จะเรียกว่าแอบชอบ หรือ ชอบแบบแอบๆ

คุณเคยแอบรักใครไหม ???

ขึ้นชื่อว่าแอบก็แสดงว่าเขาไม่รู้ถูกไหมคะ แล้วถ้าเราไม่อยากบอกละ.... เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนเราอยู่ม.3ต้นเทอมที่โรงเรียนเราจะมีเรียนพิเศษตอนเย็น เด็กในโรงเรียนจะเรียกว่าคาบแปด (ใครจะเรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้) วันนั้นเราโดดเรียนคาบแปดไปนั่งเล่นกับเพื่อนที่โรงอาหาร เราก็ไปซื้อของกินมากินกับเพื่อนแล้วก็นั่งเม้ากันตามประสาผู้หญิง พอใกล้จะหมดคาบเราก็เตรียมตัวเก็บกระขยะแล้วก็โทรหาพ่อให้พ่อมารับกลับบ้านแต่บังเอิญว่าวันนั้นโทรศัพท์ไม่มีตังและเพื่อนเราก็ไม่มีเหมือนกันนางเลยพาไปหาน้องโต๊ะข้างๆที่นั่งอยู่กับแฟนแล้วขอยืมโทรศัพให้ ด้วยความหน้าด้านเราก็โทร 5555 พอเราคืนโทรศัพท์เราก็เห็นหน้าแฟนนางที่นั่งหันหลังให้เราอยู่ จังหวะนั้นแหละ เหมือนทุกอย่างหยุดหมุนเลย (เวอร์)   หลังจากนั้นเราก็ถามเพื่อนเราว่าแฟนน้องคนนั้นเป็นใคร อยู่ชั้นไหนห้องอะไร เราก็รู้มาว่า เขาอยู่ ม.3/4   เราก็หาวิธีได้อยู่ใกล้ๆเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนเราก็ไม่ได้แย่ง หรือทำตัวประเจิดประเจ้อ เราแค่แอบโดดเรียนคาบแปดบ่อยขึ้นเพื่อแอบไปนั่งมองเขาสอนการบ้านแฟน เราแค่คิดว่าที่เราทำแค่นี้เราก็มีความสุขมากพอแล้ว เราไม่อยากบอกรักหรือไม่อยากแย่งคนรักของใคร คิดว่าเรายังเด็กไม่ได้ชอบอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกมั้ง

ตอนม.4  ไม่คิดว่าเค้าจะอยู่โรงเรียนเดิมเก่งๆแบบนี้เรานึกว่าจะไปอยู่ที่อื่น เราได้อยู่ห้อง 3 เขาอยู่ห้อง 1 เราเจอเขามากขึ้นเพราะม.ปลายโรงเรียนเรามีคนน้อย เราได้ข่าวมาว่าเขาเลิกกับแฟนเขาแล้วเราก็ดีใจมากเลยแต่ก็ใช่ว่าจะกล้าบอกว่ารู้สึกยังไงออกไป แต่เราก็ได้ลองทักลองคุยกับเขาดูบ้างที่โรงเรียนด้วยความที่เราเป็นคนขี้เล่นก็เล่นกับทุกคนไม่ว่าผู้หญิงหรือ ผู้ชาย เลยทำให้เรากับเขาสนิทกันมากขึ้น  พอม.5 วันประกาศผลสอบเราตกหลายวิชามากเลย เราเลยแอ๊บๆ ทักเฟสเขาไปถามเรื่องเรียน เราขอให้เขาช่วยติวคณิตศาสตร์ให้ เขาสัญญาว่าจะสอนให้ ตอนนั้นเรียกได้ว่าหัวใจพองโตเลยทีเดียวหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ทักไปรอใกล้สอบค่อยทักไป  ช่วงวันวิชาการที่โรงเรียนเขาลงประกวดวงดนตรี เขาเล่นกีร์ต้า เราก็ไปดูทุกครั้งที่เขาแข่งแล้วก็แอบถ่ายรูป มาเยอะแยะเลย 5555555 หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงสอบ เพื่อนเราก็มาบอกว่า  เขามีแฟนแล้วนะเพิ่งคบกัน อยู่ห้องเดียวกันนั่นแหละ ตอนนั้งที่เรารู้นะหน้าชาตัวชาเลยแหละ แต่ต้องทำเหมือนว่าไม่เป็นไร จากนั้นมาเราก็ไม่ได้ติดต่อเขา เวลาเจอกันที่โรงเรียนเราก็ไม่ได้ทักเขาเหมือนเมื่อก่อน มันนอยมากๆๆๆๆๆความคิดของเราตอนนั้น คือ "กูคอยเฝ้ามองมาตั้งแต่ม.3 ทำไมไม่สนใจกูบ้างวะ" แต่เราก็ต้องทำตัวปรกติ แต่ไม่คุยไม่ทัก ทำเป็นไม่มองหน้าเขา  แต่ก็ยังคอยไปตามเชียร์เวลาเขาประกวดวงดนตรี

ม.6 คือปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็นเขาแล้ว วันนั้นคือวันก่อนวิชาการเขาต้องซ้อมดนตรีกับเพื่อนในวงเพื่อนในห้องเรามันนักร้องวงที่เขาเล่นเราก็เลยไปนั่งดูพวกมันซ้อม ซ้อมได้สักพักเพื่อนเราก็แซวเราว่า "เช็ดน้ำลายหน่อยเยิ้มเลยน่ะ" เราก็เขินๆทำตัวไม่ถูก    ถึงวันจริงระหว่างที่รอแข่งเขาก็นั่งเล่นกีต้ากับเพื่อนๆในซุ้ม ร้องเพลงกันสนุกสนานเราก็นั่งกับกลุ่มเพื่อนๆเราในซุ้มนั้นเหมือนกัน เพลงแรกจบลงทุกคนก็หัวเราะกัน พอเขาโซโลกีตาร์เพลงที่2 ขึ้นมาตัวเรานี่บิดเลยทั้งๆที่ไม่ได้ร้องให้เราซักหน่อย  เข้าร้องเพลงเองเล่นกีต้าร์เอง

"เธอเข้ามากระชากหัวใจตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน" (โห้!! สัสเพิ่งรู้หรอกระชากหัวใจก็มาตั้งแต่4ปีที่แล้วและ ) นี่คือความคิดของเราตอนนั้น 5555  

หลังจากวันนั้น เราต่างคนก็ยุ่งกับการสอบ

วันปัจฉิม เราให้รูปคล้องคอเขาเองกับมือ เขียนว่า "อย่าลืมกันนะ ยินดีที่ได้รู้จักคะ เลิ๊ฟยู้วววว~ "  คำว่าเลิ๊ฟยูนี่แหละที่เราเก็บไว้มานานตลอด4ปี ไม่เคยบอกเขาไปเลย แต่วันนั้เราตัดสินใจเขียนไป ในสายตาเขามันอาจจะไม่มีความหมายก็ได้แต่สำหรับเรา มันคือความกล้าทั้งหมดของ4ปีที่ผ่านมา มันอาจจะดูน้ำเน่านะ  ใครจะไปรู้ถ้าเราตัดสินใจบอกเขาตั้งแต่แรกเราจะได้เป็นแฟนกันไปแล้วก็ได้ หรือไม่เราก็มองหน้ากันไม่ติด แต่ทางที่ดีเราขอแค่แอบอยู่ตรงนี้จะดีกว่า เรามีความสุขเวลาที่เราได้แอบมองเขา มากกว่าคุยกับเขาซะอีกมั้ง
เพราะว่าเวลาที่เราคุยกับเขาเราไม่เป็นตัวเอง กลัวเขารู้ แต่เวลาที่เราแอบมองนอกจากเพื่อนแล้วก็ไม่มีใครหรอกที่รู้ว่าเรารู้สึกยังไง  ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็จะทำแบบนี้แหละ

แก.... ถ้าเข้ามาอ่านเค้าอยากจะบอกแกว่าแกคือความสุขในช่วงมัธยมของเค้านะ สัญญาที่แกเคยให้ไว้เค้ายังจำได้ถึงตอนนี้นะ หวังว่าสักวันเราจะโคจรมาเจอกันอีก แล้วแกจะได้สอนคณิตเค้าอย่างที่สัญญาไว้  อย่าลืมกันนะ  ยินดีที่ได้รู้จักคะ เลิฟยู้ววววว~  ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่