ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 50 ปี แฮกเกอร์เจาะระบบบัตรเติมเงินทรูมูฟ

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 50 ปี แฮกเกอร์เจาะระบบบัตรเติมเงินทรูมูฟ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1436765641

updated: 13 ก.ค. 2558 เวลา 12:33:46 น.

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รับแจ้งจาก บมจ.  ทรู คอร์ปอเรชั่น ว่า  เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.4948/2551  ศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2  และ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด เป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องนายทวีทรัพย์ ลลิตศศิวิมล จำเลยที่ 1 นายปรเมศ วิทยากร จำเลยที่ 2 และนายฉัตรชัย บูรณะดิษ จำเลยที่ 3  ในฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพื่อจำหน่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ร่วมกันฉ้อโกง โดยการโจรกรรมข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน เข้าระบบข้อมูลของ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด เพื่อเข้าไปแก้ไขวงเงินการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบเติมเงินให้มีมูลค่าสูงขึ้น 105 ล้านบาท และได้นำออกไปจำหน่าย 12 ล้านบาทเศษ ทำให้บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้รับความเสียหาย

โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาดังนี้

1.ให้จำคุก นายทวีทรัพย์ ลลิตศศิวิมล จำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมจากการกระทำรวมทั้งหมด 48 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี  รวมเป็นจำคุก 96 ปี  โดยลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วเหลือจำคุก 64 ปี  แต่ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ตามที่กฎหมายกำหนดโทษสูงสุดไว้

2.ให้จำคุก นายปรเมศ วิทยากร จำเลยที่ 2  ฐานเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จากการกระทำรวมทั้งหมด 16 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี  รวมเป็นจำคุก 32 ปี  ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว คงเหลือโทษจำคุก 21 ปี 4 เดือน

3.ให้จำคุก นายฉัตรชัย บูรณะดิษ จำเลยที่ 3  ฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จากการกระทำรวมทั้งหมด 4 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วคงเหลือจำคุก 5 ปี 4 เดือน

สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นในเดือน ส.ค. 2548 เมื่อทางบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ได้แจ้งความว่าในช่วงระหว่าง 5 เม.ย. – 21 ก.ค. 2548 มีผู้ลักลอบเจาะเข้าฐานข้อมูลของบริษัท ทำให้สูญเสียเงินไปหลายร้อยล้านบาท พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ในขณะนั้นจึงได้ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานสืบสวน นำโดย พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าทีม จึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในวันที่ 26 ส.ค. 2548
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่