ก็ไม่มีตรงไหนปรากฏแปลว่า เทวโลกนี้ เลย
ทว่าทุกที่ต่างแปลว่า โลกนี้ ทั้งหมด ถูกต้อง ตรงกัน

แต่ภิกขุคึกฤทธิ์กลับแปลงเสียใหม่ว่า "เทวโลกนี้" ทำให้ความหมายเปลี่ยนจาก
พระสกทาคามี มาสู่ "โลกนี้" อีกเพียงครั้งเดียว
กลายเป็น
มาสู่ "เทวโลกนี้" อีกเพียงครั้งเดียว (ความจริง สกิเทว ท่านแปลว่า เทวดาคราวเดียว ก็ผิดจากพระพุทธวจนะอีกเช่นกัน)

ทำให้ความหมายของพระพุทธวจนะในพระสูตรเปลี่ยนไป เท่ากับคัดง้าง ปฏิเสธคำพระศาดา



ผมจึงอยากย้อนถามว่า

ท่านภิกขุคึกฤทธิ์คัดง้างคำพระศาสดาเอง แล้วท่านยังจะยินดีใช้บาตรและจีวรของพระพุทธเจ้าอยู่หรือครับ...?
และท่านจะรับผิดชอบต่อการทำเสื่อมเสียแก่หนังสือชุดพุทธโอษฐ์เช่นใด...?
เพราะท่านลอกงานเขามาแต่เปลี่ยนแปลงงานของเขาเสียใหม่และอ้างชุดพุทธโอษฐ์บังหน้า...?



-------------------------------------


วัดนาป่าพงโดยท่านภิกขุคึกฤทธิ์ได้ทำการเปลี่ยนแปลงพระพุทธวจนะโดยมติของตนเองว่า
สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา แปลว่า จะมาสู่เทวโลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น

คำว่า อิมํ โลกํ ศัพท์มันชัดเจนมากครับ ซึ่งต้องแปลว่า มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เพราะถ้าจะแปลว่า จะมาสู่เทวโลกนี้ ศัพท์บาลีจะต้องเป็น อิมํ เทวโลกํ ไม่ใช่ อิมํ โลกํ

ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมพระพุทธวจนะด้วยตนเองและทำให้ความหมายผิดเพี้ยนไปจากพระพุทธวจนะ
เป็นการคัดง้างคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยที่ท่านเองใช้บาตรและจีวรของพระพุทธเจ้า แต่กล่าวเพิ่มเติมให้ร้ายต่อพระพุทธเจ้า
ผู้ตรัสธรรมวินัยไว้โดยชอบแล้ว !!


ก่อนหน้านี้ ท่านแปลคำว่า สกิเทว เทวดาคราวเดียว แต่ครั้งนี้ กลับไม่แปลว่า เทวดาคราวเดียว แต่แปลว่า อีกครั้งเดียวเท่านั้น

สรุป คือ ท่านไม่มีจุดยืนในการแปล เพราะท่านไม่มีภูมิรู้ด้านภาษาบาลีเลย



นอกจากนี้ หากนับย้อนไปอีก คำว่า อิมํ โลกํ ท่านแปลว่า โลกนี้ (มนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง พรหมบ้าง) ซึ่งในส่วนที่เป็นวงเล็บนั้นเป็นการเติมมาด้วยตนเองของภิกขุคึกฤทธิ์ ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของตนเอง จึงได้ทำการเปลียนแปลงพระพุทธวจนะโดยการแปลเสียใหม่ว่า อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา มาสู่เทวโลกนี้ เป็นการเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติอย่างผิดมหันต์


ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า ศัพท์เพียงง่ายเช่นนี้ ท่านยังแปลผิด
และมีความจงใจทื่จะแก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงพระพุทธวจนะเพื่อให้ถูกต้องตามมติของตนเอง
โดยไม่สนใจศัพท์บาลีที่ปรากฎเลยแม้แต่น้อย


แล้วเช่นนี้ หนังสือ พุทธวจนปิฎก จะถูกสอดแทรกด้วยคำปลอมของทีมงานวัดนาป่าพงมากเพียงใด
อุบาสกอุบาสิกา อาสาทั้งหลายที่ตรวจทานจะพลอยได้รับกรรมในฐานนี้ไปด้วยหรือไม่
จะตั้งอยู่ในฐานะผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพระพุทธวจนะให้ผิดเพี้ยนหรือไม่
เป็นเรื่องที่น่ากลัวและต้องใช้สติให้ถี่ถ้วนยิ่งนัก มิพักต้องกล่าวถึงผู้ที่ซื้อหนังสือมาไว้เป็นมรดก


คำถามคือ คุณมั่นใจแล้วหรือว่า หนังสือ พุทธวจนปิฎก ที่ภิกขุคึกฤทธิ์กล่าวว่าจะมาแทนที่พระไตรปิฎกทั่วโลกนั้น
ถูกต้อง บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สิ้นเชิงแล้ว มิใช่ได้รับหนังสือที่มีมูลเป็นพิษอกุศลเป็นมรดกทางอธรรม !!


ที่มา
https://www.facebook.com/pages/BuddhaVajana-BuddhaDhamma/444879189005181?pnref=story
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่