(8พย.) นี่เรามาไกล ...จนถึง ขนาด ที่ต้องนั่งมอง คนพม่า เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง ด้วยความอิจฉา แล้วหรือนี่ !!!

ผมเคยไป พม่า สองครั้ง ..

ครั้งแรก เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว  ยังเด็กอยู่ จำความอะไรไม่ค่อยได้นัก

แต่จำได้แม่นว่า พม่าเป็น ประเทศที่ปกครอง ด้วย รบ. ทหาร ... ตอนที่ไปตอนนั้นก็จำได้ว่า พ่อต้องให้เพื่อนที่เป็นทหาร ติดต่อหาทหารที่โน่น (พม่า) เป็นไกด์ให้

ภาพความทรงจำที่พอหลงเลืออยู่ในตอนนั้น  ก็คือ  ไปทางไหน ก็เห็นแต่ทหารถือปืน เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

ผู้คน หน้าตาหม่นหมอง หาดูแววตาที่สดใส มีความสุข ได้ยากเย็นเหลือเกิน

หลังจากนั้น   ผมกับพม่า ก็ห่างกันไป ...

จะได้พบเจอก็แต่เวลาไปชอปปิ้ง ที่ท่าขี้เหล็ก ตรงแม่สาย ...

แล้วก็แรงงานพม่า  ที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานที่เมืองไทย ...

ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับพืชไร่ ...  คนงานผู้ชาย ก็เอามาทำงานในลาน ในงานใช้แรงงานทั่วไป

ส่วนผู้หญิง ก็มาเป็นแม่บ้าน ...

ผมรับรู้ได้เลย ว่า  ผู้คนพวกนี้  ตอนอยู่ในประเทศเค้า คงจะอดอยากมาก   เพราะสิ่งที่เราให้กับพวกเค้านั้น ถึงแม้จะเล็กน้อย

แต่เห็นได้ชัดว่า  มันดีกว่าที่พวกเค้าได้รับ  ตอนอยู่ในประเทศของเค้าเองมาก ....

ก็แหงเนอะ ... ไม่งั้นเค้าจะต้องดิ้นรน ออกมาทำไม ???

จนมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ..   ผมได้กลับไปเยือนพม่าอีกครั้ง ...

เที่ยวนี้ไป ครบสี่ประเทศเลยไปหาดูลู่ทางว่า  พอมี เออีซีแล้ว  เราพอจะมีช่องทางหากินอะไรได้บ้าง ....

พม่าวันนี้   เปลี่ยนไปมากเลยครับ ...

ถึงจะมีกลิ่นอาย  ของความเป็นเผด็จการ  หลงเหลืออยู่บ้าง

-  สนามบินที่ มัณฑะเลย์เค้า  บรรยากาศ  มัน ยังกะ ค่ายทหาร  เงียบๆ  วังเวงยังไงก้อไม่รู้

-  ควักกล้องมาจะถ่ายรูป สถานที่ต้องห้าม ( ซึ่งไม่รู้มันจะห้ามไปทำไม )   อย่าง สนามบิน , ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ   เค้าโวยวายกันยังกะว่า ใครจะปล้นใครยังงั้นล่ะ

-  อันนี้ ผมทึ่งมาก  พม่า เป็นประเทศเดียวในโลก ที่รถพวงมาลัยขวา แต่วิ่งเลนขวา   ซึ่งมันวิ่งลำบากมาก   ไปค้นข้อมูลมา ก็เป็นแค่ความเอาแต่ใจของผู้นำ ที่พยายามจะล้มล้างสิ่งที่ผู้นำคนก่อนทำไว้ ( คุ้นๆ มั้ย)

รถที่ผมเช่าไป  ( อัลพาร์ด วัน สามพัน มีคนขับ กับ คนบริการ รวมสองคน  ซึ่งนับว่าถูกมากนะครับถ้าเทียบกับบ้านเรา )   ผมถามคนขับว่า  ไม่ลำบากเหรอ  ขับรถแบบนี้

เค้าบอกไม่ครับ  เพราะตั้งแต่หัดมาก็หัดแบบนี้เลย ไม่ได้รู้สึกอะไร   ผมเลยบอกลงมา   แล้วไปนั่งข้างซ้าย เด๋วผมจะขับให้ ...

พอเค้าไปนั่งด้านซ้ายเสร็จ   ผมก็ขับไป  แล้วก็ถามเค้าว่า  ไง ...  ถ้าพวงมาลัยมันมาอยู่ข้างนี้   เวลาแซง มันง่ายกว่ากันเยอะแล้วมั้ย ???

เค้าทำท่าตื่นเต้นใหญ่  แล้วก็บอกใช่ๆๆๆๆ (พม่า ทั่วไป พอพูดอังกริดได้นะครับ แต่โดยเฉลี่ย ผมว่า คนเขมรเก่งกว่า)

แล้วก็หันกลับมาถามผมว่า ...  แล้วทำไมเค้าต้องไปลำบาก ขับรถแบบนั้นด้วย ?? ทำไมไม่ให้วิ่งเลนซ้าย หรือ เอารถที่มีพวงมาลัยซ้ายมาใช้ ????

เออ ....  แล้วกรูจะรู้มั้ยล่ะ   5 5 5     (   แต่จริงๆ เมื่อก่อนนี้ พม่าก้อขับเลนซ้ายนะครับ  แต่เปลี่ยนแปลงก็อย่างที่บอกไป   แล้วรถลอทน้ั้น(  มาลัยขวา)  ก็โละมาจากยี่ปุ่นถูกๆ  แลกกับอะไรซักอย่างนี่ล่ะ ....

คาดว่า  หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา    ไอ้หนุ่มพม่า คนนั้น  คงคันในหัวใจไปอีกนานล่ะ   5 5 5

นีล่ะครับ  ผลพวง ของการที่ถูกกดมานาน   กด จนคิดอะไรเองไม่เป็น   เพราะคิดไป ก็ไม่มีประโยชน์


ภาพรวม นอกจากนั้น ...

ผมเห็นความกระตือรือร้น  ของผู้คนในพม่านะครับ   ถึงแม้ว่า  สกิลล  ในการจัดการของเค้าทั่วไป  ยังเป็นรอง คนไทยอยู่มาก

แต่ผมมองเห็น ความหวัง ในแววตา ของผู้คนในประเทศเค้า ....  ต่างกับ  ยี่สิบปีก่อน  โดยสิ้นเชิง ...

สรุป ..  ประเทศนี้ กำลังจะมีอนาคตครับ


8  พย.   ถึงจะถึงนี้ จะเป็นวันเลือกตั้งทั่วไปครั้งประวัติศาสตร์ ที่พรรคฝ่ายค้านของนางอองซานซูจี เข้าร่วมลงแข่งขันเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี

เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว    มันเส้าๆ ยังไงไม่รู้

มันรู้สึก เหมือนกับว่า   เรากำลังเดินสวนทางไปกับพวกเค้าเหลือเกินนน

เรามาไกล  ขนาดนี้แล้ว  จริงๆเหรอ  ?????????


ปล.   ถึงตรงนี้ คงไม่แคล้ว  มีสลิ่ม ดักดาน  ร้องสวนออกมาว่า ... ไม่เห็นต้องอิจฉาอะไรเลยนี่   ไม่มีเลือกตั้งก็ดีอยู่แล้ว ..จะได้ไม่ต้องมีนักการเมืองมาโกงกินอีกกกกกกกกก

ผมเส้า  เกินกว่าจะเถียงกับพวกมันแล้ว ฟร่ะะะะะะะะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่