สวัสดีเพื่อนๆ พันทิปทุกท่าน วันนี้ผมขอมาแอคเค้าท์ด้วยการแชร์ประสบการณ์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของสงครามสิวบนใบหน้า VS คลินิกรักษาสิวอันยาวนานหลายปีของผม คือจะขอมาระบายเรื่องราวที่อัดอั้นมาหลายปี ด้วยความหวังที่ว่าเพื่อนๆ ท่านไหนอ่านแล้วอาจจะมีอะไรดีๆ แนะนำเด็กน้อยตาดำๆ คนนี้ให้หมดทุกข์จากนรกบนหน้าซะที หรืออย่างน้อยก็เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ เผื่อใครคิดจะไปรักษาสิวที่ไหนก็ให้ระวังให้ดี อย่าให้ต้องเหมือนตกนรกทั้งเป็นแบบผมเลย
สิวที่ผมเคยเป็นมีทุกระดับ ตั้งแต่สิวเม็ดเล็กๆ อนุบาลๆ น่ารักใสๆ ตามประสาวัยรุ่น จนถึงสิวหัวไอยราช้างสารแสนเจ็บปวด ส่วนพวกเรื่อง สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวผดแพ้ สิวสเตรียรอยด์ ผมก็เคยเป็นมาทุกประเภท (ผมเป็นคนผิวมันถึงมันมาก แรกๆ ก็ขึ้นเฉพาะทีโซน หลังๆ ก็ทั้งหน้า) แล้วเวลาเค้ามากันที ก็ไม่ได้มาทีละเม็ดสองเม็ดให้รู้สึกเฉยเมยได้ เค้าเล่นมากันเป็นพุ่มเป็นกลุ่มเหมือนนัดกันมา ส่วนใหญ่จะอักเสบแบบเม็ดเป้งๆ ด้วย คือเรียกได้ว่าถ้าใครหลายๆ คนได้เป็นสิวแบบผมนี่คือคงไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนแน่ๆ
ปัญหาคือโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม ต้องพบเจอผู้คนหรือมีการทำงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ ปัญหาสิวมันเลยเป็นความรำคาญกับผมมาตลอด โดยตลอดเวลาที่ว่านี้คือตั้งแต่ ม.1 (อายุ 13) จนตอนนี้ กำลังจะขึ้น ปี 2 (อายุ 20) แล้วก็ยังรักษาไม่หาย คือเริ่มเป็นตั้งแต่ ม.1 ที่ยังเป็นสิวไม่สร้างปัญหา แต่พอขึ้นชั้น ม.2 เท่านั้น สิวก็เริ่มเห่อขึ้นมา จนเพื่อนๆ ล้อ ผมอายและเสียเซลฟ์สุดๆ ตั้งแต่นั้นก็เริ่มหาวิธีรักษาอย่างจริงจัง โดยปรึกษาคนรอบข้างก่อน แต่ละคนก็ให้คำแนะนำมาหลากหลายสถานที่
แล้วผมก็เลยลองดูที่แรก ผมเริ่มจากรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านและโรงเรียนก่อน คิดว่ามันน่าจะปลอดภัยและคงไม่มีปัญหาแถมสะดวกด้วย แต่ปัญหาสำหรับโรงพยาบาลรัฐที่นี่คือ รอคิวนานมากกกกก ไปตั้งแต่ 8 โมงได้เจอหมอบ่าย 2 และหมอให้มาแค่ยาทา 3 ตัว กับยากิน (ยาแก้อักเสบเม็ดสีเขียว) ผมรักษาได้ประมาณ 5-6 เดือน ได้ยาเดิมๆ มาทุกครั้ง รู้สึกว่าอาการมันแทบจะไม่ค่อยดีขึ้นเลย บวกกับตัวยาทาแสบหน้า ทาเป็นเดือนๆ แล้วก็ยังไม่หายแสบ มันพีคสุดๆ และตอนหลังพึ่งมารู้ว่าเป็นยารักษาสิวที่ขายตามท้องตลาด หาซื้อกันได้ (ทั้งยากินและยาทา) ผมก็เลยเลิกหาหมอที่โรงพยาบาลนี้อีก ก็เลยซื้อยาทามาใช้เองเรื่อยๆ
จนกระทั่งน้าสาวผมเขารักษาสิวอยู่ที่คลินิก ว น้าผมเขาเป็นลูกค้าระดับ VIP ด้วย (เสียไปหลายแสนอยู่เหมือนกัน น้าเขารักษาทุกปัญหาบนใบหน้า แต่ส่วนตัวผมว่าก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากกับตอนยังไม่ได้ทำนะ แต่เรื่องสิวคือยุบลงมาก) เค้าก็เอายากินตัวนึงมาให้ผมกิน เป็นยาเม็ดสีม่วง ผมก็ลองกินดูเผื่อจะดีขึ้น เพราะในใจตอนนั้นขอให้หายก็พอใจละ ผมกินไปได้ 2 อาทิตย์ เชื่อไหมว่า หน้าผมกลับมาใสปิ๊ง ไม่มีสิวสักเม็ด ความมันบนใบหน้าหายไปหมด ผมแฮปปี้และติดใจมาก คนรอบข้างทักกันอย่างหนาหูเลยว่าไปทำไรมา ผมก็บอกว่ากินยาตัวนี้ๆ น้าผมให้มา เค้ารักษาอยู่ที่ คลินิก ว
พอคนทักมากขึ้น พี่สาวของเพื่อนผมเขารู้ว่าผมกินตัวนี้แล้วหน้าดีขึ้น เขาก็บอกว่า “น้องรู้ไหมว่ายาตัวนี้มีผลข้างเคียงนะ อย่างแรกคือ ปากแห้งตาแห้ง แล้วยาตัวนี้มันมีผลข้างเคียงในระยะยาว อาจมีผลต่อกระดูกทำให้ช่วงข้อกระดูกปิดเร็วขึ้น หรือโอกาสที่จะสูงน้อยลง ในกรณีที่กินตอนอายุยังไม่ถึง 18 แล้วนี่น้องกินตั้งแต่อายุ 14 มันอันตรายนะ น่าจะหาหมอให้หมอตรวจให้ก่อน ว่าควรกินไหม” ตั้งแต่นั้นแหละ ผมก็เลยหยุดกินเลยด้วยความที่กลัวจะไม่สูง ผมก็ไม่กินยาตัวนี้อีกเลย ปล่อยแล้วกลับไปทายาเหมือนเดิม เห่อหนักหน่อยก็กินยาแก้อักเสบเอา
พอนานๆ อาการการเริ่มหนักขึ้น คนรอบข้างผมเค้าก็แนะนำว่าให้ซื้อครีมตัวนั้นตัวนี้มาใช้ คนชอบพูดกันว่า “การรักษาของหมอส่วนใหญ่เขาจะเลี้ยงไข้นะ รักษาไปก็หายยาก” ผมก็เลยลองหาซื้อครีมใช้เอง ผมซื้อหลากหลายยี่ห้อมาก ทั้งฮิตและไม่ฮิต รีวิวในเน็ตในเว็บไหนว่าดี ไม่มีสารก่อให้เกิดการแพ้ ไม่มีเสตรียรอยด์ รักษาสิวได้ดีเยี่ยมก็ซื้อมาลองใช้ บางทีก็สลับมาใช้เป็นสมุนไพรต่างๆ ผงรักษาสิวบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผลซักอย่าง
คือครีมที่เราซื้อมาใช้เองเนี่ย เราไม่รู้ว่ามันเหมาะกับผิวเราหรือเปล่า แล้วมันมีสรรพคุณรักษาได้มีประสิทธิภาพกับหน้าเรามากพอไหม ผมก็เลยคิดว่ามันไม่คุ้มค่ากับเงิน เวลา ผิวหน้า และผลลัพธ์ที่ได้ สุดท้ายแล้วผมคงต้องกลับไปพึ่งหมออีกแล้ว
ผมก็เลยคุยกับแม่ว่า อยากรักษาให้มันหาย ผมไม่มั่นใจเลยเวลาทำกิจกรรมที่โรงเรียน ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่มีประสบการณ์ในการรักษาสิว คลินิกแรกที่นึกถึง คือคลินิก ว ที่น้าผมเขารักษาอยู่ แม่และผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งและทางออกได้ดีที่สุด ในตอนนั้น แม่ผมก็เลยพาไปรักษา มาถึงวันแรกก็ขายคอร์สกันอย่างเมามัน คือไม่ดูสภาพผิวหน้าเราหรืออาการสิวก่อนเลย เอาแต่ขายๆๆ คือตอนนั้นผมตื่นตาตื่นใจกับการรักษาที่แลดูครบครันของคลินิกนี้มาก และคิดว่าคอร์สนึง มันมี 10 ครั้ง หน้าผมยังไงก็ต้องหายและกลับมาใสปิ๊ง
ในเคสการรักษาของผม ไม่ได้เป็นคอร์สรักษาสิวโดยตรง เพราะหมอบอกว่าผมยังกินยาเม็ดสีม่วงไม่ได้ อายุยังไม่ถึงเดี๋ยวจะมีผลในระยะยาว คลินิกก็ให้โฟมล้างหน้า ยาทา 5-6 ตัว ยากิน (แก้อักเสบ) กดสิว-ฉีดสิว ทรีทเม้นต์สารพัด ทำแบบนี้อยู่ 10 ครั้ง แต่แล้วสิวใหม่เกิดขึ้นทุกอาทิตย์ ไม่มีวี่แววความใสจะปรากฎใดๆ ทั้งสิ้น แถมคุณหมอใจดียังได้ฝากหลุมสิวเบ้อเร่อที่หัวคิ้วข้างขวามาให้อีก 3 หลุมยักษ์และเรียงติดกัน
ผมคาดว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของหมอที่รักษาตอนฉีดสิวและกดสิว คือมันเป็นสิวที่ใหญ่มากที่หัวคิ้ว เรื้อรังมาก หมอเขาฉีดไปปึ๊ป กดออกมาปั๊ป เลือดและหนองทะลักออกมาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นหลุมอุกกาบาตก็ได้บังเกิดขึ้นจนกระทั้งทุกวันนี้ แล้วการรักษาที่นี่ก็แปลก หมอทุก 2 อาทิตย์เปลี่ยนคนที ทั้งๆ ที่ผมไปวันและเวลาเดิมทุกสัปดาห์ การรักษาไม่ปะติดปะต่อ แล้วการกดสิวอุดตันก็ให้ผู้ช่วยทำ หมอจะทำแต่เม็ดอักเสบและหนักๆเท่านั้น
การรักษาสิว 2 แห่งแรก ผ่านไปวี่แววอาการของสิวยังไม่ทุเลา แถมยังมีปัญหาหลุมสิวเข้ามากวนใจอีก ผมทบทวนกับตัวเองหลายรอบมากว่าจะทำไงต่อไปดี เวลาไปเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งขันงานต่างๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจมากๆ มันเริ่มมีอุปสรรคกับชีวิตประจำวันและงานที่ผมรักมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแม่และผมก็เลยตัดสินใจที่จะสู้ต่อ
คลินิกต่อไปที่รักษาเป็นคุณหมอที่จบมาจากโรงพยาบาล ศ ชื่อ คลินิก ว.ก. คลินิกสุดพีคในเรื่องของการต่อคิวรอหมอที่เรียกได้ว่านานกว่าโรงพยาบาล คือต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 นั่งรถไปรอคิวตั้งแต่ 7 โมงเช้า นั่งรอหน้าคลินิก บ่ายโมงจะมีคนมาแจกบัตรคิว และกว่าจะได้พบหมอก็บ่าย 3!
แต่ด้วยความที่เขายืนยันว่าดีจริง หายแน่ ผมก็เอาวะ สู้! คลินิกนี้ไม่ขายคอร์ส มียาทา (3-4 ตัว) และยากิน และมันก็กลับมาอีกครั้ง เจ้ายาเม็ดสีม่วง คุณหมอท่านนี้บอกว่า กินได้ไม่มีผลข้างเคียงมีแค่ปากแห้งตาแห้ง ความสูงไม่น่าเกี่ยวเพราะผลตรวจทางอเมริกา ไม่ได้มียืนยันมาว่ามีผลเกี่ยวกับความสูง บลาๆๆ ผมก็ฟังแล้วก็ตัดสินใจรักษาเป็นเวลาประมาณ 5-6 เดือนได้ (ถึงทุกวันนี้ก็ยังงงว่าสรุปยาม่วงนี่มันอันตรายหรือไม่อย่างไร...)
ผลลัพธ์คือแทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเคย สิวใหม่มาเรื่อยๆ ไม่หยุด แถมยังต้องเดินทางไกลมากๆ อีกด้วย วันอาทิตย์ทั้งวันเต็มๆ ของผมหายไปกับการเดินทางนนทบุรีไปสมุทรปราการ นั่งรอคิวหาหมอและกลับบ้าน ซึ่งผมกับแม่ก็คิดแล้วว่าคงไม่เวิร์คละ หลังจากคิดได้ ก็ใช้ยาของหมอคลินิก ว.ก. ต่อจนหมด และกลับไปใช้ยาที่หาซื้อตามท้องตลาดเช่นเดิม
หลังจากนั้นซักพัก ขณะที่ผมกำลังเล่นเฟสบุ๊ค ก็มีโฆษณาของคลินิกหนึ่ง ชื่อคลิกนิก ธ ที่เขาโฆษณาว่ามีนวัตกรรมการรักษาสิวแบบใหม่ คือการฉายแสงรักษาสิวและฆ่าเชื้อสิว ข้อมูลคลินิกยืนยันเลยว่า การรักษาไม่ต้องกินยา สามารถรักษาได้อย่างหายขาด แล้วในวันแรกที่พบหมอ คลินิกจะมีเครื่องตรวจสภาพผิวหน้าสุดไฮเทค สามารถรู้ได้ว่าสิวจะขึ้นตรงไหนอะไรยังไง
ผมก็โอ้โหเดี๋ยวนี้มันมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ ตื่นตาตื่นใจกับการรักษาแบบใหม่สุดๆ ก็ได้ดูคลิปวีดีโอการรักษาเขา ดูแล้วน่ารักษาสุดๆ ใฝ่ฝันและกระหายอยากจะรักษาเต็มที่ ก็เลยไปบอกแม่ แต่แม่ก็บอกว่ายังก่อนไหม “บางทีอาจจะเป็นเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่ สิวก็เลยขึ้นหรือเปล่า” แต่ผมก็ไม่ละความพยายามตื๊อแม่สุดชีวิต (ทั้งที่ตอนนั้นก็รู้ว่าทางบ้านเริ่มมีปัญหาทางการเงิน แต่แม่ก็เข้าใจและจ่ายค่ารักษาให้ แงงงงง รักแม่น้ะ)
วันแรกที่ไปเป็นวันที่สดใสและเริงร่ามากสำหรับผม ในหัวมีแต่เรื่องสิวจะต้องหายไป เราจะได้หายขาดโดยไม่ต้องกินยา ปัญหาที่มีมาเนิ่นนานจะได้จบลงซักที ขอบคุณเพื่อนมนุษย์ที่คิดค้นนวัตกรรมแบบนี้มา ตอนบ่ายก็เดินทางถึงคลินิก พนักงานบริการดีมาก ประทับใจฝุดๆ ก็กรอกรายละเอียดและรอพบหมอตามปกติ พอถึงคิวรอพบหมอ ผมและแม่ก็เข้าไปด้วยกันทั้งคู่ (คุณหมอเป็นผู้หญิง) คุณหมอก็ตรวจสภาพผิวหน้าตามปกติทั่วไปโดยไม่มีเครื่องตรวจ!
ผมก็เอะใจ เอ... ทำไมในคลิปการรักษาเขามันมีเครื่องตรวจนี่นา ทำไมไม่ตรวจหว่า ทันใดนั้นเอง คุณหมอก็เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มนึงขึ้นมา ตอนแรกผมก็นึกว่าจะซักถามประวัติการรักษาหรือการใช้ยา แต่เปล่า... มันคือแฟ้มขายคอร์ส หมอเขาก็เปิดไปคอร์สที่ผมจะรักษา แล้วก็บอกค่าใช้จ่ายเสร็จสรรพ พร้อมรายละเอียดการรักษา ผมกับแม่ก็ตกลงกันว่า โอเคเราลงคอร์สนี้ที่มีการฉายแสงรักษาสิวและฆ่าเชื้อสิว เป็นเงินเท่านี้ๆ รักษา 5 ครั้งแถม 1 ถ้าจ่ายเงินสดครบวันแรกทีเดียว
เหมือนใกล้จะจบและได้รักษานะแล้วนะ แต่คุณหมอท่านเปิดแฟ้มต่อไปแล้วก็บอกว่า “ตอนนี้น้องมีปัญหาเรื่องรอยแดงด้วยนะคะ คุณหมออยากให้ลงคอร์สตัวเลเซอร์รักษารอยแดงตัวนี้ ทำ 5 ครั้งเป็นราคา X0,000 ทำ 2 สัปดาห์เว้นครั้ง ทำคู่กันกับฉายแสงได้เลยค่ะ” ผมกับแม่ก็มองหน้ากัน แม่ผมเลยบอกว่า “เอาแค่เรื่องสิวให้น้องหายก่อนจะดีกว่าไหมคะคุณหมอ เพราะถ้าสิวน้องยังไม่หายแม่ว่าเดี๋ยวก็ต้องกลับมารักษารอยแดงกันอีกหรือเปล่าคะ”
คุณหมอท่านเริ่มมีอารมณ์และชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดว่า “หายสิคะ ตัวฉายแสงส่วนใหญ่แล้วเค้าทำกัน 5 ครั้งก็หายแล้วค่ะ ส่วนตัวรอยแดงสามารถทำควบคู่กันไปได้เลย เพราผิวหนังเราจะได้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา และจะไปช่วยไปควบคุม บลาๆๆๆ” มากมาย ผมก็จำไม่ได้แต่ฟังแล้วดูสรรพคุณล้นเหลือแทบจะรักษาทุกปัญหาผิวหน้า แม่ผมก็ปฎิเสธหมอ หมอก็อธิบายอีกบลาๆๆๆ แม่ผมก็เลยถามกลับไปว่า “แล้วถ้าซื้อคู่กันแบบที่คุณหมอแนะนำคือจะมีโปรโมชั่นแถมจำนวนครั้งหรืออะไรไหมคะ” หมอก็บอก “ไม่มีค่ะ แต่ถ้าลงคอร์ส 2 ตัวนี้คู่กันจะดีมากๆ เพราะมันจะไปช่วยให้การทำงานของบลาๆๆๆๆ”
คือในตอนนั้นผมนั่งฟังเหมือนหมอจะขายคอร์สตัวนี้ให้ได้ ผมก็คล้อยตามหมอจากตอนแรกที่อยากรักษาสิวอย่างเดียว จนกลายเป็นอยากรักษาไอ้เลเซอร์รอยแดงนี่ด้วย แต่พอแม่ปฎิเสธ หมอก็เกิดอารมณ์และการเจรจารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแม่ผมบอกผมว่า “งั้นเดี๋ยวต้องคุยกับพ่อของน้องค่ะ ตอนนี้คุณแม่มีไม่เงิน มีเงินพอแค่รักษาคอร์สเดียว” คุณหมอถึงหยุด และก็ให้เซ็นชื่อลงคอร์สและให้กลับออกไปรอหน้าห้อง
รอได้ไม่นาน พี่พนักงานก็เรียกไปให้คุณหมอฉีดสิว ใบหน้าคุณหมอท่านหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเจน กลับมาที่การรักษานะ ฉีดสิวเสร็จปุ๊ป ไปกดสิวต่อโดยพี่พนักงาน เสร็จแล้วก็มาส์กสิว แล้วจึงฉายแสงฆ่าเชื้อสิว 20 นาที ก่อนกลับบ้าน พี่พนักงานก็เรียกรับยา มีเจลล้างหน้า ยาทา ยากิน เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ข้อมูลการรักษาที่เราดูมามันไม่ต้องกินยาไม่ใช่เหรอ? ผมก็ถามพี่เขาว่า การรักษาไม่ต้องใช้ยากินไม่ใช่เหรอ พี่พนักงานก็เลยบอกว่า “คุณหมอให้ทานยาแก้อักเสบด้วยค่ะ อาการจะได้ทุเลาขึ้น สิวจะได้หายไวๆ ” ผมก็ได้แต่พยักหน้า รับมาและทำตามการรักษาอย่างเคร่งครัด (จ่ายเงินเขาไปแล้วนี่นา ทำไรไม่ได้)
** เดี๋ยวมาต่อ... อย่าเพิ่งเบื่อกับเรียงความของผมนะครับ 555 **
สรุปปัญหาของผมมันคือสิวหรือคลินิกรักษาสิวกันแน่? ใครก็ได้ช่วยผมที!!!
สิวที่ผมเคยเป็นมีทุกระดับ ตั้งแต่สิวเม็ดเล็กๆ อนุบาลๆ น่ารักใสๆ ตามประสาวัยรุ่น จนถึงสิวหัวไอยราช้างสารแสนเจ็บปวด ส่วนพวกเรื่อง สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวผดแพ้ สิวสเตรียรอยด์ ผมก็เคยเป็นมาทุกประเภท (ผมเป็นคนผิวมันถึงมันมาก แรกๆ ก็ขึ้นเฉพาะทีโซน หลังๆ ก็ทั้งหน้า) แล้วเวลาเค้ามากันที ก็ไม่ได้มาทีละเม็ดสองเม็ดให้รู้สึกเฉยเมยได้ เค้าเล่นมากันเป็นพุ่มเป็นกลุ่มเหมือนนัดกันมา ส่วนใหญ่จะอักเสบแบบเม็ดเป้งๆ ด้วย คือเรียกได้ว่าถ้าใครหลายๆ คนได้เป็นสิวแบบผมนี่คือคงไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนแน่ๆ
ปัญหาคือโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม ต้องพบเจอผู้คนหรือมีการทำงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ ปัญหาสิวมันเลยเป็นความรำคาญกับผมมาตลอด โดยตลอดเวลาที่ว่านี้คือตั้งแต่ ม.1 (อายุ 13) จนตอนนี้ กำลังจะขึ้น ปี 2 (อายุ 20) แล้วก็ยังรักษาไม่หาย คือเริ่มเป็นตั้งแต่ ม.1 ที่ยังเป็นสิวไม่สร้างปัญหา แต่พอขึ้นชั้น ม.2 เท่านั้น สิวก็เริ่มเห่อขึ้นมา จนเพื่อนๆ ล้อ ผมอายและเสียเซลฟ์สุดๆ ตั้งแต่นั้นก็เริ่มหาวิธีรักษาอย่างจริงจัง โดยปรึกษาคนรอบข้างก่อน แต่ละคนก็ให้คำแนะนำมาหลากหลายสถานที่
แล้วผมก็เลยลองดูที่แรก ผมเริ่มจากรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านและโรงเรียนก่อน คิดว่ามันน่าจะปลอดภัยและคงไม่มีปัญหาแถมสะดวกด้วย แต่ปัญหาสำหรับโรงพยาบาลรัฐที่นี่คือ รอคิวนานมากกกกก ไปตั้งแต่ 8 โมงได้เจอหมอบ่าย 2 และหมอให้มาแค่ยาทา 3 ตัว กับยากิน (ยาแก้อักเสบเม็ดสีเขียว) ผมรักษาได้ประมาณ 5-6 เดือน ได้ยาเดิมๆ มาทุกครั้ง รู้สึกว่าอาการมันแทบจะไม่ค่อยดีขึ้นเลย บวกกับตัวยาทาแสบหน้า ทาเป็นเดือนๆ แล้วก็ยังไม่หายแสบ มันพีคสุดๆ และตอนหลังพึ่งมารู้ว่าเป็นยารักษาสิวที่ขายตามท้องตลาด หาซื้อกันได้ (ทั้งยากินและยาทา) ผมก็เลยเลิกหาหมอที่โรงพยาบาลนี้อีก ก็เลยซื้อยาทามาใช้เองเรื่อยๆ
จนกระทั่งน้าสาวผมเขารักษาสิวอยู่ที่คลินิก ว น้าผมเขาเป็นลูกค้าระดับ VIP ด้วย (เสียไปหลายแสนอยู่เหมือนกัน น้าเขารักษาทุกปัญหาบนใบหน้า แต่ส่วนตัวผมว่าก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากกับตอนยังไม่ได้ทำนะ แต่เรื่องสิวคือยุบลงมาก) เค้าก็เอายากินตัวนึงมาให้ผมกิน เป็นยาเม็ดสีม่วง ผมก็ลองกินดูเผื่อจะดีขึ้น เพราะในใจตอนนั้นขอให้หายก็พอใจละ ผมกินไปได้ 2 อาทิตย์ เชื่อไหมว่า หน้าผมกลับมาใสปิ๊ง ไม่มีสิวสักเม็ด ความมันบนใบหน้าหายไปหมด ผมแฮปปี้และติดใจมาก คนรอบข้างทักกันอย่างหนาหูเลยว่าไปทำไรมา ผมก็บอกว่ากินยาตัวนี้ๆ น้าผมให้มา เค้ารักษาอยู่ที่ คลินิก ว
พอคนทักมากขึ้น พี่สาวของเพื่อนผมเขารู้ว่าผมกินตัวนี้แล้วหน้าดีขึ้น เขาก็บอกว่า “น้องรู้ไหมว่ายาตัวนี้มีผลข้างเคียงนะ อย่างแรกคือ ปากแห้งตาแห้ง แล้วยาตัวนี้มันมีผลข้างเคียงในระยะยาว อาจมีผลต่อกระดูกทำให้ช่วงข้อกระดูกปิดเร็วขึ้น หรือโอกาสที่จะสูงน้อยลง ในกรณีที่กินตอนอายุยังไม่ถึง 18 แล้วนี่น้องกินตั้งแต่อายุ 14 มันอันตรายนะ น่าจะหาหมอให้หมอตรวจให้ก่อน ว่าควรกินไหม” ตั้งแต่นั้นแหละ ผมก็เลยหยุดกินเลยด้วยความที่กลัวจะไม่สูง ผมก็ไม่กินยาตัวนี้อีกเลย ปล่อยแล้วกลับไปทายาเหมือนเดิม เห่อหนักหน่อยก็กินยาแก้อักเสบเอา
พอนานๆ อาการการเริ่มหนักขึ้น คนรอบข้างผมเค้าก็แนะนำว่าให้ซื้อครีมตัวนั้นตัวนี้มาใช้ คนชอบพูดกันว่า “การรักษาของหมอส่วนใหญ่เขาจะเลี้ยงไข้นะ รักษาไปก็หายยาก” ผมก็เลยลองหาซื้อครีมใช้เอง ผมซื้อหลากหลายยี่ห้อมาก ทั้งฮิตและไม่ฮิต รีวิวในเน็ตในเว็บไหนว่าดี ไม่มีสารก่อให้เกิดการแพ้ ไม่มีเสตรียรอยด์ รักษาสิวได้ดีเยี่ยมก็ซื้อมาลองใช้ บางทีก็สลับมาใช้เป็นสมุนไพรต่างๆ ผงรักษาสิวบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผลซักอย่าง
คือครีมที่เราซื้อมาใช้เองเนี่ย เราไม่รู้ว่ามันเหมาะกับผิวเราหรือเปล่า แล้วมันมีสรรพคุณรักษาได้มีประสิทธิภาพกับหน้าเรามากพอไหม ผมก็เลยคิดว่ามันไม่คุ้มค่ากับเงิน เวลา ผิวหน้า และผลลัพธ์ที่ได้ สุดท้ายแล้วผมคงต้องกลับไปพึ่งหมออีกแล้ว
ผมก็เลยคุยกับแม่ว่า อยากรักษาให้มันหาย ผมไม่มั่นใจเลยเวลาทำกิจกรรมที่โรงเรียน ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่มีประสบการณ์ในการรักษาสิว คลินิกแรกที่นึกถึง คือคลินิก ว ที่น้าผมเขารักษาอยู่ แม่และผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งและทางออกได้ดีที่สุด ในตอนนั้น แม่ผมก็เลยพาไปรักษา มาถึงวันแรกก็ขายคอร์สกันอย่างเมามัน คือไม่ดูสภาพผิวหน้าเราหรืออาการสิวก่อนเลย เอาแต่ขายๆๆ คือตอนนั้นผมตื่นตาตื่นใจกับการรักษาที่แลดูครบครันของคลินิกนี้มาก และคิดว่าคอร์สนึง มันมี 10 ครั้ง หน้าผมยังไงก็ต้องหายและกลับมาใสปิ๊ง
ในเคสการรักษาของผม ไม่ได้เป็นคอร์สรักษาสิวโดยตรง เพราะหมอบอกว่าผมยังกินยาเม็ดสีม่วงไม่ได้ อายุยังไม่ถึงเดี๋ยวจะมีผลในระยะยาว คลินิกก็ให้โฟมล้างหน้า ยาทา 5-6 ตัว ยากิน (แก้อักเสบ) กดสิว-ฉีดสิว ทรีทเม้นต์สารพัด ทำแบบนี้อยู่ 10 ครั้ง แต่แล้วสิวใหม่เกิดขึ้นทุกอาทิตย์ ไม่มีวี่แววความใสจะปรากฎใดๆ ทั้งสิ้น แถมคุณหมอใจดียังได้ฝากหลุมสิวเบ้อเร่อที่หัวคิ้วข้างขวามาให้อีก 3 หลุมยักษ์และเรียงติดกัน
ผมคาดว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของหมอที่รักษาตอนฉีดสิวและกดสิว คือมันเป็นสิวที่ใหญ่มากที่หัวคิ้ว เรื้อรังมาก หมอเขาฉีดไปปึ๊ป กดออกมาปั๊ป เลือดและหนองทะลักออกมาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นหลุมอุกกาบาตก็ได้บังเกิดขึ้นจนกระทั้งทุกวันนี้ แล้วการรักษาที่นี่ก็แปลก หมอทุก 2 อาทิตย์เปลี่ยนคนที ทั้งๆ ที่ผมไปวันและเวลาเดิมทุกสัปดาห์ การรักษาไม่ปะติดปะต่อ แล้วการกดสิวอุดตันก็ให้ผู้ช่วยทำ หมอจะทำแต่เม็ดอักเสบและหนักๆเท่านั้น
การรักษาสิว 2 แห่งแรก ผ่านไปวี่แววอาการของสิวยังไม่ทุเลา แถมยังมีปัญหาหลุมสิวเข้ามากวนใจอีก ผมทบทวนกับตัวเองหลายรอบมากว่าจะทำไงต่อไปดี เวลาไปเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งขันงานต่างๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจมากๆ มันเริ่มมีอุปสรรคกับชีวิตประจำวันและงานที่ผมรักมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแม่และผมก็เลยตัดสินใจที่จะสู้ต่อ
คลินิกต่อไปที่รักษาเป็นคุณหมอที่จบมาจากโรงพยาบาล ศ ชื่อ คลินิก ว.ก. คลินิกสุดพีคในเรื่องของการต่อคิวรอหมอที่เรียกได้ว่านานกว่าโรงพยาบาล คือต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 นั่งรถไปรอคิวตั้งแต่ 7 โมงเช้า นั่งรอหน้าคลินิก บ่ายโมงจะมีคนมาแจกบัตรคิว และกว่าจะได้พบหมอก็บ่าย 3!
แต่ด้วยความที่เขายืนยันว่าดีจริง หายแน่ ผมก็เอาวะ สู้! คลินิกนี้ไม่ขายคอร์ส มียาทา (3-4 ตัว) และยากิน และมันก็กลับมาอีกครั้ง เจ้ายาเม็ดสีม่วง คุณหมอท่านนี้บอกว่า กินได้ไม่มีผลข้างเคียงมีแค่ปากแห้งตาแห้ง ความสูงไม่น่าเกี่ยวเพราะผลตรวจทางอเมริกา ไม่ได้มียืนยันมาว่ามีผลเกี่ยวกับความสูง บลาๆๆ ผมก็ฟังแล้วก็ตัดสินใจรักษาเป็นเวลาประมาณ 5-6 เดือนได้ (ถึงทุกวันนี้ก็ยังงงว่าสรุปยาม่วงนี่มันอันตรายหรือไม่อย่างไร...)
ผลลัพธ์คือแทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเคย สิวใหม่มาเรื่อยๆ ไม่หยุด แถมยังต้องเดินทางไกลมากๆ อีกด้วย วันอาทิตย์ทั้งวันเต็มๆ ของผมหายไปกับการเดินทางนนทบุรีไปสมุทรปราการ นั่งรอคิวหาหมอและกลับบ้าน ซึ่งผมกับแม่ก็คิดแล้วว่าคงไม่เวิร์คละ หลังจากคิดได้ ก็ใช้ยาของหมอคลินิก ว.ก. ต่อจนหมด และกลับไปใช้ยาที่หาซื้อตามท้องตลาดเช่นเดิม
หลังจากนั้นซักพัก ขณะที่ผมกำลังเล่นเฟสบุ๊ค ก็มีโฆษณาของคลินิกหนึ่ง ชื่อคลิกนิก ธ ที่เขาโฆษณาว่ามีนวัตกรรมการรักษาสิวแบบใหม่ คือการฉายแสงรักษาสิวและฆ่าเชื้อสิว ข้อมูลคลินิกยืนยันเลยว่า การรักษาไม่ต้องกินยา สามารถรักษาได้อย่างหายขาด แล้วในวันแรกที่พบหมอ คลินิกจะมีเครื่องตรวจสภาพผิวหน้าสุดไฮเทค สามารถรู้ได้ว่าสิวจะขึ้นตรงไหนอะไรยังไง
ผมก็โอ้โหเดี๋ยวนี้มันมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ ตื่นตาตื่นใจกับการรักษาแบบใหม่สุดๆ ก็ได้ดูคลิปวีดีโอการรักษาเขา ดูแล้วน่ารักษาสุดๆ ใฝ่ฝันและกระหายอยากจะรักษาเต็มที่ ก็เลยไปบอกแม่ แต่แม่ก็บอกว่ายังก่อนไหม “บางทีอาจจะเป็นเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่ สิวก็เลยขึ้นหรือเปล่า” แต่ผมก็ไม่ละความพยายามตื๊อแม่สุดชีวิต (ทั้งที่ตอนนั้นก็รู้ว่าทางบ้านเริ่มมีปัญหาทางการเงิน แต่แม่ก็เข้าใจและจ่ายค่ารักษาให้ แงงงงง รักแม่น้ะ)
วันแรกที่ไปเป็นวันที่สดใสและเริงร่ามากสำหรับผม ในหัวมีแต่เรื่องสิวจะต้องหายไป เราจะได้หายขาดโดยไม่ต้องกินยา ปัญหาที่มีมาเนิ่นนานจะได้จบลงซักที ขอบคุณเพื่อนมนุษย์ที่คิดค้นนวัตกรรมแบบนี้มา ตอนบ่ายก็เดินทางถึงคลินิก พนักงานบริการดีมาก ประทับใจฝุดๆ ก็กรอกรายละเอียดและรอพบหมอตามปกติ พอถึงคิวรอพบหมอ ผมและแม่ก็เข้าไปด้วยกันทั้งคู่ (คุณหมอเป็นผู้หญิง) คุณหมอก็ตรวจสภาพผิวหน้าตามปกติทั่วไปโดยไม่มีเครื่องตรวจ!
ผมก็เอะใจ เอ... ทำไมในคลิปการรักษาเขามันมีเครื่องตรวจนี่นา ทำไมไม่ตรวจหว่า ทันใดนั้นเอง คุณหมอก็เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มนึงขึ้นมา ตอนแรกผมก็นึกว่าจะซักถามประวัติการรักษาหรือการใช้ยา แต่เปล่า... มันคือแฟ้มขายคอร์ส หมอเขาก็เปิดไปคอร์สที่ผมจะรักษา แล้วก็บอกค่าใช้จ่ายเสร็จสรรพ พร้อมรายละเอียดการรักษา ผมกับแม่ก็ตกลงกันว่า โอเคเราลงคอร์สนี้ที่มีการฉายแสงรักษาสิวและฆ่าเชื้อสิว เป็นเงินเท่านี้ๆ รักษา 5 ครั้งแถม 1 ถ้าจ่ายเงินสดครบวันแรกทีเดียว
เหมือนใกล้จะจบและได้รักษานะแล้วนะ แต่คุณหมอท่านเปิดแฟ้มต่อไปแล้วก็บอกว่า “ตอนนี้น้องมีปัญหาเรื่องรอยแดงด้วยนะคะ คุณหมออยากให้ลงคอร์สตัวเลเซอร์รักษารอยแดงตัวนี้ ทำ 5 ครั้งเป็นราคา X0,000 ทำ 2 สัปดาห์เว้นครั้ง ทำคู่กันกับฉายแสงได้เลยค่ะ” ผมกับแม่ก็มองหน้ากัน แม่ผมเลยบอกว่า “เอาแค่เรื่องสิวให้น้องหายก่อนจะดีกว่าไหมคะคุณหมอ เพราะถ้าสิวน้องยังไม่หายแม่ว่าเดี๋ยวก็ต้องกลับมารักษารอยแดงกันอีกหรือเปล่าคะ”
คุณหมอท่านเริ่มมีอารมณ์และชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดว่า “หายสิคะ ตัวฉายแสงส่วนใหญ่แล้วเค้าทำกัน 5 ครั้งก็หายแล้วค่ะ ส่วนตัวรอยแดงสามารถทำควบคู่กันไปได้เลย เพราผิวหนังเราจะได้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา และจะไปช่วยไปควบคุม บลาๆๆๆ” มากมาย ผมก็จำไม่ได้แต่ฟังแล้วดูสรรพคุณล้นเหลือแทบจะรักษาทุกปัญหาผิวหน้า แม่ผมก็ปฎิเสธหมอ หมอก็อธิบายอีกบลาๆๆๆ แม่ผมก็เลยถามกลับไปว่า “แล้วถ้าซื้อคู่กันแบบที่คุณหมอแนะนำคือจะมีโปรโมชั่นแถมจำนวนครั้งหรืออะไรไหมคะ” หมอก็บอก “ไม่มีค่ะ แต่ถ้าลงคอร์ส 2 ตัวนี้คู่กันจะดีมากๆ เพราะมันจะไปช่วยให้การทำงานของบลาๆๆๆๆ”
คือในตอนนั้นผมนั่งฟังเหมือนหมอจะขายคอร์สตัวนี้ให้ได้ ผมก็คล้อยตามหมอจากตอนแรกที่อยากรักษาสิวอย่างเดียว จนกลายเป็นอยากรักษาไอ้เลเซอร์รอยแดงนี่ด้วย แต่พอแม่ปฎิเสธ หมอก็เกิดอารมณ์และการเจรจารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแม่ผมบอกผมว่า “งั้นเดี๋ยวต้องคุยกับพ่อของน้องค่ะ ตอนนี้คุณแม่มีไม่เงิน มีเงินพอแค่รักษาคอร์สเดียว” คุณหมอถึงหยุด และก็ให้เซ็นชื่อลงคอร์สและให้กลับออกไปรอหน้าห้อง
รอได้ไม่นาน พี่พนักงานก็เรียกไปให้คุณหมอฉีดสิว ใบหน้าคุณหมอท่านหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเจน กลับมาที่การรักษานะ ฉีดสิวเสร็จปุ๊ป ไปกดสิวต่อโดยพี่พนักงาน เสร็จแล้วก็มาส์กสิว แล้วจึงฉายแสงฆ่าเชื้อสิว 20 นาที ก่อนกลับบ้าน พี่พนักงานก็เรียกรับยา มีเจลล้างหน้า ยาทา ยากิน เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ข้อมูลการรักษาที่เราดูมามันไม่ต้องกินยาไม่ใช่เหรอ? ผมก็ถามพี่เขาว่า การรักษาไม่ต้องใช้ยากินไม่ใช่เหรอ พี่พนักงานก็เลยบอกว่า “คุณหมอให้ทานยาแก้อักเสบด้วยค่ะ อาการจะได้ทุเลาขึ้น สิวจะได้หายไวๆ ” ผมก็ได้แต่พยักหน้า รับมาและทำตามการรักษาอย่างเคร่งครัด (จ่ายเงินเขาไปแล้วนี่นา ทำไรไม่ได้)
** เดี๋ยวมาต่อ... อย่าเพิ่งเบื่อกับเรียงความของผมนะครับ 555 **