จากคะแนนสอบที่ลองตรวจคร่าว ๆ กับคำเฉลยด้วยตัวเอง คณิตศาสตร์ กข. ที่โหดหินสุด ๆ ทำได้ประมาณ 10 ข้อจาก 50 ที่เหลือใช้วิธีกามั่ว ๆสลับ ๆกันไปเราน่าจะได้ราว ๆ 25 แต้มนะ ฟิสิกซ์ที่บังเอิญสวรรค์เป็นใจ น่าจะได้ราว ๆ 50 ภาษาไทย พอไหว ๆ เอาไป 60 แล้วกัน สังคมก็พอทน ซัก 40 เห็นจะได้ เคมีชีวะเฉลี่ย ๆ พอกัน 40 ส่วนภาษาอังกฤษที่คุ้นเคยกันมากหน่อย เลยสอยมาได้ซัก 75-80 ล่ะมัง
บวกรวม ๆแล้วเราเลยติดอันดับ 2 ที่เลือกไว้รองจากเภสัช มหิดล ซึ่งก็คือคณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ อันที่จริง เราอยากติดอันดับ 3 ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์มากที่สุด กะว่าจะเน้นไปด้านวรรณคดีอังกฤษอะไรเทือกนั้น ทว่าไม่รู้เพราะขาดคนชี้นำแนะแนวที่เข้าใจเราจริง ๆล่ะมั้ง เลยได้ไปเรียนอะไรที่ไม่ใช่เราซะเล้ยยยยย แต่ด้วยความที่อย่างน้อยก็อุตส่าห์ติดมหา'ลัยชั้นนำระดับนี้ มันก็ต้องปลาบปลื้มปิติน้ำตาคลอเป็นธรรมดา
จำได้ว่าตอนไปดูผลกับก๊วนเกลอวัดสังเวชที่สนามจุ๊บ ( จุฬา ) เนี่ย ลุ้นและตื่นเต้นสุด ๆไปเลย นาทีที่ค่อย ๆไล่รหัสสอบหาชื่อตัวเองบนบอร์ดนี่นับเป็นช็อตที่ระทึกตึก ๆที่สุดช็อตนึงของชีวิตแล้ว บรรยากาศรอบ ๆข้างรึก็เป็นอะไรที่เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงไม่มีผิดเพี้ยน อะไรมันจะคึกคักตะลุ่งตุ้งแช่เฮฮาสาระแนปรีดิ์เปรมเกษมสำราญขนาดนั้น พวกรุ่นพี่คณะต่าง ๆทั้งหญิงทั้งชายเรียกว่ามีพลังดีกรีความมันส์แค่ไหนใส่กันเต็มแม็กซัดกันเต็มเหนี่ยวทีเดียวเชียว ชวนให้จิตใจที่พองโตอยู่แล้วยิ่งฟ่องฟูเฟื่องฟุ้งกันไปใหญ่ เห็นใจก็แต่คนที่ผิดคาดพลาดหวังหาชื่อบนบอร์ดไม่เจอ หรือเจอผิดที่ผิดคณะที่มุ่งหมาย เสียงเอะอะมะเทิ่งรอบข้างคงเป็นอะไรที่บาดหูบาดใจสุด ๆแล้วอะ
นอกจากเราแล้ว เพื่อน ๆที่สอบติดก็มีไอ้พฏ ติดคณะวนศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิไลติดครุศาสตร์ สามย่าน สุณีย์ซี้เค้าติดพยาบาลศาสตร์ที่เดียวกัน ไอ้ธีติดเกษตรศาสตร์ ขอนแก่น ( แต่น้ามันบีบคั้นให้ไปเรียนนายร้อยตำรวจ ) กิ เพื่อนผู้หญิงชื่อจริงจำบ่ได้แล้วติดอะไรซักอย่างที่มหิดล แล้วก็แดงอีกนางสาวหนึ่งติดคณะชื่อแปลก ๆเหมือนกิที่มหา'ลัยเดียวกัน ( ก็คณะ " อะไรซักอย่าง" นั่นแหละ ) จำได้เท่านี้ก็เก่งแล้วอะ ที่เหลือพี่อัล ( ไซเมอร์ ) ฉกไปกินแล้วมั้ง คนที่แปลกประหลาดใจหรือสะใภ้สุด ๆก็เห็นจะเป็นพี่ชายถาปัดเราเองนี่แหละ มันคงคิดในใจว่า " เห็นมันท่อง ๆฟิสิกซ์อยู่ ไรว้าาา ติดได้ไง" เอ้า พี่ไม่รู้หรอกเหรอว่า น้องชายตัวเองเส้นหญ่าาาายยยย เส้นหลังหนังตาตึงตอนอ่าน ๆท่อง ๆจนถึงตี 2 ทุก ๆคืนตลอด 3 เดือนนี่ไงล่ะ ต้องขอบคุณคำสบประมาทของคุณพี่ด้วยที่ทำให้เรามีแรงฮึดเพิ่มอีก 39 ฮึดโดตรอน 555
อีกคนที่ตื่นเต้นพอ ๆกับเราก็เห็นจะเป็นแม่นั่นแหละ กลับไปบ้านตอนก่อนเปิดเทอม โห เดินไปตลาดเช้ากับแม่งี้ ไม่รู้จะปั้นสีหน้ายังไงถึงจะถูก เพราะไม่ว่าจะเดินไปป๊ะเพื่อนบ้านร้านตลาด หรือแม่ค้าไก่ย่าง ขนมบัว หรือตือคาโคว แม่ก็จะต้องป่าวประกาศทันทีเลยว่า " นี่ลูกชาย เพิ่งสอบติดจุฬาฯ พี่ชายเค้าก็สอบติดจุฬาฯไปเมื่อ 2 ปีก่อนเหมือนกัน " เอาแหละ ในเมื่อเป็นความภาคภูมิใจของแม่ เราก็ยิ้มรับคำชมจากคนที่ได้ฟังไปเรื่อย ๆก็แล้วกัน ( เราว่ามันต้องมีบางคนที่หมั่นไส้กันมั่งล่ะน่าาา ประเภท " หมั่นไส้นะตัวเอง แต่ไม่แสดงออก" )
ตอนพี่ชายติดถาปัดเนี่ย โห มันได้โปรโมชั่นเพียบเลยจากพี่สาว 2 คน คนโตให้ทองมาบาทนึง คนรอง ( มือสารพัดสกุลรุนไม้นั่นแหละ ) ประเคนให้ทั้งกางเกงยีนส์ ทั้งเสื้อแอร์โร่ที่กำลังฮอตฮิตได้ที่ ส่วนเราได้แค่ทองหยิบฝอยทอง และกว่าจะทวงกางเกงยีนส์แม็คจากมือหวดไม่ยั้งอันดับหนึ่งได้ก็เล่นเอาหมดน้ำลายไปหลายหยดทีเดียวเชียว ทำมั้ยยย ทำไมมันถึงได้มาตรฐานต่างกันซะไขนหนาดน้อ คนเรา เฮ้ออออ พอได้เงินมา เราเลยไปสอยยีนส์แม็คสีน้ำเงินที่ด้านในย้อมเขียวแมลงทับมาตัวนึงซะเลย พอพับขาก็จะเห็นปื้นผ้าสีเขียวตัดให้พอเท่ ๆได้ใจไม่น้อยเหมือนกัน ส่วนเสื้อแอร์โร่ เราก็อาศัยไปเดินสวนจตุจักรหาซื้อแบบลายสก๊อตมือ 2 มาใส่แทน ยุคเราตอนนั้น พ่อค้ายังขายแบบไม่จับราคา แค่มีเงิน 70-80 บาทก็ได้แอร์โร่อเมริกันบริจาคมาใส่แล้ว
สดใสวัยมันส์ ก็มาพี้คระดับนึงเอาวันแรกเข้านั่นเอง มองไปทางไหนเห็นแต่เสื้อผ้าใหม่ ๆ เชิ้ตขาวของผู้ชายและเชิร์ตขาวแบบมีแกนปลาหมึกด้านหลังของผู้หญิงเฟรชชี่ อย่างเรากับเพื่อน ๆร่วมปี 2525 กว่า 3,000 คนนี่มันช่างโอโม่สะท้อนแสงเข้าตาดีเหลือเกิ๊น ที่แน่ ๆ โหย งานนี้มีสาว ๆมาให้เหล่ตรึมไปหมดทีเดียวเชียว สวรรค์บนดินก็มิปาน ทว่าท่ามกลางสาวน้องใหม่นับพัน สวรรค์ก็จัดส่งหนึ่งน้องนองนึงมาผูกข้อมือด้วยเน็กไทกับเรา และจากการพันผูกด้วยแถบผ้าสีน้ำเงินเล็ก ๆในวันนั้น ใครจะไปคิดว่าเธอยังคงค้างคาตกตะกอนนอนก้นอยู่ในใจของเรามาจนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆที่เวลาผ่านมาเนิ่นนานเกือบ ๆจะ 30 ปีดีดักแล้ว ฤาว่า แท้จริงแล้ว รักครั้งแรกจริง ๆของเราอุบัติขึ้นในใจของเราวันนั้นเอง ที่ผ่าน ๆมาล้วนเป็นเพียงความหวามไหวไปตามช่วงวัยเท่านั้นเอง
เธอเป็นสาวหมวยอุบลฯที่เข้าขั้นสวยทีเดียวเชียว ใครที่รู้จักนางเอกฮ่องกงชื่อ กว้านจือหลิน เธอก็คล้าย ๆจะเป็นฝาแฝดกับเค้านั่นเลยล่ะ เราว่าคงต้องยืมคำบรรยายโบราณประมาณ " จิ้มลิ้มพริ้มเพรา" มาใช้นั่นแหละถึงจะเข้าเค้าที่สุดแล้ว เฮ้อออ แล้วจะไม่ให้เรา love at first sight อย่าไรได้ ที่แน่ ๆ ภายใต้เปลือกนอกอันงดงามนั้น เรายังได้พบจิตใจที่สดสวยไม่แพ้กันอีกด้วย แพ็คเกจที่พ่วงมาคือ ความสดใสร่าเริง คุยสนุก หัวเราะร่วนได้ง่าย ๆ ถ้ายังไม่พอ เธอมีสิ่งการันตีการเรียนเก่งด้วยสถาบันเดิมที่มีรั้วติดกับสถาบันใหม่นี่เอง ( เตรียมอุดมศึกษา ) นับจากวันนั้น เรากับเธอก็หนิดหนมเป็นที่ยิ่ง เรียกว่า เดินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด โดยที่เธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ชายหน้าตี๋แว่นหนาเตอะคนนี้เทใจให้เธอไปหมดแล้ว
และแล้ววันนึง ฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมากลางโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ ขณะเพื่อนซี้ต่างห้องน้ำต่างท่าดีไฮเดรตกำลังนั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวมื้อเที่ยงกันอยู่ดี ๆ ไอ้อู๊ดเด็กยุดยา ที่ไม่รู้ว่ามันหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่ก็เดินเข้ามาขยับขวดโค้กบนโต๊ะที่คั่นระหว่างเรากับเธอออก พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรากับเธอไปตลอดกาลว่า " ขยับขวดออกซักหน่อย ไอ้ต๋องมันจะได้มองเห็นหน้า....ได้ถนัดชัดขึ้น"
นับจากวันนั้น เธอก็ไม่ยอมเดินไปไหนมาไหนกับเราอีกเลย เธอบอกว่า ไม่อยากจะให้เราคิดเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน และไม่อยากให้เพื่อน ๆล้อเรื่องแบบนี้ เพราะเธอยังไม่คิดเรื่องทำนองนี้เลย ความสัมพันธ์ของเรากับเธอจึงลุ่ม ๆดอน ๆมาตลอด ถึงเราจะยืนยันกับเธอว่าเราไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ ทว่าเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า มันไม่จริง แววตา สีหน้า อากัปกิริยาของเรามันคงจะโพนทะนาออกมาทุกอย่างว่า แท้จริงแล้ว เราคิดกับเธอยังไง
เธอเคยให้โอกาสเรากลับมาพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนเดิม แต่เรานี่สิ มันปั่นป่วนรัญจวนใจอยู่ทุกเวลาทีเดียว เธอจึงสังเกตเห็นว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เธอทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่อ้างอิงมาจากหนังดังเรื่อง TOOTSIE ที่ดัสติน ฮอฟแมน ปลอมตัวเป็นหญิงชื่อโดโรธีและเข้ามาหนิดหนมกับเจสสิก้า แลงก์ แล้วดัสตินก็หลงรักนางเอกอย่างจริงจัง ขณะที่เธอให้ได้แค่ความรักฉันเพื่อนสนิทเท่านั้น เธอพูดกับเราผ่านสายโทรศัพท์ว่า " ต๋องคงไม่ใช่โดโรธีนะ" แล้วจะให้เราตอบยังไงล่ะ ในเมื่อเรายิ่งกว่าซูเปอร์โดโรธีซะอีก อ้อ ในเรื่องนี้มีเพลงประกอบชื่อ It Might Be You ที่ลึกซึ้งกินใจเหลือเกิน และเป็นหนึ่งในเพลงโปรดของเราตลอดมา...................และตลอดไปด้วย
ที่แน่ ๆ เพื่อน ๆก๊วนสนิทในคณะทุกคนมันรู้กันหมดได้ไงก็ไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไง จึ่งมีวันนึง ไอ้ตือ มันจึงไปล้างอัดรูปขาวดำของเธอมาให้เรา เราว่าทุกวันนี้มันยังอยู่ในกล่องเก็บสมบัติส่วนตัวอยู่นะ เอาไว้ คงต้องไปรื้อ ๆดูซักหน่อยแล้วล่ะ ไม่รู้สินะ มีใครเคยเป็นแบบเราบ้างมั้ยน้อออ ที่ทุกวันนี้ แม้จะติดต่อเธอไม่ได้ และไม่รู้จะสื่อสารกับเธอยังไง เราก็ยังเก็บเบอร์มือถือ ( ที่ได้มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ตอนเจอกันในการชุมนุมทางการเมืองโดยบังเอิญ ) แล้วก็เบอร์โทรฯ บ้านที่ถนนรองเมืองของเธออยู่เลย เบอร์มือถือของเธอน่าจะปิดไปแล้วล่ะ 2-3 เดือนก่อน เราลองโทรไปที่เบอร์บ้านเธอ ก็เจอพี่เขยเธอรับสาย บอกว่าเธออยู่ที่อเมริกา ( ข่าวล่าสุด เธอน่าจะต่อด็อกเตอร์ด้านการละครอยู่ที่ฮาวาย )
เราคงบรรยายได้ยากว่า ความรู้สึกผูกพันแบบนี้มันคืออะไร และเพื่ออะไร บอกได้แต่ว่า เราบันทึกเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำ ดิ่งลึก และท่วมท้นอย่างบอกไม่ถูก สถานภาพปัจจุบัน เรามีภรรยาที่น่ารัก รักเราและเราก็รักเธอมากจริง ๆ เธอเองก็รู้ถึงความรู้สึกของเราที่มีต่อเพื่อวัยนั้นคนนี้ดี และเคยเป็นกระทั่งนักเรียนการแสดงของเธอที่กันตนาอีกด้วย เรากับเธอคนนั้น แน่นอนว่า ไม่มีวันจะขมวดความสัมพันธ์เป็นอื่นไปได้ ยังไม่ต้องเอ่ยด้วยว่า แท้จริงแล้ว เธออาจจะไม่เคยแม้แต่มีใจให้เราเพียงน้อยนิดก็เป็นได้ อย่างไรก็แล้วแต่ หากเราได้มีโอกาสแค่เป็นเพื่อนสนิทกับเธออีกในวันนี้ นั่นก็เป็นหนึ่งในความฝันและความสุขสุดโต่งของเราแล้ว
แด่เพื่อน ความผูกพันแสนนาน และไอ้อู๊ดยุดยา
บันทึกชีวิต แง้มนิด ปิดหน่อยของคนชื่อต๋อง-28/49 แด่เพื่อน ความผูกพันแสนนาน และไอ้อู๊ดยุดยา
จากคะแนนสอบที่ลองตรวจคร่าว ๆ กับคำเฉลยด้วยตัวเอง คณิตศาสตร์ กข. ที่โหดหินสุด ๆ ทำได้ประมาณ 10 ข้อจาก 50 ที่เหลือใช้วิธีกามั่ว ๆสลับ ๆกันไปเราน่าจะได้ราว ๆ 25 แต้มนะ ฟิสิกซ์ที่บังเอิญสวรรค์เป็นใจ น่าจะได้ราว ๆ 50 ภาษาไทย พอไหว ๆ เอาไป 60 แล้วกัน สังคมก็พอทน ซัก 40 เห็นจะได้ เคมีชีวะเฉลี่ย ๆ พอกัน 40 ส่วนภาษาอังกฤษที่คุ้นเคยกันมากหน่อย เลยสอยมาได้ซัก 75-80 ล่ะมัง
บวกรวม ๆแล้วเราเลยติดอันดับ 2 ที่เลือกไว้รองจากเภสัช มหิดล ซึ่งก็คือคณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ อันที่จริง เราอยากติดอันดับ 3 ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์มากที่สุด กะว่าจะเน้นไปด้านวรรณคดีอังกฤษอะไรเทือกนั้น ทว่าไม่รู้เพราะขาดคนชี้นำแนะแนวที่เข้าใจเราจริง ๆล่ะมั้ง เลยได้ไปเรียนอะไรที่ไม่ใช่เราซะเล้ยยยยย แต่ด้วยความที่อย่างน้อยก็อุตส่าห์ติดมหา'ลัยชั้นนำระดับนี้ มันก็ต้องปลาบปลื้มปิติน้ำตาคลอเป็นธรรมดา
จำได้ว่าตอนไปดูผลกับก๊วนเกลอวัดสังเวชที่สนามจุ๊บ ( จุฬา ) เนี่ย ลุ้นและตื่นเต้นสุด ๆไปเลย นาทีที่ค่อย ๆไล่รหัสสอบหาชื่อตัวเองบนบอร์ดนี่นับเป็นช็อตที่ระทึกตึก ๆที่สุดช็อตนึงของชีวิตแล้ว บรรยากาศรอบ ๆข้างรึก็เป็นอะไรที่เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงไม่มีผิดเพี้ยน อะไรมันจะคึกคักตะลุ่งตุ้งแช่เฮฮาสาระแนปรีดิ์เปรมเกษมสำราญขนาดนั้น พวกรุ่นพี่คณะต่าง ๆทั้งหญิงทั้งชายเรียกว่ามีพลังดีกรีความมันส์แค่ไหนใส่กันเต็มแม็กซัดกันเต็มเหนี่ยวทีเดียวเชียว ชวนให้จิตใจที่พองโตอยู่แล้วยิ่งฟ่องฟูเฟื่องฟุ้งกันไปใหญ่ เห็นใจก็แต่คนที่ผิดคาดพลาดหวังหาชื่อบนบอร์ดไม่เจอ หรือเจอผิดที่ผิดคณะที่มุ่งหมาย เสียงเอะอะมะเทิ่งรอบข้างคงเป็นอะไรที่บาดหูบาดใจสุด ๆแล้วอะ
นอกจากเราแล้ว เพื่อน ๆที่สอบติดก็มีไอ้พฏ ติดคณะวนศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิไลติดครุศาสตร์ สามย่าน สุณีย์ซี้เค้าติดพยาบาลศาสตร์ที่เดียวกัน ไอ้ธีติดเกษตรศาสตร์ ขอนแก่น ( แต่น้ามันบีบคั้นให้ไปเรียนนายร้อยตำรวจ ) กิ เพื่อนผู้หญิงชื่อจริงจำบ่ได้แล้วติดอะไรซักอย่างที่มหิดล แล้วก็แดงอีกนางสาวหนึ่งติดคณะชื่อแปลก ๆเหมือนกิที่มหา'ลัยเดียวกัน ( ก็คณะ " อะไรซักอย่าง" นั่นแหละ ) จำได้เท่านี้ก็เก่งแล้วอะ ที่เหลือพี่อัล ( ไซเมอร์ ) ฉกไปกินแล้วมั้ง คนที่แปลกประหลาดใจหรือสะใภ้สุด ๆก็เห็นจะเป็นพี่ชายถาปัดเราเองนี่แหละ มันคงคิดในใจว่า " เห็นมันท่อง ๆฟิสิกซ์อยู่ ไรว้าาา ติดได้ไง" เอ้า พี่ไม่รู้หรอกเหรอว่า น้องชายตัวเองเส้นหญ่าาาายยยย เส้นหลังหนังตาตึงตอนอ่าน ๆท่อง ๆจนถึงตี 2 ทุก ๆคืนตลอด 3 เดือนนี่ไงล่ะ ต้องขอบคุณคำสบประมาทของคุณพี่ด้วยที่ทำให้เรามีแรงฮึดเพิ่มอีก 39 ฮึดโดตรอน 555
อีกคนที่ตื่นเต้นพอ ๆกับเราก็เห็นจะเป็นแม่นั่นแหละ กลับไปบ้านตอนก่อนเปิดเทอม โห เดินไปตลาดเช้ากับแม่งี้ ไม่รู้จะปั้นสีหน้ายังไงถึงจะถูก เพราะไม่ว่าจะเดินไปป๊ะเพื่อนบ้านร้านตลาด หรือแม่ค้าไก่ย่าง ขนมบัว หรือตือคาโคว แม่ก็จะต้องป่าวประกาศทันทีเลยว่า " นี่ลูกชาย เพิ่งสอบติดจุฬาฯ พี่ชายเค้าก็สอบติดจุฬาฯไปเมื่อ 2 ปีก่อนเหมือนกัน " เอาแหละ ในเมื่อเป็นความภาคภูมิใจของแม่ เราก็ยิ้มรับคำชมจากคนที่ได้ฟังไปเรื่อย ๆก็แล้วกัน ( เราว่ามันต้องมีบางคนที่หมั่นไส้กันมั่งล่ะน่าาา ประเภท " หมั่นไส้นะตัวเอง แต่ไม่แสดงออก" )
ตอนพี่ชายติดถาปัดเนี่ย โห มันได้โปรโมชั่นเพียบเลยจากพี่สาว 2 คน คนโตให้ทองมาบาทนึง คนรอง ( มือสารพัดสกุลรุนไม้นั่นแหละ ) ประเคนให้ทั้งกางเกงยีนส์ ทั้งเสื้อแอร์โร่ที่กำลังฮอตฮิตได้ที่ ส่วนเราได้แค่ทองหยิบฝอยทอง และกว่าจะทวงกางเกงยีนส์แม็คจากมือหวดไม่ยั้งอันดับหนึ่งได้ก็เล่นเอาหมดน้ำลายไปหลายหยดทีเดียวเชียว ทำมั้ยยย ทำไมมันถึงได้มาตรฐานต่างกันซะไขนหนาดน้อ คนเรา เฮ้ออออ พอได้เงินมา เราเลยไปสอยยีนส์แม็คสีน้ำเงินที่ด้านในย้อมเขียวแมลงทับมาตัวนึงซะเลย พอพับขาก็จะเห็นปื้นผ้าสีเขียวตัดให้พอเท่ ๆได้ใจไม่น้อยเหมือนกัน ส่วนเสื้อแอร์โร่ เราก็อาศัยไปเดินสวนจตุจักรหาซื้อแบบลายสก๊อตมือ 2 มาใส่แทน ยุคเราตอนนั้น พ่อค้ายังขายแบบไม่จับราคา แค่มีเงิน 70-80 บาทก็ได้แอร์โร่อเมริกันบริจาคมาใส่แล้ว
สดใสวัยมันส์ ก็มาพี้คระดับนึงเอาวันแรกเข้านั่นเอง มองไปทางไหนเห็นแต่เสื้อผ้าใหม่ ๆ เชิ้ตขาวของผู้ชายและเชิร์ตขาวแบบมีแกนปลาหมึกด้านหลังของผู้หญิงเฟรชชี่ อย่างเรากับเพื่อน ๆร่วมปี 2525 กว่า 3,000 คนนี่มันช่างโอโม่สะท้อนแสงเข้าตาดีเหลือเกิ๊น ที่แน่ ๆ โหย งานนี้มีสาว ๆมาให้เหล่ตรึมไปหมดทีเดียวเชียว สวรรค์บนดินก็มิปาน ทว่าท่ามกลางสาวน้องใหม่นับพัน สวรรค์ก็จัดส่งหนึ่งน้องนองนึงมาผูกข้อมือด้วยเน็กไทกับเรา และจากการพันผูกด้วยแถบผ้าสีน้ำเงินเล็ก ๆในวันนั้น ใครจะไปคิดว่าเธอยังคงค้างคาตกตะกอนนอนก้นอยู่ในใจของเรามาจนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆที่เวลาผ่านมาเนิ่นนานเกือบ ๆจะ 30 ปีดีดักแล้ว ฤาว่า แท้จริงแล้ว รักครั้งแรกจริง ๆของเราอุบัติขึ้นในใจของเราวันนั้นเอง ที่ผ่าน ๆมาล้วนเป็นเพียงความหวามไหวไปตามช่วงวัยเท่านั้นเอง
เธอเป็นสาวหมวยอุบลฯที่เข้าขั้นสวยทีเดียวเชียว ใครที่รู้จักนางเอกฮ่องกงชื่อ กว้านจือหลิน เธอก็คล้าย ๆจะเป็นฝาแฝดกับเค้านั่นเลยล่ะ เราว่าคงต้องยืมคำบรรยายโบราณประมาณ " จิ้มลิ้มพริ้มเพรา" มาใช้นั่นแหละถึงจะเข้าเค้าที่สุดแล้ว เฮ้อออ แล้วจะไม่ให้เรา love at first sight อย่าไรได้ ที่แน่ ๆ ภายใต้เปลือกนอกอันงดงามนั้น เรายังได้พบจิตใจที่สดสวยไม่แพ้กันอีกด้วย แพ็คเกจที่พ่วงมาคือ ความสดใสร่าเริง คุยสนุก หัวเราะร่วนได้ง่าย ๆ ถ้ายังไม่พอ เธอมีสิ่งการันตีการเรียนเก่งด้วยสถาบันเดิมที่มีรั้วติดกับสถาบันใหม่นี่เอง ( เตรียมอุดมศึกษา ) นับจากวันนั้น เรากับเธอก็หนิดหนมเป็นที่ยิ่ง เรียกว่า เดินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด โดยที่เธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ชายหน้าตี๋แว่นหนาเตอะคนนี้เทใจให้เธอไปหมดแล้ว
และแล้ววันนึง ฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมากลางโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ ขณะเพื่อนซี้ต่างห้องน้ำต่างท่าดีไฮเดรตกำลังนั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวมื้อเที่ยงกันอยู่ดี ๆ ไอ้อู๊ดเด็กยุดยา ที่ไม่รู้ว่ามันหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่ก็เดินเข้ามาขยับขวดโค้กบนโต๊ะที่คั่นระหว่างเรากับเธอออก พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรากับเธอไปตลอดกาลว่า " ขยับขวดออกซักหน่อย ไอ้ต๋องมันจะได้มองเห็นหน้า....ได้ถนัดชัดขึ้น"
นับจากวันนั้น เธอก็ไม่ยอมเดินไปไหนมาไหนกับเราอีกเลย เธอบอกว่า ไม่อยากจะให้เราคิดเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน และไม่อยากให้เพื่อน ๆล้อเรื่องแบบนี้ เพราะเธอยังไม่คิดเรื่องทำนองนี้เลย ความสัมพันธ์ของเรากับเธอจึงลุ่ม ๆดอน ๆมาตลอด ถึงเราจะยืนยันกับเธอว่าเราไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ ทว่าเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า มันไม่จริง แววตา สีหน้า อากัปกิริยาของเรามันคงจะโพนทะนาออกมาทุกอย่างว่า แท้จริงแล้ว เราคิดกับเธอยังไง
เธอเคยให้โอกาสเรากลับมาพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนเดิม แต่เรานี่สิ มันปั่นป่วนรัญจวนใจอยู่ทุกเวลาทีเดียว เธอจึงสังเกตเห็นว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เธอทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่อ้างอิงมาจากหนังดังเรื่อง TOOTSIE ที่ดัสติน ฮอฟแมน ปลอมตัวเป็นหญิงชื่อโดโรธีและเข้ามาหนิดหนมกับเจสสิก้า แลงก์ แล้วดัสตินก็หลงรักนางเอกอย่างจริงจัง ขณะที่เธอให้ได้แค่ความรักฉันเพื่อนสนิทเท่านั้น เธอพูดกับเราผ่านสายโทรศัพท์ว่า " ต๋องคงไม่ใช่โดโรธีนะ" แล้วจะให้เราตอบยังไงล่ะ ในเมื่อเรายิ่งกว่าซูเปอร์โดโรธีซะอีก อ้อ ในเรื่องนี้มีเพลงประกอบชื่อ It Might Be You ที่ลึกซึ้งกินใจเหลือเกิน และเป็นหนึ่งในเพลงโปรดของเราตลอดมา...................และตลอดไปด้วย
ที่แน่ ๆ เพื่อน ๆก๊วนสนิทในคณะทุกคนมันรู้กันหมดได้ไงก็ไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไง จึ่งมีวันนึง ไอ้ตือ มันจึงไปล้างอัดรูปขาวดำของเธอมาให้เรา เราว่าทุกวันนี้มันยังอยู่ในกล่องเก็บสมบัติส่วนตัวอยู่นะ เอาไว้ คงต้องไปรื้อ ๆดูซักหน่อยแล้วล่ะ ไม่รู้สินะ มีใครเคยเป็นแบบเราบ้างมั้ยน้อออ ที่ทุกวันนี้ แม้จะติดต่อเธอไม่ได้ และไม่รู้จะสื่อสารกับเธอยังไง เราก็ยังเก็บเบอร์มือถือ ( ที่ได้มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ตอนเจอกันในการชุมนุมทางการเมืองโดยบังเอิญ ) แล้วก็เบอร์โทรฯ บ้านที่ถนนรองเมืองของเธออยู่เลย เบอร์มือถือของเธอน่าจะปิดไปแล้วล่ะ 2-3 เดือนก่อน เราลองโทรไปที่เบอร์บ้านเธอ ก็เจอพี่เขยเธอรับสาย บอกว่าเธออยู่ที่อเมริกา ( ข่าวล่าสุด เธอน่าจะต่อด็อกเตอร์ด้านการละครอยู่ที่ฮาวาย )
เราคงบรรยายได้ยากว่า ความรู้สึกผูกพันแบบนี้มันคืออะไร และเพื่ออะไร บอกได้แต่ว่า เราบันทึกเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำ ดิ่งลึก และท่วมท้นอย่างบอกไม่ถูก สถานภาพปัจจุบัน เรามีภรรยาที่น่ารัก รักเราและเราก็รักเธอมากจริง ๆ เธอเองก็รู้ถึงความรู้สึกของเราที่มีต่อเพื่อวัยนั้นคนนี้ดี และเคยเป็นกระทั่งนักเรียนการแสดงของเธอที่กันตนาอีกด้วย เรากับเธอคนนั้น แน่นอนว่า ไม่มีวันจะขมวดความสัมพันธ์เป็นอื่นไปได้ ยังไม่ต้องเอ่ยด้วยว่า แท้จริงแล้ว เธออาจจะไม่เคยแม้แต่มีใจให้เราเพียงน้อยนิดก็เป็นได้ อย่างไรก็แล้วแต่ หากเราได้มีโอกาสแค่เป็นเพื่อนสนิทกับเธออีกในวันนี้ นั่นก็เป็นหนึ่งในความฝันและความสุขสุดโต่งของเราแล้ว
แด่เพื่อน ความผูกพันแสนนาน และไอ้อู๊ดยุดยา