สวัสดีค่ะ อยากถามว่า มีวิธีไหนทำให้คนป่วย เค้ามีกำลังใจดีๆมั้ยคะ
คือว่าพ่อเราพึ่งไปตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งปอดค่ะ เราไม่รู้ว่าระยะไหนแน่เพราะ ไม่ได้เข้ารับการรักษาค่ะ ที่บ้านเราเลือกที่จะรักษาแบบทางเลือกอ่ะค่ะ แต่ตอนที่รู้ว่าเป็นเนี่ย หมอบอกว่า มีชิ้นเนื้อที่ปอดขนาด 2.8 ซ.ม. แล้วก็น่าจะลามไปที่กระดูแล้ว ถ้าจะรักษาต้องทำเคมีบำบัด ที่บ้านเราเลยคิดว่าพ่อคงไม่ไหว เพราะแกผอมมาก อาการของแกคือไอตลอดเวลาไม่มีเสมหะไม่มีเลือด แกบอกว่าปวดหลังด้วย แต่ตอนที่ตรวจเจอใหม่ๆแกก็ร่างกายโอเคเลยนะ ใช้ชีวิตได้ปกติไม่เหนื่อยไม่เพลีย กินข้าวได้ปกติ แต่ระบบย่อยไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้ แกผ่าตัดถุงน้ำดี เพราะเป็นนิ่วค่ะ กินข้าวเยอะไม่ได้แกจะอืดท้อง เลยทำให้น้ำหนักไม่ขึ้น มีแต่ลดลง แล้วช่วงนี้คือแกต้องกินแต่ผักไม่กินเนื้อสัตว์เลย ทำให้ยิ่งผอม
เราไม่อยู่บ้านประมาณ 2-3 อาทิตย์กลับมาพ่อเราดูผอมแห้งมากเลยในสายตาเราคือมันดูแย่ลง เราก็ตกใจว่าทำไมถึงแย่ลงขนาดนี้ เพราะตอนกลับมาจาก รพ. เราก็ได้คุยกับพ่อนะ ว่าพ่อโอเคมั้ยเครียดรึป่าวไม่ต้องเครียดนะ ค่อยๆรักษาไป แกก็บอกว่า ไม่เครียด ยังโอเคดี แกก็ดูไม่ตกใจไม่จิตตกนะ แต่เราก็แอบห่วง แต่คือแกเป็นทหารมาไง เราก็คิดว่าเห้ยแกคงเข้มแข็งแหล่ะ ไปรบก็ยังผ่านมาได้
แต่เราคงคิดผิด
พอเรากลับมาอยู่บ้าน เราสังเกตว่าแม่เราโอ๋พ่อมากเลย คือแกโอ๋มากเกินจนเราคิดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้พ่อเราหงอยลงไปรึป่าว แม่เราแกเคยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2 แต่รักษาหายไปแล้ว แต่แกก็เจ็บออดๆแอดๆเป็นแบบนี้มาตลอด คือมันน่าจะเป็นผลค้างเคียงจากการรักษาเมื่อครั้งนั้น แม่เราเลยโอ๋พ่อมาก คือเราเข้าใจแม่นะคือแกคงไม่อยากให้พ่อเป็นอะไรไป แกอยากดูแลแหล่ะ แต่เราว่าแกทำมากเกินไปอ่ะ คือพ่อเราเอาแต่นอน คือแปบๆ ก็ไปนอนเราเลยถามว่าพ่อม่ไข้รึป่าว ทำไมเอาแต่นอน พ่อก็ไม่มีไข้นะ แล้วพ่อก็บอกว่า มันเหนื่อยเลยนอน ซึ่งเวลานอนของแกคือเกือบทั้งวันจริงๆนะ สายๆกลังกินข้าวเสร็จแกก็นอน บ่ายๆก็นอนอีก เย็นๆก็นอนอีก เราแอบคิดว่าที่แกบอกว่าเหนื่อยนี่เพราะแกเอาแต่นอนรึป่าว เราก็บอกพ่อว่า พ่อนั่งๆเดินๆบ้างเถอะ ผอมแห้งแบบนี้เด่วก็ลุกไม่ได้หรอกเอาแต่นอนอ่ะ
แกก็ฟังนะแต่ก็ไม่ได้ทำ คือแกเอาแต่นอนแล้วก็ให้แม่เราทำทุกอย่างให้ เรียกง่ายๆคือแทบไม่ช่วยตัวเองเลย แก้วน้ำวางอยู่ข้างๆยังเรียกแม่เรามาหยิบให้ซึ่งแม่เราไม่ได้อยู่แถวนั้นนะ
คือเราเห็นแล้วรู้สึกว่าพ่อทำตัวหงอยมากเลย ไม่ทำอะไรเองเลยแม่เราก็ใช่ว่าจะสุขภาพดี คือเราอ่ะพยายามให้พ่อทำอะไรเอง แต่แม่เราอ่ะทำนู้นนี่ให้พ่อตลอด
เราว่าพ่อเราแกคงท้อแท้ เพราะบ่นตลอดว่าเดี๋ยวพ่อก็คงจะตายละ บลาๆๆ เราว่าแกดูไม่มีกำลังใจเลยอ่ะ โรคแกยิ่งจะลุกลามง่าย ยิ่งแกท้อ เราอยากให้พ่อเข้มแข็งจากตัวแกเอง
เราคิดว่าต่อให้เรากับแม่ให้กำลังใจแค่ไหนถ้าใจแกท้อแท้มันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
เหมือนกันคนที่เดินไม่ได้ ถ้าจะหวังแต่ให้พยาบาลมาทำกายภาพบำบัดให้ก็คงไม่มีวันเดินได้ ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นมาสู้เองไม่เดินเอง
ใครมีวิธีดีๆมาบอกเราบ้างมั้ยคะ
หรือที่เราคิดมันผิดเราควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป และทำตามแม่เรา
ปล.เราไม่อยากให้พ่อเราทำตัวแบบนี้ คือถ้ายังใช้ชีวิตได้ปกติก็ไม่อยากให้นอนมากๆ เพราะซักวันถ้าแกลุกไม่ได้จริงๆก็คงต้องนอนอยู่แล้ว เราอยากให้แกใช้ช่วงเวลาตอนนี้ให้คุ้ม ลุกมาทำชีวิตปกติ ดีกว่าเอาแต่นอน
พูดแล้วก็เหนื่อยนะพูดอะไรกับแกมากไม่ได้ เดี๋ยวน้อยใจหาว่าไม่อยากดูแลอีก คนป่วยยิ่งขี้น้อยใจ เฮ้อออ
อยากรู้วิธีสร้างกำลังใจให้คนป่วย และการดูแล
คือว่าพ่อเราพึ่งไปตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งปอดค่ะ เราไม่รู้ว่าระยะไหนแน่เพราะ ไม่ได้เข้ารับการรักษาค่ะ ที่บ้านเราเลือกที่จะรักษาแบบทางเลือกอ่ะค่ะ แต่ตอนที่รู้ว่าเป็นเนี่ย หมอบอกว่า มีชิ้นเนื้อที่ปอดขนาด 2.8 ซ.ม. แล้วก็น่าจะลามไปที่กระดูแล้ว ถ้าจะรักษาต้องทำเคมีบำบัด ที่บ้านเราเลยคิดว่าพ่อคงไม่ไหว เพราะแกผอมมาก อาการของแกคือไอตลอดเวลาไม่มีเสมหะไม่มีเลือด แกบอกว่าปวดหลังด้วย แต่ตอนที่ตรวจเจอใหม่ๆแกก็ร่างกายโอเคเลยนะ ใช้ชีวิตได้ปกติไม่เหนื่อยไม่เพลีย กินข้าวได้ปกติ แต่ระบบย่อยไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้ แกผ่าตัดถุงน้ำดี เพราะเป็นนิ่วค่ะ กินข้าวเยอะไม่ได้แกจะอืดท้อง เลยทำให้น้ำหนักไม่ขึ้น มีแต่ลดลง แล้วช่วงนี้คือแกต้องกินแต่ผักไม่กินเนื้อสัตว์เลย ทำให้ยิ่งผอม
เราไม่อยู่บ้านประมาณ 2-3 อาทิตย์กลับมาพ่อเราดูผอมแห้งมากเลยในสายตาเราคือมันดูแย่ลง เราก็ตกใจว่าทำไมถึงแย่ลงขนาดนี้ เพราะตอนกลับมาจาก รพ. เราก็ได้คุยกับพ่อนะ ว่าพ่อโอเคมั้ยเครียดรึป่าวไม่ต้องเครียดนะ ค่อยๆรักษาไป แกก็บอกว่า ไม่เครียด ยังโอเคดี แกก็ดูไม่ตกใจไม่จิตตกนะ แต่เราก็แอบห่วง แต่คือแกเป็นทหารมาไง เราก็คิดว่าเห้ยแกคงเข้มแข็งแหล่ะ ไปรบก็ยังผ่านมาได้
แต่เราคงคิดผิด
พอเรากลับมาอยู่บ้าน เราสังเกตว่าแม่เราโอ๋พ่อมากเลย คือแกโอ๋มากเกินจนเราคิดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้พ่อเราหงอยลงไปรึป่าว แม่เราแกเคยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2 แต่รักษาหายไปแล้ว แต่แกก็เจ็บออดๆแอดๆเป็นแบบนี้มาตลอด คือมันน่าจะเป็นผลค้างเคียงจากการรักษาเมื่อครั้งนั้น แม่เราเลยโอ๋พ่อมาก คือเราเข้าใจแม่นะคือแกคงไม่อยากให้พ่อเป็นอะไรไป แกอยากดูแลแหล่ะ แต่เราว่าแกทำมากเกินไปอ่ะ คือพ่อเราเอาแต่นอน คือแปบๆ ก็ไปนอนเราเลยถามว่าพ่อม่ไข้รึป่าว ทำไมเอาแต่นอน พ่อก็ไม่มีไข้นะ แล้วพ่อก็บอกว่า มันเหนื่อยเลยนอน ซึ่งเวลานอนของแกคือเกือบทั้งวันจริงๆนะ สายๆกลังกินข้าวเสร็จแกก็นอน บ่ายๆก็นอนอีก เย็นๆก็นอนอีก เราแอบคิดว่าที่แกบอกว่าเหนื่อยนี่เพราะแกเอาแต่นอนรึป่าว เราก็บอกพ่อว่า พ่อนั่งๆเดินๆบ้างเถอะ ผอมแห้งแบบนี้เด่วก็ลุกไม่ได้หรอกเอาแต่นอนอ่ะ
แกก็ฟังนะแต่ก็ไม่ได้ทำ คือแกเอาแต่นอนแล้วก็ให้แม่เราทำทุกอย่างให้ เรียกง่ายๆคือแทบไม่ช่วยตัวเองเลย แก้วน้ำวางอยู่ข้างๆยังเรียกแม่เรามาหยิบให้ซึ่งแม่เราไม่ได้อยู่แถวนั้นนะ
คือเราเห็นแล้วรู้สึกว่าพ่อทำตัวหงอยมากเลย ไม่ทำอะไรเองเลยแม่เราก็ใช่ว่าจะสุขภาพดี คือเราอ่ะพยายามให้พ่อทำอะไรเอง แต่แม่เราอ่ะทำนู้นนี่ให้พ่อตลอด
เราว่าพ่อเราแกคงท้อแท้ เพราะบ่นตลอดว่าเดี๋ยวพ่อก็คงจะตายละ บลาๆๆ เราว่าแกดูไม่มีกำลังใจเลยอ่ะ โรคแกยิ่งจะลุกลามง่าย ยิ่งแกท้อ เราอยากให้พ่อเข้มแข็งจากตัวแกเอง
เราคิดว่าต่อให้เรากับแม่ให้กำลังใจแค่ไหนถ้าใจแกท้อแท้มันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
เหมือนกันคนที่เดินไม่ได้ ถ้าจะหวังแต่ให้พยาบาลมาทำกายภาพบำบัดให้ก็คงไม่มีวันเดินได้ ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นมาสู้เองไม่เดินเอง
ใครมีวิธีดีๆมาบอกเราบ้างมั้ยคะ
หรือที่เราคิดมันผิดเราควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป และทำตามแม่เรา
ปล.เราไม่อยากให้พ่อเราทำตัวแบบนี้ คือถ้ายังใช้ชีวิตได้ปกติก็ไม่อยากให้นอนมากๆ เพราะซักวันถ้าแกลุกไม่ได้จริงๆก็คงต้องนอนอยู่แล้ว เราอยากให้แกใช้ช่วงเวลาตอนนี้ให้คุ้ม ลุกมาทำชีวิตปกติ ดีกว่าเอาแต่นอน
พูดแล้วก็เหนื่อยนะพูดอะไรกับแกมากไม่ได้ เดี๋ยวน้อยใจหาว่าไม่อยากดูแลอีก คนป่วยยิ่งขี้น้อยใจ เฮ้อออ