ทุกการเดินทางมักจะมีเรื่องราวที่ทำให้ออกมาจากสถานที่เดิมๆเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรื่องมีอยู่ว่าชวนใครก็ไม่มีใครไปด้วย ไม่ว่างบ้าง ติดเรียนบ้าง จะให้รอว่างตรงกัน คงจะรอไม่ไหว จนคิดว่าทริปนี้ลุยเดี่ยวก็ดีไม่น้อย แต่พอดีเห็นเพื่อนขึ้นสเตตัสคล้ายจะอกหัก เลยลองทักไปชวน เธอตอบว่าไปด้วย เข้าทางผมสิครับ เราจึงพากันไปพักใจที่
เกาะเต่า แล้วทิ้งความเหงาไว้ข้างหลัง พร้อมกับอดีตที่เคยพัง ไปซ่อมใหม่ให้ใจกลับมาเป็นดังเดิม(มาเป็นเพลงเชียว) จึงเป็นที่มาของชื่อกระทู้
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่าทริปนี้ มีรีวิวของ
HIGH ON DREAM กับ
พี่นัท เป็นแรงบรรดาลใจให้มาที่นี่ อ่านอยู่นาน อ่านหลายรอบ จนท่องได้แล้วมั้ง ^^ คือนั่งรถไฟฟรีจากกรุงเทพ มาลง ชุมพร แล้วต่อเรือนอนไปเกาะเต่า จะพร่ามยาวสาวความอะไรกันให้มาก เริ่มเลยดีกว่า
ภาพถ่ายด้วย IPhone 5S ,Xiaomi YI ,กล้องคอมแพ็คของ Sony
ขอฝากเพจเล็กๆของผมด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[0.3MIL] เมื่อหนุ่มอินดี้กับเลดี้ขี้เที่ยว แบกเป้ตะลุยมาเลย์ แล้วไปทำเท่ห์ที่สิงคโปร์
นั่งรถไฟไปอัมพวา
ลาว แผ่นดินธรรมชาติที่น่าค้นหา (หลวงพระบาง - วังเวียง - เวียงจันทน์)
แบกเป้เที่ยว "เกาะล้าน" เช้า - เย็นกลับ
DAY1 ออกเดินทาง
เราออกเดินทางกันสองคนจากหอพักเพื่อมาขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นรถเร็วขบวนที่ 171 กรุงเทพ – สุไหงโกลก ซึ่งออกจากหัวลำโพงเวลา 13.00 น. ก่อนหน้าจะขึ้นรถไฟเราเตรียมน้ำขวดใหญ่จากร้านค้าแถวนั้นมาเป็นเสบียง เมื่อเสียงประกาศดังขึ้นว่าขบวนที่ 171 จะออกในอีก 1 นาที พร้อมกับรถไฟที่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และมีเสียงสุดคลาสสิคชวนให้จินตนาการว่า “ถึงก็ชั่ง ไม่ถึงก็ชั่ง” รถไฟออกมาจากสถานีได้ไม่นาน อาหารก็ไหลมาเหมือนสายพานในร้านอาหารใหญ่ๆ “ไก่ปิ้งจ้าไก่ปิ้ง ข้าวเหนียนร้อนๆจ้า 10 บาท 20 บาท” ขอบอกว่าช็อปกระหน่ำไม่ห่วงสุขภาพกระเป๋าตังเลย ไม่รู้ว่าอาหารอร่อย หรือตาลาย ถึงได้กินเยอะขนาดนี้ ระหว่างที่นั่งชิลชมวิวสองข้างทางรถไฟไปเรื่อยๆ ช่วงเพชรบุรี วิวจะสวยมาก เป็นภาพต้นตาล สลับกับทุ่งนาสีเขียวขจี โดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ตก นั่งชมพระอาทิตย์ตกบนรถไฟก็โรแมนติกไม่เบานะ แต่แล้วก็มีชายไม่หนุ่มมานั่งข้างๆ ผมก็ชวนคุยโน่นนี่นั่นตามประสา แล้วภาพน้ำใจคนไทยบนรถไฟก็ปรากฎให้เห็น ชายคนนั้นยกมือไหว้แม่ค้า ทีแรกคิดว่ารู้จักกัน แต่ไม่เลยเขาแค่ขออาหาร แม่ค้าใจดีก็ให้บ้าง ไม่ให้บ้าง เป็นภาพที่ประทับใจมาก แต่ขอไปขอมาเหมือนคนไม่รู้จักพอ อารมณ์ประมาณเห็นอะไรขอหมด แม้กระทั่งหมวกที่ผมใส่ แล้วยังมองขาเพื่อนผม ไม่ใช่แค่มอง เอาเท้ามาเขี่ยด้วย แต่ไม่ได้แดรกหรอก โดนผมสะกัดดาวรุ่งก่อน ง่วงก็ไม่กล้าหลับ เจอแบบนี้หลับไม่ลง



22.15 น. ถึงชุมพร ที่หน้าสถานีรถไฟจะมีทั้งรถกระป้อ และวินมอฯไซด์ ที่จะพาเราไปท่าเรือท่ายางให้เลือก ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 8 กิโลเมตร เราเลือกพี่วินมอฯไซด์ ในราคา 100 บาท “พี่ๆ แวะเซเว่นก่อนนะครับ” ผมบอกกับพี่วิน เพราะว่าจะหาอะไรกินระหว่างเดินทางซะหน่อย เราจองเรือนอนมาก่อน เพราะกลัวได้นอนเตียงเสริมเหมือนพี่นัท 5555+ เรือที่นี่หลักๆจะมี เกาะเจริญ ทะเลทรัพย์ พรทวีสิน สลับกันวิ่งวันเว้นวัน ก่อนไปเช็คกันดีๆ ราคา 400 บาท พอมาถึงท่าเรือ ลงนามและจ่ายตังเรียบร้อย เดินขึ้นเรือ เรือออก 23.00 น. ตรงเวลาเป๊ะ เรือออกจากท่า ภาพในหนังไททานิคก็แล่นเข้ามาในหัว แล้วมโนว่าบนดาดฟ้าเรือ จะมีเราไปยืนเป็นแจ็คกับโรส โพสท่าโรแมนติกอยู่บนนั้น แต่ความจริงกับความฝันมันช่างต่างกันซะเหลือเกิน มันกลับเป็นภาพที่เจ็คแดรกเบียร์ แล้วคุยกับฝรั่งด้วยภาษามือ ส่วนโรสก็เดินถ่ายรูปเล่น เรือแล่นออกจากปากแม่น้ำได้ไม่นาน ทุกทิศทุกทางก็กลายเป็นน้ำทะเลไปหมด เอาล่ะคืนนี้ยังอีกยาวไกล ไปนอนเอาแรงก่อน
TRICK
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. การนั่งรถไฟสายใต้ ควรคำนวนที่นั่งกับทิศของพระอาทิตย์ให้ดี เพราะรถไฟวิ่งแนว เหนือ-ใต้ หรือไม่ต้องคำนวนก็ได้ แค่ดึงม่านเหล็กลงก็ไม่ร้อนละ แต่ไม่เห็นวิวแค่นั้นแหละ
2. การนั่งรถไฟนานๆ ทำให้เมื่อยตูด ควรหาอะไรนุ่มๆมารองด้วยก็จะดี แนะนำพวกที่เป็นถุงลม ใช้เสร็จเอาลมออก เก็บใส่กระเป๋า ประหยัดพื้นที่ด้วย
3. ควรซื้อน้ำไปให้พร้อม เพราะบนรถไฟแพงกว่า 3 บาท เช่นขวดละ 7 เป็นขวดละ 10 ส่วนอาหารไม่ต้องห่วง มาเรื่อยๆ แพงบ้างถูกบ้าง สลับกันไป
4. ระวังทรัพย์สินดีๆ มิฉฉาชีพสมัยนี้มัยเยอะ โรคจิตมันแยะ
DAY2 แวนท์ซ่าเกาะเต่า
อย่างที่
HIGH ON DRAM และ
พี่นัท ได้กล่าวไว้ว่าต้องหา
KOHTAO Complete Guide มาครอบครองเมื่อขึ้นเกาะ หาง่ายมาก หน้าโรงแรม หรือแถวๆท่าเรือก็มีลองหามาเก็บไว้ มันจะเป็นประโยชน์ในภายหลัง
เวลา 05.30 เรามาถึงเกาะเต่าพร้อมกับอาการของคนเพิ่งตื่น งัวเงียไปหมด เราเดินไปเรื่อยๆ เจอร้านข้าวป้าหยวด ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย จึงเดินเข้าไปกิน ราคาไม่แพงอย่างที่คิด อย่างเดียว 50 บาท 2 อย่าง 60 บาท ป้าใจดีมาก ให้เราใช้ห้องน้ำของบ้านป้าด้วย พอกินอิ่มไม่รู้จะเดินไปทางไหน จึงเดินกลับไปที่ท่าเรือ ไปเริ่มต้นใหม่ แล้วตัดสินใจหาที่พักแถวท่าเรือ เพราะน่าจะสะดวกในเรื่องการเดินทางที่สุด ที่พักเป็นโฮสเทล ราคา 350 บาทต่อเตียง ข้างล่างจะเป็นร้านอาหาร จำชื่อไม่ได้แล้ว เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ พร้อมจะออกไปแวนท์บนเกาะเต่า เราเดินหาร้านเช่ามอฯไซด์ที่ไม่มีค่ามัดจำอยู่นาน ส่วนมากค่ามัดจำอยู่ราวๆ 2000 – 5000 บาท สุดท้ายก็เจอ เป็นร้านของลุงใจดี ชื่อร้าน
แองเจิล อยู่ติดกับ Koh Tao loft hostel ราคา 200 บาท ลุงบอกว่าถ้าคืนวันนี้ให้คืนตอน 5 โมง แต่คืนพรุ่งนี้ก็ได้ 9 โมง เผื่อกลางคืนอยากไปเที่ยวเล่นหาดทรายรี พอถ่ายรูป เช็คสภาพรอยขูดขีดเสร็จ เสือย่อมไม่ทิ้งลาย ตำนานแวนท์เก่าเข้าสิง แต่คราวนี้มีสก๊อยสาวนั่งท้ายด้วย
เราซิ่งไปยังที่แรกคืออ่าวโตนด เส้นทางเป็นถนนคอนกรีตสลับกับทางลูกลังที่เป็นเนินชันๆรอให้เราล้มอยู่ตลอดเวลา ทีแรกเราลงไปผิดทาง เจอหมาเห่า ต่างคนต่างกลัวหมา วิ่งแจ่นไปคนละทางเฉยเลย ต้องขับย้อนขึ้นมาใหม่ นาทีนี้แหละคิดว่าบิดพ้นเนินแล้ว จริงๆยังเหลือล้อหลังที่ยังไม่พ้น ผมปล่อยคันเร่ง รถไหลสิครับงานนี้ ผมและเพื่อนไม่ห่วงเจ็บ ห่วงค่าปรับมากกว่า จึงช่วยกันพยุงรถ แล้วก็พ้นค่าเสียหายไปได้
อ่าวโตนด ทางยากพอสมควร แต่ก็ไม่คณามือ หาดเป็นเศษปะการัง เดินย่ำจั๊กจี้เท้าดี น้ำใส มองเห็นฝูงปลาเล็กๆเต็มไปหมด บนหาดจะมีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่ เหมาะกับการถ่ายพรอทเทรดแนวมินิมอลมากๆ คะแนนความยากของเส้นทาง เต็ม 5 ดาว ผมให้ 2 ดาว
แล้วเราก็กางแผนที่หาหาดที่อยู่ใกล้ที่สุด คือ อ่าวลึก เป็นหาดส่วนตัวที่มีเวลา ปิด-เปิด หาดค่อนข้างสงบ ทรายสีขาว ละเอียดนุ่มเท้ามากๆ ข้างๆอ่าวจะมีร้านอาหารที่ท่าทางจะแพงอยู่ ทุกหาดที่ผมไปมา หาดนี้น่าเล่นน้ำที่สุด เส้นทางไปก็ไม่ค่อยยากมาก หาดนี้ให้คะแนนความยาก 1 ดาว
จุดชมวิว จอห์น สุวรรณ เป็นจุดชมวิวที่อยู่แถวๆหาด ฟรีดอม ทางไปง่าย ค่าเข้า 50 บาท ปีนเขาขึ้นไปประมาณ 5 นาที ก็ถึงยอดเขา บนยอดจะเห็นอ่าวสองอ่าว คือ อ่าวเทียนออก กับอ่าวโฉลกบ้านเก่า คะแนนความยาก 1 ดาว
หาดฟรีดอม เป็นหาดที่อยู่ติดกับจุดชมวิว มีสะพานสามารถเดินไปอ่าวโฉลกบ้านเก่าได้
อ่าวหินวง ทางไปค่อนข้างยาก ฝรั่งล้มบ่อยมากที่นี่ หาดไม่มีนะครับ มีแต่หิน สมชื่อเลย เป็นที่ที่ดูปะการัง โดยไม่ต้องดำน้ำได้ เห็นได้ชัดเจน ปลานกแก้ว ปลาต่างๆ ก็สามารถมองเห็น คะแนนความยาก 3 ดาว
ระหว่างที่กำลังจะกลับจากหินวง ผมเห็นเพื่อนทำหน้างง เลยถามไปว่าเป็นอะไร ได้ความว่า “คนที่ทักเมื่อตะกี้ใช่คนที่นั่งเรือนอนมาพร้อมกับเรามั้ย” ผมตอบเธอว่า “ใช่” เราจึงเดินเข้าไปคุยด้วย ปรากฎว่า ทั้งคู่เดินทางมาคนเดียว แล้วเจอกันบนเรือนอน เลยเที่ยวด้วยกันซะเลย คุยกันได้ไม่นานสาวน้อยผู้นั้นออกปากชวนเราไปนั่งบาร์ที่หาดทรายรีตอนเย็น เอ๊ะ!เห็นผมเป็นคนยังไง มีหรือจะไม่ไป เรารีบตอบตกลง จากนั้นเราทั้งคู่ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดชมวิวนางยวล ไม่ค่อยมีอะไรหรอก แต่ถ้ามาค่ำๆน่าจะสวย ที่สำคัญกำลังชมวิวเพลินๆ เพื่อนทักไลน์มาว่าเกรดออก นั่งชมวิวทั้งน้ำตาเลยครับ แต่ฟิวนั้นความเศร้ามันมักจะหายเร็ว เพราะมีวิวสวยๆมาคอยปลอบใจ แล้วเราก็ขับรถกลับไปยังอ่าวมะม่วง ตอนแรกว่าจะไปจุดชมวิวมะม่วงแต่หาทางไปไม่เจอเลยไปอ่าวแทน ขอบอกว่าทางโหดมาก ผมให้ระดับความยาก 5 ดาวเลย ถ้าขับไม่แข็งนี่ล้มจริงๆนะเออ ระหว่างทางเจอฝรั่งคู่นึง เราจึงหยุดรถถามว่าอีกไกลไหม ไกลครับ แล้วเหงื่อบนตัวพี่ฝรั่งยังกับอาบน้ำแล้วลืมเช็ดตัว สงสัยเพิ่งเดินกลับมา เรายืนยันกับพี่ฝรั่งว่ายังไงเราต้องไปอ่าวมะม่วง พี่เขาคงหมดคำห้ามแล้ว ได้แต่พูดว่า Be careful ขอบคุณมากครับ ผมจะระวังให้ถึงที่สุด เส้นทางน่าล้มให้คนสมน้ำหน้าสุดๆ แต่เด็กแวนท์เก่าอย่างผมถ้าล้มก็เสียชื่อสิครับ เมื่อถึงอ่าว เราเดินลงไปจะถึงละ ป้ายเขียนตัวใหญ่มากกกกกก......ว่าปิด เอ้า!นี่เราน่าจะเชื่อคำห้ามเขาตั้งแต่แรกเนอะ เหมือนเอาเงินค่าปรับมาเสี่ยงเล่น

[CR] [0.3MIL][BACKPACK].....:::::ไปให้ลืม:::::.....[เกาะเต่า]
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่าทริปนี้ มีรีวิวของ HIGH ON DREAM กับ พี่นัท เป็นแรงบรรดาลใจให้มาที่นี่ อ่านอยู่นาน อ่านหลายรอบ จนท่องได้แล้วมั้ง ^^ คือนั่งรถไฟฟรีจากกรุงเทพ มาลง ชุมพร แล้วต่อเรือนอนไปเกาะเต่า จะพร่ามยาวสาวความอะไรกันให้มาก เริ่มเลยดีกว่า
DAY1 ออกเดินทาง
เราออกเดินทางกันสองคนจากหอพักเพื่อมาขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นรถเร็วขบวนที่ 171 กรุงเทพ – สุไหงโกลก ซึ่งออกจากหัวลำโพงเวลา 13.00 น. ก่อนหน้าจะขึ้นรถไฟเราเตรียมน้ำขวดใหญ่จากร้านค้าแถวนั้นมาเป็นเสบียง เมื่อเสียงประกาศดังขึ้นว่าขบวนที่ 171 จะออกในอีก 1 นาที พร้อมกับรถไฟที่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และมีเสียงสุดคลาสสิคชวนให้จินตนาการว่า “ถึงก็ชั่ง ไม่ถึงก็ชั่ง” รถไฟออกมาจากสถานีได้ไม่นาน อาหารก็ไหลมาเหมือนสายพานในร้านอาหารใหญ่ๆ “ไก่ปิ้งจ้าไก่ปิ้ง ข้าวเหนียนร้อนๆจ้า 10 บาท 20 บาท” ขอบอกว่าช็อปกระหน่ำไม่ห่วงสุขภาพกระเป๋าตังเลย ไม่รู้ว่าอาหารอร่อย หรือตาลาย ถึงได้กินเยอะขนาดนี้ ระหว่างที่นั่งชิลชมวิวสองข้างทางรถไฟไปเรื่อยๆ ช่วงเพชรบุรี วิวจะสวยมาก เป็นภาพต้นตาล สลับกับทุ่งนาสีเขียวขจี โดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ตก นั่งชมพระอาทิตย์ตกบนรถไฟก็โรแมนติกไม่เบานะ แต่แล้วก็มีชายไม่หนุ่มมานั่งข้างๆ ผมก็ชวนคุยโน่นนี่นั่นตามประสา แล้วภาพน้ำใจคนไทยบนรถไฟก็ปรากฎให้เห็น ชายคนนั้นยกมือไหว้แม่ค้า ทีแรกคิดว่ารู้จักกัน แต่ไม่เลยเขาแค่ขออาหาร แม่ค้าใจดีก็ให้บ้าง ไม่ให้บ้าง เป็นภาพที่ประทับใจมาก แต่ขอไปขอมาเหมือนคนไม่รู้จักพอ อารมณ์ประมาณเห็นอะไรขอหมด แม้กระทั่งหมวกที่ผมใส่ แล้วยังมองขาเพื่อนผม ไม่ใช่แค่มอง เอาเท้ามาเขี่ยด้วย แต่ไม่ได้แดรกหรอก โดนผมสะกัดดาวรุ่งก่อน ง่วงก็ไม่กล้าหลับ เจอแบบนี้หลับไม่ลง
22.15 น. ถึงชุมพร ที่หน้าสถานีรถไฟจะมีทั้งรถกระป้อ และวินมอฯไซด์ ที่จะพาเราไปท่าเรือท่ายางให้เลือก ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 8 กิโลเมตร เราเลือกพี่วินมอฯไซด์ ในราคา 100 บาท “พี่ๆ แวะเซเว่นก่อนนะครับ” ผมบอกกับพี่วิน เพราะว่าจะหาอะไรกินระหว่างเดินทางซะหน่อย เราจองเรือนอนมาก่อน เพราะกลัวได้นอนเตียงเสริมเหมือนพี่นัท 5555+ เรือที่นี่หลักๆจะมี เกาะเจริญ ทะเลทรัพย์ พรทวีสิน สลับกันวิ่งวันเว้นวัน ก่อนไปเช็คกันดีๆ ราคา 400 บาท พอมาถึงท่าเรือ ลงนามและจ่ายตังเรียบร้อย เดินขึ้นเรือ เรือออก 23.00 น. ตรงเวลาเป๊ะ เรือออกจากท่า ภาพในหนังไททานิคก็แล่นเข้ามาในหัว แล้วมโนว่าบนดาดฟ้าเรือ จะมีเราไปยืนเป็นแจ็คกับโรส โพสท่าโรแมนติกอยู่บนนั้น แต่ความจริงกับความฝันมันช่างต่างกันซะเหลือเกิน มันกลับเป็นภาพที่เจ็คแดรกเบียร์ แล้วคุยกับฝรั่งด้วยภาษามือ ส่วนโรสก็เดินถ่ายรูปเล่น เรือแล่นออกจากปากแม่น้ำได้ไม่นาน ทุกทิศทุกทางก็กลายเป็นน้ำทะเลไปหมด เอาล่ะคืนนี้ยังอีกยาวไกล ไปนอนเอาแรงก่อน
TRICK
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY2 แวนท์ซ่าเกาะเต่า
อย่างที่ HIGH ON DRAM และพี่นัท ได้กล่าวไว้ว่าต้องหา KOHTAO Complete Guide มาครอบครองเมื่อขึ้นเกาะ หาง่ายมาก หน้าโรงแรม หรือแถวๆท่าเรือก็มีลองหามาเก็บไว้ มันจะเป็นประโยชน์ในภายหลัง
เวลา 05.30 เรามาถึงเกาะเต่าพร้อมกับอาการของคนเพิ่งตื่น งัวเงียไปหมด เราเดินไปเรื่อยๆ เจอร้านข้าวป้าหยวด ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย จึงเดินเข้าไปกิน ราคาไม่แพงอย่างที่คิด อย่างเดียว 50 บาท 2 อย่าง 60 บาท ป้าใจดีมาก ให้เราใช้ห้องน้ำของบ้านป้าด้วย พอกินอิ่มไม่รู้จะเดินไปทางไหน จึงเดินกลับไปที่ท่าเรือ ไปเริ่มต้นใหม่ แล้วตัดสินใจหาที่พักแถวท่าเรือ เพราะน่าจะสะดวกในเรื่องการเดินทางที่สุด ที่พักเป็นโฮสเทล ราคา 350 บาทต่อเตียง ข้างล่างจะเป็นร้านอาหาร จำชื่อไม่ได้แล้ว เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ พร้อมจะออกไปแวนท์บนเกาะเต่า เราเดินหาร้านเช่ามอฯไซด์ที่ไม่มีค่ามัดจำอยู่นาน ส่วนมากค่ามัดจำอยู่ราวๆ 2000 – 5000 บาท สุดท้ายก็เจอ เป็นร้านของลุงใจดี ชื่อร้านแองเจิล อยู่ติดกับ Koh Tao loft hostel ราคา 200 บาท ลุงบอกว่าถ้าคืนวันนี้ให้คืนตอน 5 โมง แต่คืนพรุ่งนี้ก็ได้ 9 โมง เผื่อกลางคืนอยากไปเที่ยวเล่นหาดทรายรี พอถ่ายรูป เช็คสภาพรอยขูดขีดเสร็จ เสือย่อมไม่ทิ้งลาย ตำนานแวนท์เก่าเข้าสิง แต่คราวนี้มีสก๊อยสาวนั่งท้ายด้วย
เราซิ่งไปยังที่แรกคืออ่าวโตนด เส้นทางเป็นถนนคอนกรีตสลับกับทางลูกลังที่เป็นเนินชันๆรอให้เราล้มอยู่ตลอดเวลา ทีแรกเราลงไปผิดทาง เจอหมาเห่า ต่างคนต่างกลัวหมา วิ่งแจ่นไปคนละทางเฉยเลย ต้องขับย้อนขึ้นมาใหม่ นาทีนี้แหละคิดว่าบิดพ้นเนินแล้ว จริงๆยังเหลือล้อหลังที่ยังไม่พ้น ผมปล่อยคันเร่ง รถไหลสิครับงานนี้ ผมและเพื่อนไม่ห่วงเจ็บ ห่วงค่าปรับมากกว่า จึงช่วยกันพยุงรถ แล้วก็พ้นค่าเสียหายไปได้
อ่าวโตนด ทางยากพอสมควร แต่ก็ไม่คณามือ หาดเป็นเศษปะการัง เดินย่ำจั๊กจี้เท้าดี น้ำใส มองเห็นฝูงปลาเล็กๆเต็มไปหมด บนหาดจะมีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่ เหมาะกับการถ่ายพรอทเทรดแนวมินิมอลมากๆ คะแนนความยากของเส้นทาง เต็ม 5 ดาว ผมให้ 2 ดาว
แล้วเราก็กางแผนที่หาหาดที่อยู่ใกล้ที่สุด คือ อ่าวลึก เป็นหาดส่วนตัวที่มีเวลา ปิด-เปิด หาดค่อนข้างสงบ ทรายสีขาว ละเอียดนุ่มเท้ามากๆ ข้างๆอ่าวจะมีร้านอาหารที่ท่าทางจะแพงอยู่ ทุกหาดที่ผมไปมา หาดนี้น่าเล่นน้ำที่สุด เส้นทางไปก็ไม่ค่อยยากมาก หาดนี้ให้คะแนนความยาก 1 ดาว
จุดชมวิว จอห์น สุวรรณ เป็นจุดชมวิวที่อยู่แถวๆหาด ฟรีดอม ทางไปง่าย ค่าเข้า 50 บาท ปีนเขาขึ้นไปประมาณ 5 นาที ก็ถึงยอดเขา บนยอดจะเห็นอ่าวสองอ่าว คือ อ่าวเทียนออก กับอ่าวโฉลกบ้านเก่า คะแนนความยาก 1 ดาว
หาดฟรีดอม เป็นหาดที่อยู่ติดกับจุดชมวิว มีสะพานสามารถเดินไปอ่าวโฉลกบ้านเก่าได้
อ่าวหินวง ทางไปค่อนข้างยาก ฝรั่งล้มบ่อยมากที่นี่ หาดไม่มีนะครับ มีแต่หิน สมชื่อเลย เป็นที่ที่ดูปะการัง โดยไม่ต้องดำน้ำได้ เห็นได้ชัดเจน ปลานกแก้ว ปลาต่างๆ ก็สามารถมองเห็น คะแนนความยาก 3 ดาว
ระหว่างที่กำลังจะกลับจากหินวง ผมเห็นเพื่อนทำหน้างง เลยถามไปว่าเป็นอะไร ได้ความว่า “คนที่ทักเมื่อตะกี้ใช่คนที่นั่งเรือนอนมาพร้อมกับเรามั้ย” ผมตอบเธอว่า “ใช่” เราจึงเดินเข้าไปคุยด้วย ปรากฎว่า ทั้งคู่เดินทางมาคนเดียว แล้วเจอกันบนเรือนอน เลยเที่ยวด้วยกันซะเลย คุยกันได้ไม่นานสาวน้อยผู้นั้นออกปากชวนเราไปนั่งบาร์ที่หาดทรายรีตอนเย็น เอ๊ะ!เห็นผมเป็นคนยังไง มีหรือจะไม่ไป เรารีบตอบตกลง จากนั้นเราทั้งคู่ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดชมวิวนางยวล ไม่ค่อยมีอะไรหรอก แต่ถ้ามาค่ำๆน่าจะสวย ที่สำคัญกำลังชมวิวเพลินๆ เพื่อนทักไลน์มาว่าเกรดออก นั่งชมวิวทั้งน้ำตาเลยครับ แต่ฟิวนั้นความเศร้ามันมักจะหายเร็ว เพราะมีวิวสวยๆมาคอยปลอบใจ แล้วเราก็ขับรถกลับไปยังอ่าวมะม่วง ตอนแรกว่าจะไปจุดชมวิวมะม่วงแต่หาทางไปไม่เจอเลยไปอ่าวแทน ขอบอกว่าทางโหดมาก ผมให้ระดับความยาก 5 ดาวเลย ถ้าขับไม่แข็งนี่ล้มจริงๆนะเออ ระหว่างทางเจอฝรั่งคู่นึง เราจึงหยุดรถถามว่าอีกไกลไหม ไกลครับ แล้วเหงื่อบนตัวพี่ฝรั่งยังกับอาบน้ำแล้วลืมเช็ดตัว สงสัยเพิ่งเดินกลับมา เรายืนยันกับพี่ฝรั่งว่ายังไงเราต้องไปอ่าวมะม่วง พี่เขาคงหมดคำห้ามแล้ว ได้แต่พูดว่า Be careful ขอบคุณมากครับ ผมจะระวังให้ถึงที่สุด เส้นทางน่าล้มให้คนสมน้ำหน้าสุดๆ แต่เด็กแวนท์เก่าอย่างผมถ้าล้มก็เสียชื่อสิครับ เมื่อถึงอ่าว เราเดินลงไปจะถึงละ ป้ายเขียนตัวใหญ่มากกกกกก......ว่าปิด เอ้า!นี่เราน่าจะเชื่อคำห้ามเขาตั้งแต่แรกเนอะ เหมือนเอาเงินค่าปรับมาเสี่ยงเล่น