ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เคยมีนิยามเรื่องความรัก
รักครั้งแรกของผมคือเธอคนแรกคนเดียวจนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบเธอ เธอนั้นนำความรักที่น่าแปลกใจมาให้ผมโดยเหมือนผมเป็นของเล่นให้เธอระบายความเศร้าความโกรธจากคนเก่าของเขา
หลังจากที่เรารู้จักกันมาได้3เดือนเราตกลงเป็นแฟนกัน ตอนนั้นผมอายุ16ปี เธอ อายุ15ปี แต่ผมมองว่าความรักในตอนนั้นมันเป็นเหมือนเด็กกำลังโต ที่ยังไม่มีแนวคิดหรือความคิดมากสักเท่าไหร่ เรามีปัญหากันตั้งแต่วันที่2วันที่3ที่เราคบกัน ผมจำได้ดีในวันแรกที่ผมซื้อตุ๊กตาให้ในวันวาเลนไทน์ ปี2546 เธอทิ้งตุ๊กตาผมไว้ที่นั่งของสวนสาธารณะพร้อมกับทำให้ผมงวยงง แล้วเธอก็วิ่งหนีผมไปผมก็ตามเธอไปเรื่อยๆ จนเธอมีพี่มารับกลับแล้วผมก็ได้แต่ตั้งคำถามว่าเพราะอะไร
ผมเดาว่าตอนนั้นเธอยังคงลืมรุ่นพี่ที่เธอเคยแอบรักอยู่ไม่ได้ หลังจากนั้นผมก็ได้เอาตุ๊กตาไปฝากให้พี่สาวของเธอและได้บอกว่าถ้าไม่อยากได้ก็ทิ้งมันไปซะ
เรื่องราวดำเนินมาเรื่อยๆ เรื่องความรักสมัยนั้นผมไม่มีนิยามว่ามันคืออะไรแล้วผมก็อยากรู้ว่าในแต่ละคนมีคำนิยามเหมือนกันไหม ส่วนผมนั้นถวายหัวเลยทีเดียวผมเป็นนักกีฬาของ รร.ที่มีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดและเป็นตัวแทนระดับประเทศที่ได้แข่งขันในหลายๆรายการ ความรักของเรานั้นมักจะมีอุปสรรคหรือเรื่องต่างๆให้ผ่าออกไปตลอดเวลา วันที่เธอเจ็บป่วยเป็นไข้อะไรผมก็ตามดูแลเธอไม่ห่างแม้ตอนนั้นผมจะมีเรียน ผมเคยโดดเรียนบางวันในช่วงวันที่เธอป่วยเพื่อไปหาเธอดูแลเธอ ทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมผมทำได้มากขนาดนั้น จวนครบรอบ1ปีหลังจากที่ความรักของผมมันรู้สึกแปลกๆและเธอเป็นคนเอาแต่ใจทุกเรื่องผมเปรียบเสมือนทาสของเธอในเวลานั้น แต่ผมเต็มใจนะครับ และในช่วงนั้นผมก็มีรุ่นพี่มากมายหลายคนที่ชอบผมและแอบชอบไม่ว่าจะเก้งจะกวางหรือจะชะนี ได้วนเวียนเข้ามาสร้างปัญหาให้ผมตลอดจนมีพี่ของเพื่อนในห้องเรียนผมเขามาจีบผม สมัยนั้นผมไม่รู้ว่าเขาแค่คิดเก็บแต้มอะไรหรือยังไงด้วยความที่ยังเด็กเห็นคนนู้นมีกิ๊กมีกั๊กบ้าง ผมก็อยากทำบ้างแต่บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยเมื่อทำไปแล้วความรู้สึกที่ยากจะเอาคืนกลับมามันทำได้ยากมากๆ ขอบอกว่าผมไม่ได้มีอะไรกับพี่คนนั้นเลยเพราะผมยังเด็กและพี่เขาอายุห่างผมถึง8ปี ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไปกินข้าวและเดินเล่นห้างเป็นครั้งคราวจน ทำให้แฟนผมจับได้และขอเลิก ในวันนั้นเองที่ผมพึ่งรู้ว่าผมจะเสียคนรักไปผมรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมากและผมไม่เคยคิดว่าผมจะร้องไห้เป็นครั้งแรกที่ผมเคยลองไห้ ผมถึงกับอึ้งในตัวผมเองเราทั้งคู่กอดกันปรับความเข้าใจและเธอยื่นโอกาสให้ผมปรับตัวใหม่ (แต่ต้องขอบอกเลยว่าเหมือนจะต้องนับ1ใหม่อีกครั้งซึ่งการจะเอาความรู้สึกเก่าๆคืนกลับมามันยากเกินไป) หลังจากผมจบ ม.6ในปี2549 ผมก็เลือกที่จะแอดมิชชั่นเพื่อเข้ามาเรียนต่างจังหวัดในแถบชลบุรี อันนี้ผมขอไม่เอยชื่อมหาลัยนะครับ ซึ่งเป็นอันทำให้เธอกับผมต้องแยกทางจากกันอีกครั้งและเธอก็ไม่เคยไว้เนื้อเชื่อใจผมเลยแม้แต่น้อยกับเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยสนใจว่าผมจะพยายามปรับตัวเพื่อเธอแค่ไหนเธอสนแต่ว่าผมเคยทำอะไรเอาไว้กับเธอแค่ข้อเดียว อาจจะมองว่ามันสมควรหรือไม่สมควรที่ผมจะถูกทำแบบนี้แต่ผมก็ไม่โกรธอะไรจนเธอมาบอกเลิกผมตอนเรียนได้ไม่ถึงครึ่งเทอมในช่วง มหาลัยปี1ผมรู้สึกเขว้งคว้างสับสนและผมก้ได้ลองคุยกับเพื่อนในคนละกลุ่มเรียน และถูกคอแต่ตอนนั้นไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกันแค่คุยกันไปกินข้าวบ้างไปเดินห้างเป็นกลุ่มๆบ้างได้ไม่ถึง2สัปดาห์เธอ ตามมาราวีผมแล้วบอกผมนิสัยไม่เคยเปลี่ยนสร้างแต่เรื่องเดิมๆซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม และผมก็ต้องเป็นฝ่ายผิดตลอดเวลาและแล้วมันก็มีแต่ปัญหาผมจึงกลับไปคบกับเธอเพราะเธอพูดกับคนที่ผมคุยด้วยไปไหนมาด้วยคำแรงๆหนักแน่นและเสียดสีเพื่อนผมคนนั้นมาก ผมจึงหยุดไปต่อและกลับมาคบกับเธอส่วนตอนนั้น เธอกำลังใกล้ช่วงแอดมิชชั่นเธอจึงเลือกที่เรียนเพื่อให้ใกล้ผมมากที่สุด โดยอยู่นอกเขตตัว กทม.แถวๆบางพลี หลังจากนั้นเราก็ไปมาหากันเรื่อยๆบ้างตามประสาคนเป็นแฟนกัน ต้องขอบอกเลยว่าในช่วงที่คบกันเข้าปีที่3-4 เป็นปีที่แย่ที่สุดของผมยังไม่พอยังมีมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ด้วยความหึงหวง และเธอเป็นคนเอาแต่ใจไม่สนเหตุผลของผมเเลยไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเธอเอาแต่โทษตัวผมที่ทำให้เค้าเจ็บฝังใจมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะพูดอะไรผมก็ผิดทำอะไรก็ผิดไปไหนก็ไม่ได้มีเพื่อนก็ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเธองี่เง่าหรือผมเองที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ชีวิตผมไม่มีความสุขเลย และทุกๆครั้งเวลาผมเจ็บช้ำน้ำใจจากเธอผมมักจะทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดแขนบ้างต่อยกำแพงบ้าง กระจกบ้าง คืออะไรก็ได้ขอแค่เลือดออกเยอะๆเจ็บๆผมก็หยุดทันที
เหมือนพวกวิปริตยังไงยังงั้นเนอะ หลังจากนั้นผมก็มีปัญหามาเรื่อยๆไม่ว่าจะทำอะไรไปไหนมีเพื่อนอะไรยังไงเธอขีดชีวิตผมไว้ตลอด ซึ่งผมมองว่าแล้วตัวผมล่ะควรอยู่ตรงไหนทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเท่ามด เธอสามารถทำให้ชีวิตผมพังได้ผมเป็นงี้มาเรื่อยๆผมได้แต่อดทนอดกลั้นขอให้วันมันผ่านไปเร็วๆให้เธอกลับไปเป็นคนเดิมคนที่เคยเชื่อใจไว้ใจกันเหมือนเดิม คนที่ทำให้ผมมีความสุขโดยไม่ใช้คำว่าอดทนตัวผมเองอดทนมากับเธอตลอดในหลายๆเรื่องที่เธอต้องการหรืออะไรก็ตามที่เธอลิขิต ผมต้องเจ็บช้ำน้ำใจตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกครั้งหลายครั้งผมเคยอยากตายอยากหายไปได้ยิ่งดีและเวลาอยู่ด้วยกันห้องของเราพังเละเทะไม่เป็นท่าเลยในทุกๆครั้ง แม้กระทั่งเธอมาอยู่บ้านผมเธอยังอาละวาดไม่เลือก เธอได้แต่บอกเหตุผลเดิมๆว่าเป็นเพราะผมที่ทำกับครั้งนั้นเค้าไม่เคยเชื่อใจไม่เคยไว้ใจไม่อะไรในตัวผมเลยสักอย่าง แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะไปจากเธอเลยเพราะผมปล่อยเธอไปไม่ได้ ทุกๆครั้งที่ทะเลาะกันผมไม่กล้าเอ่ยคำว่า ขอเลิก หรือเลิกกันเถอะ ออกมาจากปากเลยสักครั้ง ตลอดเวลา9ปีที่ผ่านมา เธอเองตลอดที่เป็นคนทำและเรื่องราวของเราก็ไม่เคยลงเอยเลยจนเมื่อถึงปีที่10 ที่ทุกคู่จะบอกว่าส่วนใหญ่คบกันถึง10ปีก็เลิกกัน ผมยอมรับว่าในช่วงปลายปีที่1-ปลายปีที่2ที่เราคบกัน ผมนอกใจเธอ แต่หลังจากที่เธอให้โอกาสผมพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น กลับกันผมไม่แน่ใจว่าผมเจ้าชู้ไหม แต่ผมแค่คุยแค่กินข้าวเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งคราวและไม่คิดที่จะมีอะไรกับใครและผมก็ไม่คิดว่าเธอจะไม่เคยเปลี่ยนทัศนคติเลยในปีทุกๆปีที่ผ่านมา หลังผมและเธอเรียนจบ เราลองอยู่ด้วยกันที่บ้านผม เราไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่างเลยเธอทำกับข้าวก็ไม่เป็นงานบ้านก็ไม่เคยจับ ทุกวันเธอหิวเมื่อไหร่เธอก็จะบังคับให้ผมตื่นไปทำกับข้าวให้กินประจำซึ่งผมก็ต้องทำเป็นแบบนี้ตลอดมา และผมก็ไม่เกี่ยงที่จะทำให้เธอ เพราะผมรักเธอมากๆ ความรักผมหลังจากเข้ามาสู่ปีที่10 ผมเริ่มมองแล้วว่าชีวิตผมจะไปรอดจริงหรือผมเจ็บช้ำน้ำใจตลอด เถียงอะไรก็แพ้ทำอะไรก็ต้องยอมเธอตลอดจนผมเริ่มระเบิดออกมาเป็นระรอก ความโกรธของผมทำบ้านเละเทะข้าวของพังกระจายแต่ขอบอกเลยผมไม่กล้าทำร้ายเธอ ผมเคยเผลอหลุดมือบีบแขนเธอและผลักเธอแรงมากแต่เธอก็ใช่ย่อยจิกกัดตีทุกอย่าง แต่ผมก็รีบควบคุมอารมณ์โดยการเดินหนีเพื่อหยุดเพราะผมไม่ไหวจริงๆบ่อยๆครั้งผมต้องหนีไปนอนที่อื่นเป็น2-3วัน บางครั้งหายไปเป็นสัปดาห์เนื่องจากตอนนั้น แม่ของผมซื้อบ้านไว้ปล่อยเช่าหลายหลัง ผมจึงมีที่พักอาศัยได้นอนและได้ไตร่ตรองความคิดของผม ในช่วงกลางๆปีที่10ที่ผมทำงานขอไม่บอกว่าที่ไหนเป็นห้างใหญ่ ผมก็ยังเป็นที่เนื้อหอมในหมู่หรือในกลุ่มนั้นๆไม่รู้เพราะอะไร
และเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นผมได้เจอคนคนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ผมอายุมากกว่าผม3ปี ตอนนั้นผมอายุ25 และด้วยเรื่องมากมายหลากหลายทำให้ผมได้คุยกับพี่คนนี้และรู้สึกสนิทสนมแต่ก็ยังเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเธอเข้าใจผมทุกเรื่องผมปรึกษาปัญหาชีวิตกับเธอได้หมดทุกเรื่องเลยจริงๆ หลายๆเรื่องพี่เค้าเคยผ่านมาหมดแล้ว และให้คำแนะนำมสาระพัด จนช่วงปลายๆปีที่10ที่ผมกับแฟนผมเริ่มมีปัญหาหนักขึ้นกว่าเดิมอีกเรื่อยๆ จนเริ่มทำให้ผมหมดความอดทนและผมเองก็ตัดสินใจที่จะคุยกับพี่คนนั้น ตลอดเวลาที่เราคุยกันไม่ว่าจะอะไรยังไงก็ช่างแต่เธอก็เข้าใจผม เราคุยกันบ่อยเวลาทำงานเป็นยังงี้นานมากไปกินข้าวไปเที่ยวด้วยกันผมบอกเลยว่า แฮปปี้กว่าคนเก่ามากๆ แต่เธอเคยมีลูกแล้วผมจึงลังเลมาตลอดว่าถ้าคบกับพี่เค้าแล้วจะเป็นไงต่อผมรับได้นะแต่ผมยังมองว่ามันเร็วไปและ ตัวผมกับแฟนก็มีปัญหาที่คลุมเครือมาตลอดในปีที่ผ่านมา จนคบรอบ11ปีก่อนช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมานี้ผมคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้เราเลิกกันและไม่เจ็บทั้งคู่และยังเข้าใจกันยังเป็นเพื่อนกันได้ ตลอดเวลาที่ผมคบเธอ10ปี เธอไม่เคยดูแลไม่เคยเอาใจใส่ผมได้ถึง20%เท่าที่ผมทำให้เธอทั้งชีวิตเลย ผมตัดใจและผมเป็นห่วงเธอกลัวเธอเจ็บกลัวว่าเธอจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีผมและเธอจะมีชีวิตที่ดีไหม ผมเองที่เป็นคนคิดผิดมาตลอดว่าเธอเองก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไม่ให้ผมยอมเลิกกับเธอ แต่ที่ผ่านมาเป็นการเล่นละครของเธอเธอแสดงได้เก่งในวันสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เธอรู้ว่าผมคบพี่คนนี้ เธอจึงแค้นมากที่ผมโกหกเธอว่าผมไม่มีใครและผมเองก็เคยบอกเธอแล้วหลายครั้งว่าอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งๆที่ไม่ใช่ตัวเองเพื่อให้ผมกลับมารักเธอเลย ยิ่งรั้นไปเท่าไหร่ก็ยิ่งแย่ลงเมื่อเธอรู้ความจริงซึ่งผมอยากให้มันจบด้วยดีมากกว่านี้ แต่มันกลับกลายเป็นฉากจบที่แย่มากๆเมื่อเธอรู้ว่าผมอยู่กับพี่คนนั้น และเธอก็บรรเลงห้องผมให้เป็นดั่งศิลปินองค์ลงโดยใช้ปากกาสีเมจิกเขียนตัวหนังสือทั่วห้องด่าผมว่าผมสาระพัดขอไม่พูดนะครับ และพังห้องผมเละไม่มีชิ้นดีผมกลับมาห้องรู้สึกตกใจมากๆ ผมเองก็คิดว่าผมฝันไปแต่มันคือความจริงที่เราต้องอยู่ต้องเจอ และแล้วเราก็จบกันแบบอาฆาตแค่เฉพาะเธอแต่ผมกลับรู้สึกเสียใจที่ผมทำให้เธอแสดงอารมณ์ด้านนี้ออกมา ที่ผ่านมาผมเพียงแค่ขอให้เธอทำดีกับผมบ้าง เพียงแค่ทดลองในระยะเวลาแค่3เดือน แต่ผมไม่เคยโกรธเธอเลยเพราะว่าผมเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้ผมเกลียดเธอไม่ลงแม้ว่าตุ๊กตาที่ผมเคยซื้อให้เธอเป็นของขวัญชิ้นแรกจะถูกเธอเอามีดเสียบปักเอาไว้ให้ผมเห็นว่าเธอเอาจริง และอาฆาตผมจริงๆ เรื่องนี้มันยากเกินจะลงเอย จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เคยลืมเธอแม้ตอนตื่นหรือตอนนอนจนถึงตอนนี้ที่ผมเลิกกับเธอไปก็4เดือนกว่าๆแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมเธอได้สักวันยังต้องข่มใจข่มตาหลับเพื่อให้ลืมวันเก่าๆให้ได้ ถึงบางครั้งจะมีน้ำตาซึมบางที่ฟังเพลงเดิมๆไปที่เดิมๆทำอะไรเดิมๆ ที่เหมือนกับตอนที่อยู่กับเธอ เหมือนกับวัฏจักรหนึ่งที่จะต้องวนเวียนแบบนี้ไปตลอด ทุกๆครั้งที่เคยเป็นวันสำคัญผมยังส่งข้อความหาเธออวรพรต่างๆ แม้เธอจะกีดกันผมและบล็อคเบอร์ผมทุกๆอย่าง ทุกๆวันนี้ผมได้แต่ภาวนาและวิงวอนให้เธอมีความสุข และมีสุขภาพแข็งแรง ถึงแม้ว่าเธอจะลืมผมได้แค่ภายใน7วัน แต่ผมจำเธอจนวันตาย ตอนนี้ผมมีแพลนที่จะเรียนต่อเมืองนอก(germany,australia)และกำลังเดินเรื่องวีซ่าควบคู่กันไปในขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่
ผมอยากรู้ว่าใครมีวิธีแก้ปัญหาอะไรอย่างไรบ้าง ผมยังลืมเธอไม่ได้จริงๆเพราะผมเป็นห่วงเธอตลอดเวลาแต่ว่าผมรักพี่คนนั้นไปแล้วและผมคิดอยากจะเริ่มต้นใหม่แต่ผมดันไม่เคยลืมคนเก่า จนบางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกว่าพี่คนนั้นเป็นคนเก่าของผม สิ่งที่ผมคิดตอนนี้คือ
1.ทำตามแพลนที่จะไปเรียนต่อในสิ้นปี2558
2.หนีจากชีวิตเดิมๆไปให้ไกลๆไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา (ทุกวันนี้ผมยกเลิกFB,Lineและsocial mediaต่างๆ)เพื่อจะได้ไม่มีใครรู้จักผม
3.บอกความจริงกับคนใหม่และขอโทษคนใหม่แล้วออกจากชีวิตเค้า เพื่อไม่ให้ชีวิตเค้าพังเพราะผม
4.กลับไปตามหาคนเก่าที่ผมไม่เคยลืมและขอให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม
5.จบชีวิตอันแสนน่าเบื่อนี้ลงซะ (ครอบครัวผมเหลือแค่พี่ชายคนเดียวเท่านั้น)
6.บวชสักพรรษาเผื่ออะไรจะดีขึ้น
7.หยุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและเริ่มในที่เดิมกับคนใหม่
8.ควรจะหยุดอยู่กับตัวเองสักพัก(2-3ปี)และเลิกกับคนใหม่นั้นและหยุดคิดถึงเธอคนเก่านี้ด้วย
ความรู้สึกแบบนี้ที่ผมทำหรือสิ่งที่คิดมันผิดหรือเปล่า ช่วยออกความเห็นให้ผมด้วยแต่ขอร้องงดแชร์นะครับ
ผมเลวมากใช่มั้ย ผมควรจะหาทางออกยังไง
รักครั้งแรกของผมคือเธอคนแรกคนเดียวจนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบเธอ เธอนั้นนำความรักที่น่าแปลกใจมาให้ผมโดยเหมือนผมเป็นของเล่นให้เธอระบายความเศร้าความโกรธจากคนเก่าของเขา
หลังจากที่เรารู้จักกันมาได้3เดือนเราตกลงเป็นแฟนกัน ตอนนั้นผมอายุ16ปี เธอ อายุ15ปี แต่ผมมองว่าความรักในตอนนั้นมันเป็นเหมือนเด็กกำลังโต ที่ยังไม่มีแนวคิดหรือความคิดมากสักเท่าไหร่ เรามีปัญหากันตั้งแต่วันที่2วันที่3ที่เราคบกัน ผมจำได้ดีในวันแรกที่ผมซื้อตุ๊กตาให้ในวันวาเลนไทน์ ปี2546 เธอทิ้งตุ๊กตาผมไว้ที่นั่งของสวนสาธารณะพร้อมกับทำให้ผมงวยงง แล้วเธอก็วิ่งหนีผมไปผมก็ตามเธอไปเรื่อยๆ จนเธอมีพี่มารับกลับแล้วผมก็ได้แต่ตั้งคำถามว่าเพราะอะไร
ผมเดาว่าตอนนั้นเธอยังคงลืมรุ่นพี่ที่เธอเคยแอบรักอยู่ไม่ได้ หลังจากนั้นผมก็ได้เอาตุ๊กตาไปฝากให้พี่สาวของเธอและได้บอกว่าถ้าไม่อยากได้ก็ทิ้งมันไปซะ
เรื่องราวดำเนินมาเรื่อยๆ เรื่องความรักสมัยนั้นผมไม่มีนิยามว่ามันคืออะไรแล้วผมก็อยากรู้ว่าในแต่ละคนมีคำนิยามเหมือนกันไหม ส่วนผมนั้นถวายหัวเลยทีเดียวผมเป็นนักกีฬาของ รร.ที่มีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดและเป็นตัวแทนระดับประเทศที่ได้แข่งขันในหลายๆรายการ ความรักของเรานั้นมักจะมีอุปสรรคหรือเรื่องต่างๆให้ผ่าออกไปตลอดเวลา วันที่เธอเจ็บป่วยเป็นไข้อะไรผมก็ตามดูแลเธอไม่ห่างแม้ตอนนั้นผมจะมีเรียน ผมเคยโดดเรียนบางวันในช่วงวันที่เธอป่วยเพื่อไปหาเธอดูแลเธอ ทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมผมทำได้มากขนาดนั้น จวนครบรอบ1ปีหลังจากที่ความรักของผมมันรู้สึกแปลกๆและเธอเป็นคนเอาแต่ใจทุกเรื่องผมเปรียบเสมือนทาสของเธอในเวลานั้น แต่ผมเต็มใจนะครับ และในช่วงนั้นผมก็มีรุ่นพี่มากมายหลายคนที่ชอบผมและแอบชอบไม่ว่าจะเก้งจะกวางหรือจะชะนี ได้วนเวียนเข้ามาสร้างปัญหาให้ผมตลอดจนมีพี่ของเพื่อนในห้องเรียนผมเขามาจีบผม สมัยนั้นผมไม่รู้ว่าเขาแค่คิดเก็บแต้มอะไรหรือยังไงด้วยความที่ยังเด็กเห็นคนนู้นมีกิ๊กมีกั๊กบ้าง ผมก็อยากทำบ้างแต่บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยเมื่อทำไปแล้วความรู้สึกที่ยากจะเอาคืนกลับมามันทำได้ยากมากๆ ขอบอกว่าผมไม่ได้มีอะไรกับพี่คนนั้นเลยเพราะผมยังเด็กและพี่เขาอายุห่างผมถึง8ปี ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไปกินข้าวและเดินเล่นห้างเป็นครั้งคราวจน ทำให้แฟนผมจับได้และขอเลิก ในวันนั้นเองที่ผมพึ่งรู้ว่าผมจะเสียคนรักไปผมรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมากและผมไม่เคยคิดว่าผมจะร้องไห้เป็นครั้งแรกที่ผมเคยลองไห้ ผมถึงกับอึ้งในตัวผมเองเราทั้งคู่กอดกันปรับความเข้าใจและเธอยื่นโอกาสให้ผมปรับตัวใหม่ (แต่ต้องขอบอกเลยว่าเหมือนจะต้องนับ1ใหม่อีกครั้งซึ่งการจะเอาความรู้สึกเก่าๆคืนกลับมามันยากเกินไป) หลังจากผมจบ ม.6ในปี2549 ผมก็เลือกที่จะแอดมิชชั่นเพื่อเข้ามาเรียนต่างจังหวัดในแถบชลบุรี อันนี้ผมขอไม่เอยชื่อมหาลัยนะครับ ซึ่งเป็นอันทำให้เธอกับผมต้องแยกทางจากกันอีกครั้งและเธอก็ไม่เคยไว้เนื้อเชื่อใจผมเลยแม้แต่น้อยกับเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยสนใจว่าผมจะพยายามปรับตัวเพื่อเธอแค่ไหนเธอสนแต่ว่าผมเคยทำอะไรเอาไว้กับเธอแค่ข้อเดียว อาจจะมองว่ามันสมควรหรือไม่สมควรที่ผมจะถูกทำแบบนี้แต่ผมก็ไม่โกรธอะไรจนเธอมาบอกเลิกผมตอนเรียนได้ไม่ถึงครึ่งเทอมในช่วง มหาลัยปี1ผมรู้สึกเขว้งคว้างสับสนและผมก้ได้ลองคุยกับเพื่อนในคนละกลุ่มเรียน และถูกคอแต่ตอนนั้นไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกันแค่คุยกันไปกินข้าวบ้างไปเดินห้างเป็นกลุ่มๆบ้างได้ไม่ถึง2สัปดาห์เธอ ตามมาราวีผมแล้วบอกผมนิสัยไม่เคยเปลี่ยนสร้างแต่เรื่องเดิมๆซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม และผมก็ต้องเป็นฝ่ายผิดตลอดเวลาและแล้วมันก็มีแต่ปัญหาผมจึงกลับไปคบกับเธอเพราะเธอพูดกับคนที่ผมคุยด้วยไปไหนมาด้วยคำแรงๆหนักแน่นและเสียดสีเพื่อนผมคนนั้นมาก ผมจึงหยุดไปต่อและกลับมาคบกับเธอส่วนตอนนั้น เธอกำลังใกล้ช่วงแอดมิชชั่นเธอจึงเลือกที่เรียนเพื่อให้ใกล้ผมมากที่สุด โดยอยู่นอกเขตตัว กทม.แถวๆบางพลี หลังจากนั้นเราก็ไปมาหากันเรื่อยๆบ้างตามประสาคนเป็นแฟนกัน ต้องขอบอกเลยว่าในช่วงที่คบกันเข้าปีที่3-4 เป็นปีที่แย่ที่สุดของผมยังไม่พอยังมีมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ด้วยความหึงหวง และเธอเป็นคนเอาแต่ใจไม่สนเหตุผลของผมเเลยไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเธอเอาแต่โทษตัวผมที่ทำให้เค้าเจ็บฝังใจมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะพูดอะไรผมก็ผิดทำอะไรก็ผิดไปไหนก็ไม่ได้มีเพื่อนก็ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเธองี่เง่าหรือผมเองที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ชีวิตผมไม่มีความสุขเลย และทุกๆครั้งเวลาผมเจ็บช้ำน้ำใจจากเธอผมมักจะทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดแขนบ้างต่อยกำแพงบ้าง กระจกบ้าง คืออะไรก็ได้ขอแค่เลือดออกเยอะๆเจ็บๆผมก็หยุดทันที
เหมือนพวกวิปริตยังไงยังงั้นเนอะ หลังจากนั้นผมก็มีปัญหามาเรื่อยๆไม่ว่าจะทำอะไรไปไหนมีเพื่อนอะไรยังไงเธอขีดชีวิตผมไว้ตลอด ซึ่งผมมองว่าแล้วตัวผมล่ะควรอยู่ตรงไหนทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเท่ามด เธอสามารถทำให้ชีวิตผมพังได้ผมเป็นงี้มาเรื่อยๆผมได้แต่อดทนอดกลั้นขอให้วันมันผ่านไปเร็วๆให้เธอกลับไปเป็นคนเดิมคนที่เคยเชื่อใจไว้ใจกันเหมือนเดิม คนที่ทำให้ผมมีความสุขโดยไม่ใช้คำว่าอดทนตัวผมเองอดทนมากับเธอตลอดในหลายๆเรื่องที่เธอต้องการหรืออะไรก็ตามที่เธอลิขิต ผมต้องเจ็บช้ำน้ำใจตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกครั้งหลายครั้งผมเคยอยากตายอยากหายไปได้ยิ่งดีและเวลาอยู่ด้วยกันห้องของเราพังเละเทะไม่เป็นท่าเลยในทุกๆครั้ง แม้กระทั่งเธอมาอยู่บ้านผมเธอยังอาละวาดไม่เลือก เธอได้แต่บอกเหตุผลเดิมๆว่าเป็นเพราะผมที่ทำกับครั้งนั้นเค้าไม่เคยเชื่อใจไม่เคยไว้ใจไม่อะไรในตัวผมเลยสักอย่าง แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะไปจากเธอเลยเพราะผมปล่อยเธอไปไม่ได้ ทุกๆครั้งที่ทะเลาะกันผมไม่กล้าเอ่ยคำว่า ขอเลิก หรือเลิกกันเถอะ ออกมาจากปากเลยสักครั้ง ตลอดเวลา9ปีที่ผ่านมา เธอเองตลอดที่เป็นคนทำและเรื่องราวของเราก็ไม่เคยลงเอยเลยจนเมื่อถึงปีที่10 ที่ทุกคู่จะบอกว่าส่วนใหญ่คบกันถึง10ปีก็เลิกกัน ผมยอมรับว่าในช่วงปลายปีที่1-ปลายปีที่2ที่เราคบกัน ผมนอกใจเธอ แต่หลังจากที่เธอให้โอกาสผมพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น กลับกันผมไม่แน่ใจว่าผมเจ้าชู้ไหม แต่ผมแค่คุยแค่กินข้าวเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งคราวและไม่คิดที่จะมีอะไรกับใครและผมก็ไม่คิดว่าเธอจะไม่เคยเปลี่ยนทัศนคติเลยในปีทุกๆปีที่ผ่านมา หลังผมและเธอเรียนจบ เราลองอยู่ด้วยกันที่บ้านผม เราไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่างเลยเธอทำกับข้าวก็ไม่เป็นงานบ้านก็ไม่เคยจับ ทุกวันเธอหิวเมื่อไหร่เธอก็จะบังคับให้ผมตื่นไปทำกับข้าวให้กินประจำซึ่งผมก็ต้องทำเป็นแบบนี้ตลอดมา และผมก็ไม่เกี่ยงที่จะทำให้เธอ เพราะผมรักเธอมากๆ ความรักผมหลังจากเข้ามาสู่ปีที่10 ผมเริ่มมองแล้วว่าชีวิตผมจะไปรอดจริงหรือผมเจ็บช้ำน้ำใจตลอด เถียงอะไรก็แพ้ทำอะไรก็ต้องยอมเธอตลอดจนผมเริ่มระเบิดออกมาเป็นระรอก ความโกรธของผมทำบ้านเละเทะข้าวของพังกระจายแต่ขอบอกเลยผมไม่กล้าทำร้ายเธอ ผมเคยเผลอหลุดมือบีบแขนเธอและผลักเธอแรงมากแต่เธอก็ใช่ย่อยจิกกัดตีทุกอย่าง แต่ผมก็รีบควบคุมอารมณ์โดยการเดินหนีเพื่อหยุดเพราะผมไม่ไหวจริงๆบ่อยๆครั้งผมต้องหนีไปนอนที่อื่นเป็น2-3วัน บางครั้งหายไปเป็นสัปดาห์เนื่องจากตอนนั้น แม่ของผมซื้อบ้านไว้ปล่อยเช่าหลายหลัง ผมจึงมีที่พักอาศัยได้นอนและได้ไตร่ตรองความคิดของผม ในช่วงกลางๆปีที่10ที่ผมทำงานขอไม่บอกว่าที่ไหนเป็นห้างใหญ่ ผมก็ยังเป็นที่เนื้อหอมในหมู่หรือในกลุ่มนั้นๆไม่รู้เพราะอะไร
และเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นผมได้เจอคนคนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ผมอายุมากกว่าผม3ปี ตอนนั้นผมอายุ25 และด้วยเรื่องมากมายหลากหลายทำให้ผมได้คุยกับพี่คนนี้และรู้สึกสนิทสนมแต่ก็ยังเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเธอเข้าใจผมทุกเรื่องผมปรึกษาปัญหาชีวิตกับเธอได้หมดทุกเรื่องเลยจริงๆ หลายๆเรื่องพี่เค้าเคยผ่านมาหมดแล้ว และให้คำแนะนำมสาระพัด จนช่วงปลายๆปีที่10ที่ผมกับแฟนผมเริ่มมีปัญหาหนักขึ้นกว่าเดิมอีกเรื่อยๆ จนเริ่มทำให้ผมหมดความอดทนและผมเองก็ตัดสินใจที่จะคุยกับพี่คนนั้น ตลอดเวลาที่เราคุยกันไม่ว่าจะอะไรยังไงก็ช่างแต่เธอก็เข้าใจผม เราคุยกันบ่อยเวลาทำงานเป็นยังงี้นานมากไปกินข้าวไปเที่ยวด้วยกันผมบอกเลยว่า แฮปปี้กว่าคนเก่ามากๆ แต่เธอเคยมีลูกแล้วผมจึงลังเลมาตลอดว่าถ้าคบกับพี่เค้าแล้วจะเป็นไงต่อผมรับได้นะแต่ผมยังมองว่ามันเร็วไปและ ตัวผมกับแฟนก็มีปัญหาที่คลุมเครือมาตลอดในปีที่ผ่านมา จนคบรอบ11ปีก่อนช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมานี้ผมคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้เราเลิกกันและไม่เจ็บทั้งคู่และยังเข้าใจกันยังเป็นเพื่อนกันได้ ตลอดเวลาที่ผมคบเธอ10ปี เธอไม่เคยดูแลไม่เคยเอาใจใส่ผมได้ถึง20%เท่าที่ผมทำให้เธอทั้งชีวิตเลย ผมตัดใจและผมเป็นห่วงเธอกลัวเธอเจ็บกลัวว่าเธอจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีผมและเธอจะมีชีวิตที่ดีไหม ผมเองที่เป็นคนคิดผิดมาตลอดว่าเธอเองก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไม่ให้ผมยอมเลิกกับเธอ แต่ที่ผ่านมาเป็นการเล่นละครของเธอเธอแสดงได้เก่งในวันสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เธอรู้ว่าผมคบพี่คนนี้ เธอจึงแค้นมากที่ผมโกหกเธอว่าผมไม่มีใครและผมเองก็เคยบอกเธอแล้วหลายครั้งว่าอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งๆที่ไม่ใช่ตัวเองเพื่อให้ผมกลับมารักเธอเลย ยิ่งรั้นไปเท่าไหร่ก็ยิ่งแย่ลงเมื่อเธอรู้ความจริงซึ่งผมอยากให้มันจบด้วยดีมากกว่านี้ แต่มันกลับกลายเป็นฉากจบที่แย่มากๆเมื่อเธอรู้ว่าผมอยู่กับพี่คนนั้น และเธอก็บรรเลงห้องผมให้เป็นดั่งศิลปินองค์ลงโดยใช้ปากกาสีเมจิกเขียนตัวหนังสือทั่วห้องด่าผมว่าผมสาระพัดขอไม่พูดนะครับ และพังห้องผมเละไม่มีชิ้นดีผมกลับมาห้องรู้สึกตกใจมากๆ ผมเองก็คิดว่าผมฝันไปแต่มันคือความจริงที่เราต้องอยู่ต้องเจอ และแล้วเราก็จบกันแบบอาฆาตแค่เฉพาะเธอแต่ผมกลับรู้สึกเสียใจที่ผมทำให้เธอแสดงอารมณ์ด้านนี้ออกมา ที่ผ่านมาผมเพียงแค่ขอให้เธอทำดีกับผมบ้าง เพียงแค่ทดลองในระยะเวลาแค่3เดือน แต่ผมไม่เคยโกรธเธอเลยเพราะว่าผมเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้ผมเกลียดเธอไม่ลงแม้ว่าตุ๊กตาที่ผมเคยซื้อให้เธอเป็นของขวัญชิ้นแรกจะถูกเธอเอามีดเสียบปักเอาไว้ให้ผมเห็นว่าเธอเอาจริง และอาฆาตผมจริงๆ เรื่องนี้มันยากเกินจะลงเอย จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เคยลืมเธอแม้ตอนตื่นหรือตอนนอนจนถึงตอนนี้ที่ผมเลิกกับเธอไปก็4เดือนกว่าๆแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมเธอได้สักวันยังต้องข่มใจข่มตาหลับเพื่อให้ลืมวันเก่าๆให้ได้ ถึงบางครั้งจะมีน้ำตาซึมบางที่ฟังเพลงเดิมๆไปที่เดิมๆทำอะไรเดิมๆ ที่เหมือนกับตอนที่อยู่กับเธอ เหมือนกับวัฏจักรหนึ่งที่จะต้องวนเวียนแบบนี้ไปตลอด ทุกๆครั้งที่เคยเป็นวันสำคัญผมยังส่งข้อความหาเธออวรพรต่างๆ แม้เธอจะกีดกันผมและบล็อคเบอร์ผมทุกๆอย่าง ทุกๆวันนี้ผมได้แต่ภาวนาและวิงวอนให้เธอมีความสุข และมีสุขภาพแข็งแรง ถึงแม้ว่าเธอจะลืมผมได้แค่ภายใน7วัน แต่ผมจำเธอจนวันตาย ตอนนี้ผมมีแพลนที่จะเรียนต่อเมืองนอก(germany,australia)และกำลังเดินเรื่องวีซ่าควบคู่กันไปในขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่
ผมอยากรู้ว่าใครมีวิธีแก้ปัญหาอะไรอย่างไรบ้าง ผมยังลืมเธอไม่ได้จริงๆเพราะผมเป็นห่วงเธอตลอดเวลาแต่ว่าผมรักพี่คนนั้นไปแล้วและผมคิดอยากจะเริ่มต้นใหม่แต่ผมดันไม่เคยลืมคนเก่า จนบางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกว่าพี่คนนั้นเป็นคนเก่าของผม สิ่งที่ผมคิดตอนนี้คือ
1.ทำตามแพลนที่จะไปเรียนต่อในสิ้นปี2558
2.หนีจากชีวิตเดิมๆไปให้ไกลๆไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา (ทุกวันนี้ผมยกเลิกFB,Lineและsocial mediaต่างๆ)เพื่อจะได้ไม่มีใครรู้จักผม
3.บอกความจริงกับคนใหม่และขอโทษคนใหม่แล้วออกจากชีวิตเค้า เพื่อไม่ให้ชีวิตเค้าพังเพราะผม
4.กลับไปตามหาคนเก่าที่ผมไม่เคยลืมและขอให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม
5.จบชีวิตอันแสนน่าเบื่อนี้ลงซะ (ครอบครัวผมเหลือแค่พี่ชายคนเดียวเท่านั้น)
6.บวชสักพรรษาเผื่ออะไรจะดีขึ้น
7.หยุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและเริ่มในที่เดิมกับคนใหม่
8.ควรจะหยุดอยู่กับตัวเองสักพัก(2-3ปี)และเลิกกับคนใหม่นั้นและหยุดคิดถึงเธอคนเก่านี้ด้วย
ความรู้สึกแบบนี้ที่ผมทำหรือสิ่งที่คิดมันผิดหรือเปล่า ช่วยออกความเห็นให้ผมด้วยแต่ขอร้องงดแชร์นะครับ