สวัสดีจ้า คราวนี้เราสมัครพันทิปของตัวเองแล้วจ้า ขอเริ่มเล่าใหม่เลยนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาจาก กท.นี้นะ http://pantip.com/topic/33903355
*แก้ไขข้อความตรงภาษาฟิลิปปินจ้า เข้าใจผิด ^^'
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเรายืมของพี่มาตั้งกระทู้นะคะ เราไม่ค่อยชอบแชร์เรื่องของตัวเองเท่าไหร่ จะมีอ่านพันทิปบ้าง ถ้าไม่เข้าใจยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ เริ่มกันเลย ^^
ตอนนั้นเราเป็นนักศึกษาในสถานบันแห่งหนึ่งในภาคอีสานค่ะ เรามีความฝันอยากจะไปเมืองนอก แต่ก็ทำได้เพียงแค่หาข้อมูลอ่านเล่นๆ ไปวันๆ เพราะเรารู้ว่าแม่เราไม่มีเงินให้เราไป ฉะนั้นเรารู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องการไปเมืองนอกนั้น มันคงเป็นไปได้ยากสำหรับเรา จนวันนึง มีทุนจากแฟนของอาจารย์ (เป็นฝรั่ง) มอบทุนให้นศ.เรียนดี ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับเรามากๆ ในตอนนั้น ซึ่งประเทศในความฝันเด็กบ้านนอกอย่างเราคือ อเมริกา (คือเป้าหมายหลักไง555) แต่ช้าก่อน.... พออ่านข้อมูลไปๆมาๆ นี่มันให้ไปในแถบประเทศอาเซียนนี่นา ....เอิ่ม.... สตั้น 8 วิจ้า เอาใหม่ๆ ตั้งสติอ่านดีๆ ซิ มีประเทศอะไรบ้าง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร และไม่เพียงแค่นั้นนะ เราต้องได้เรียนภาษาท้องถิ่นเขาด้วยก่อนไป ...โมเม้นตอนนั้น คิดว่า นี่ตูหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าว่ะ ลำพังแค่ภาษาอังกฤษยังอ้อนแอ้นๆ ไหนจะต้องเผื่อสมองมาเรียนภาษาท้องถิ่นอีก ขอเก็บข้อมูลไปบอกแม่อีกนิดนึง อินโด=ภาษาบาฮาซา, ฟิลิปปิน=ภาษาตากาลอกและ สิงคโปร์=ภาษาจีน แบบว่า...ที่ไล่ๆมานั้น ฉันไม่รู้จักเลยจ้า ยกเว้นภาษาจีน งั้นเราเลือกอันนี้แหล่ะ สิงคโปร์... ประเทศที่ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตา หลังจากที่ได้รับการคอนเฟิร์มจากอาจารย์เป็นแน่แท้แล้วว่า เรามีสิทธิเข้าสอบชิงทุน เราก็เตรียมความพร้อมอย่างดีในการสอบและสัมภาษณ์ และหลังจากประกาศผล แท๊นแทน... ติดด้วย!! โอ้มายก๊อชช!! อันที่จริงขอบคุณคะแนนจากประวัติการศึกษาที่ผ่านมาของตัวเองด้วย ขอบคุณตัวเราเองที่ตอนนั้นไม่โดดเรียนอังกฤษ เราจึงไม่โง่ไปมากกว่านี้ ToT เราได้ไปแล้ว เย้ๆๆๆๆ
ระยะเวลาทั้งหมด 1 ปี ในการใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์ ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนฟอร์มไทยแลนด์ เนื่องจากนี่คือทุนฟรี ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน ยันข้าวทุกจาน ฉะนั้น สถานที่ที่จะได้ไป มันคงจะสวยหรูปูพรมแบบที่เราคิดไม่ได้แน่นอน (ใจอยู่ที่เมกาอยู่เลย) หลังจากที่เรียนปรับภาษาอังกฤษ และพื้นฐานจีน (คือภาษาจีนใช้ตอนคุยกับเพื่อนและอาจารย์ที่ปรึกษา) อยู่ราวเดือนกว่าๆ ช่วงเวลาที่เรารอค่อยก็มาถึง แต่เพื่อนร่วมทางจากสถาบันเดียวกันมี 2 คน ชาย1คน หญิง1คน (สมมุติผู้ชายชื่อว่าบอม และน้องผู้หญิงชื่อเค้ก) เราเคยเรียนชมรมเดียวกันกับบอม รู้จักกันมาก่อนค่อนข้างง่ายต่อการผูกมิตร แต่น้องเค้กนางแลดูจะโลกส่วนตัวสูง(กว่าเรา) ฉะนั้น เราสนิทสนมนี้คงใช้เวลานานหน่อย ไม่เป็นไรค่ะ ^^ ที่น่าตื่นเต้นคือ ฉันได้ไปเมืองนอกแล้วโว้ย!!
ทันทีที่ถึงสนามบินที่สิงโปร์ มีครูที่ปรึกษาชื่อครูผิง และนักเรียนที่จะเป็นบัดดี้เราอีก 3 คน (แต่ละคนเรียนคนละสาขา และจะได้เรียนคนละห้อง) เราและบอมเรียนสาขาเดียวกัน ได้อยู่ที่ college 3 เหมือนกัน ส่วนน้องเค้กเรียนคนละสาขาเรียนที่ college 1 (มีทั้งหมด 3 college....อ่านๆมา ใครที่อยู่สิงคโปรคงจะรู้แล้วว่าที่ไหน) วินาทีแรกที่เห็นบัดดี้ของตัวเอง เราขอให้เป็นคนนี้แหล่ะ แล้วก็ใช่ นางกอดเราด้วยแฮะ(โดนกอดแค่คนเดียวด้วยนะ) นางเป็นคนผมยาวสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีน้ำผึ้ง หน้าตาทางเอเชีย นางแต่งตัวไปทางฮิสเตอร์จ๋ามาก (แต่งหน้าอารมณ์แบบรีฮันน่า) บัดดี้ของบอมเป็นผู้ชาย ดูเนิร์ดมากๆ และบัดดี้ของน้องเค้กหน้าตาแบบแขก ผมยาว คิ้วหน้ายิ้ม 555 หลักจากที่คุยกันพอเป็นพิธี ครูผิงได้ไปส่งน้องเค้กก่อน เพราะเป็น college ที่ใกล้สนามบิน ส่วนเรากับบอมได้ไปพักที่ college 2 ใจกลางเมืองจ้า เพราะว่าที่พักที่ college 3 ไม่ดีเท่าไหร่ เลยได้เทียวไปกลับเอา
วันแรกเป็นวันแห่งการพักผ่อนจ้า และตอนนี้เป็นปิดเทอมของนักเรียนที่นี่ college ค่อนข้างเงียบ แต่ก็มีนักเรียนมาทำกิจกรรมอยู่บ้าง ตอนเรากับบอมเดินเข้าไป ทั้งกระเป๋าลาก ทั้งเป้ อารมณ์เหมือนคนอพยพ คนมองตรึมจ้า 555 ที่นี่สวยมาก เป็นระเบียบ college เดียวมีสถานที่ทุกอย่างพร้อมสำหรับนักเรียน ทั้งสนามกีฬา บาส ฟุตบอล ว่ายน้ำ ยิม ฯลฯ ทุกอย่างแบ่งออกเป็นตึกใครตึกมัน พอเรามาถึงหอ ถึงกับอ้าปากค้างอ่ะ... มีหลายชั้นมาก (จำไม่ได้ว่ากี่ชั้น แฮ่ๆ) แต่ละชั้นมีห้องนอนไม่ต่ำกว่า 4 ห้อง พร้อมกับมุมอ่านหนังสือ ทำการบ้าน มุมบันเทิง มีทีวีอัจฉริยะ พร้อม X-BOX มุมครัว ที่มีครบตั้งแต่จานช้อนซ้อมยันไมโครเวฟ ห้องน้ำที่โคตรสะอาด เครื่องซักผ้าและเครื่องอบแห้ง ทุกอย่างวันเดอร์ฟูลมากๆ เรากับบอมได้พักห้องสุดท้าย ซึ่งใกล้กับห้องครัว ตอนแรกเราแปลกใจมาก คือ... ให้นอนด้วยกันได้ไงฟระ คิดภาษาว่า ห้องนอนแบบโรงแรม แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่พิเศษไปกว่าที่เราคิดนั้นคือ ใน 1 ห้อง มีทั้งหมด 6 เตียง ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นบล็อกใครบล็อกอย่างเป็นสัดส่วน ในบล็อกส่วนตัวนั้น มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เล็กๆใส่หนังสือ ลิ้นชักเก็บของส่วนตัวใต้เตียง ตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่มากๆ ขนาดจุคน 10 คน มีเก้าอี้ปรับเอนหลังได้ ซึ่ง ห้องนอน 1 ห้อง มันใหญ่มากๆ เอาตรงๆ ใหญ่กว่าบ้านเราอีก มีต้นไม้ มีห้องโถง (ในห้องนอนนะ) มีมุมล้างหน้าแปรงฟัน (อาบน้ำต้องไปห้องน้ำ) มีมุมกระจกให้แต่งตัว มีมุมกระจกให้เห็นวิวรอบๆ พื้นไม้อย่างดี ตกแต่งสวยมาก กิจกรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเราคือการถ่ายรูปจ้า พอถ่ายรูปหนำใจแล้ว มีนัดเดินชม college กับบัดดี้ทั้งสองคน
พอถึงเวลานัดเราก็พบกับบัดดี้ของเรา นางชื่อว่า เจ และบัดดี้ของบอมชื่อ โจว โดยรวม สองคนนี้ก็ดูน่ารักดี เหมือนเขาจะเรียนคนละห้องมั้ง แต่ก็ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน ที่สำคัญเขาทั้งสองพูดภาษาจีนกันอย่างเมามันจ้า บอกเลยว่าที่เรียนๆมา ดูเป็นขี้เล็บเขาไปในทันที พวกเราเดินเล่นคุยกันไปเรื่อย แนะนำมุมต่างๆใน college (แม้จะไม่ได้เรียนที่นี่ก็เถอะ) และแล้วการกระชับมิตรก็มาถึง เมื่อเราแลกไอจีกับเจ เราก็พบว่า นางเป็นคนดังเอามากๆในโลกโซเชียล ยอดไลค์มีทะลุพันจ้า ส่วนโจวเป็นลูกคุณหนู ติ๋มๆงิ๋มๆ เด็กเรียนสุดๆ พูดอะไรไปเขาจะทำหน้าตาแบบ.. เห้ยจริงเหรอ (ตื่นเต้นมากไรงี้) ชอบยิ้มแบบอายๆ ที่สำคัญ นางแทบไม่แตะโซเชียลเลย...
ตอนเย็น ครูผิงมารับเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีนแห่งนึง ในร้านเสียงดังใช้ได้ ลักษณะการเสิร์ฟนี่เฉพาะตัวเลยละ คล้ายๆกับร่อนจานให้แขกอะไรประมาณนั้น ไม่เป็นไร ก็ดูแปลกๆดี เราไม่เคยกินอาหารจีนที่ร้านมาก่อน ก็ได้แต่นั่งเงียบค่ะ กลัวปล่อยไก่ 555 บอมชอบพูดเล่นเป็นคำเกรียนๆขึ้นมา เช่นตอนที่พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ แล้ววางจานแรงมากๆ นางก็พูดเป็นภาษาไทยประมาณว่า "วางแรงทำเห้อะไรครัชป้า" แล้วเรา 3 คนก็จะหัวเราะกันเอง 555 หลังจากการกินข้าวมื้อแรกที่สิงคโปรเสร็จแล้ว ครูผิงก็มอบกระเป๋า ที่ดูเหมือนกระสอบมาให้พวกเราทั้ง 3 คน ก่อนที่จะไปส่งเราที่ college ดังเดิม น้องเค้กผู้น่าสงสาร ได้บัดดี้ไปนอนเป็นเพื่อน เนื่องจากอยู่ตัวคนเดียว (เรานักศึกษาเป็นนักศึกษาเซ็ทแรก และจะมีตามมาอีกตอนเปิดเทอมจากสถาบันอื่น) พอถึงห้องนอน เราได้ทำการแบ่งโซนกับบอม ฉันครอบครองฝั่งนี้ แกฝั่งนั้น ทีวีมีชั้นละ 2 เครื่อง (มี2มุม) ก็แบ่งกัน และหลังจากนั้นเราก็ทำการสำรวจของที่ได้มาจากมิสผิงกัน ได้แก่ ซิมการ์ดของสิงคโปร์ คีการ์ดนักเรียน บัตรส่วนลดBTS บัตรบัตเจทซื้ออาหารที่แคนทีน นามบัตรครูผิง และบัตรเข้าชมการแสดงของนักเรียน และยังมีชุดนักเรียน เป็นชุดแซคสีดำ(สั้นเหนือหัวเข่าเลยอ่ะ ToT) 3ชุด ชุดพละ1ชุด และเสื้อเชิตกับกระโปรงทรงเอ อีก 1 ชุด ส่วนรองเท้าเป็นแบบไหนก็ได้ขอแค่เป็นสีดำ คือแบบ.. ตายแล้วไง เรามาแค่ส้นสูง ผ้าใบสีแดง และรองเท้าแตะ แต่ชุดมันไม่แมชกับรองเท้าเลย คงต้องได้ซื้อใหม่ใช่มั้ยค๊า??
ผ่านไป 1 สัปดาห์ เรามีบัตเจทเดือนนี้ แค่ 5000 บาท และเดือนต่อไป ต้องจ่ายค่าอาหารเย็นและซื้อของอื่นๆเอง ในขณะที่วันพรุ่งนี้เป็นวันเปิดเรียน เราก็ยังไม่ได้ซื้อรองเท้า เนื่องจากว่า ครูผิงบอกว่า ห้ามไปไหนจนกว่าจะเปิดเทอม (ไปมาแค่ถ่ายรูปกับสิงโตพ้นน้ำ เพราะแกจะรอให้เราไปกับเพื่อนในห้อง) เรากับบอมก็เซย์เยส งั้นก็เล่นยิมใน college ไปพลางๆแล้วกัน ดีที่กับข้าวทุกมื้อตอนปิดเทอมนี้กินฟรีตลอด เพราะมีกับข้าวมาส่งให้ที่ชั้นทุกวัน อากาศที่นี่ร้อนพอๆกับเมืองไทยจ้า แค่เหมือนเมืองไทยอีก 30-50 ปีข้างหน้า เพราะหน้าตาก็เหมือนๆกับคนไทยเลย เพียงแค่บ้านเมืองเขาสวยงามเป็นระเบียบแค่นั้นเอง (เอาแค่ในเมืองนะไม่รวมย่านอื่นๆ) ใจจริงเราอยากจะว่ายน้ำใจจะขาด แต่กฎของสระน้ำคือ ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ซึ่งเดี๊ยนไม่ได้เอามาค่ะ เงิบมั๊ยละ 555 ใครจะรู้ว่ามันจะได้ว่ายน้ำฟระ
บรรยากาศของการเปิดเทอมวันแรก เจและโจวมารับเราแต่เช้าที่ห้อง และพาไปขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ college 3 ตลอดทางรู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองเป็นดาราเลยอ่ะ มีคนมองเรากับบอมตั้งแต่เดินออกจากหอยันหน้า college อาจเป็นเพราะรองเท้าผ้าใบสีแดงก็เป็นได้ พอถึง college 3 บัดดี้พาเราไปส่งที่ห้อง ผอ. ก็คุยกับ ผอ. เพื่อเป็นการต้อนรับเล็กน้อย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้องเรียน เจพาเราไปที่ล็อกเกอร์ที่ยิม และไปรับสมุดหนังสือตารางเรียน (โง่ตรงที่ว่าเอากระเป๋าย่ามไป คงได้แบกหนังสือกลับ) ก่อนที่จะพาเราเข้าห้องเรียน ....คาบแรก เหมือนจะโฮมรูม และแนะนำเพื่อนใหม่ (เราเอง) ทุกคนหน้านื่งมากแบบ.. จะทำหน้าตื่นเต้นหน่อยไม่ได้เหรอ ?? พอเราแนะนำตัวเสร็จ มันเล่นหันไปซุบซิบกันหมดห้อง เอ้า! พูดไรผิดวะ? เจที่นั่งโต๊ะข้างๆก็เชียร์เราเติมที่ ขอบคุณมากจ้ะ น่ารักจริงๆแม่คนดัง ^^'
ตอนเที่ยง มีกิจกรรมต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยน และเราจะได้เจอกับเด็กที่เหลืออีก 7 คน โดยห้องเราทั้งห้อง เป็นห้องตัวแทนในการตอนรับ ก็จะมีให้คุยกัน และแบ่งกลุ่มเล่นเกม ตามที่ครูผิงบอกไว้ ถึงเวลานัด เรากับเจไปสองคนแรก และได้นั่งรอ ไม่นานนัก เพื่อนๆห้องเราก็ทะยอยมาตาม และเราได้เหลือไปเห็นผู้ชายผิวสีแทนตัวสูงหุ่นดีคนนึง ซึ่งเราไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน... เอ๊ะ!! ทำไมช่วงเช้าเราไม่เห็นคนนี้นะ?? เราเลยถามเจ นางบอกว่า ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ฉลาดคนนึงในห้อง แต่ชอบโดดเรียนเป็นประจำ ไม่แปลกที่เราไม่เคยเห็นหน้าเขา เขามองเราอยู่แวบนึง ในขณะที่เรามอง (จ้อง) เขาเลยก็ว่าได้ ทรงผมเป็นทรงที่ตัดด้านข้างออก ข้างบนจะฟูๆ ยาวๆ ปากกระจับ คิ้วหน้า จมูกคม มีกล้ามหน่อยๆ แต่เราไม่ชอบแบบนี้อ่ะ ทำไมคนที่นี่ไม่เป็นมิตรเลย ไม่แม้แต่จะมองหน้า รึยิ้มให้ เวลาเขาจีบกันเขาจะจีบยังไงอ่ะ ใจร้ายไปรึเปล่า ...มองหน้าเราหน่อยสินายยยย น๊ายยยย!!!

มีต่อจ้า
เมื่อฉันเดินตกหลุมรักที่เมืองนอก (ภาคต่อ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเรายืมของพี่มาตั้งกระทู้นะคะ เราไม่ค่อยชอบแชร์เรื่องของตัวเองเท่าไหร่ จะมีอ่านพันทิปบ้าง ถ้าไม่เข้าใจยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ เริ่มกันเลย ^^
ตอนนั้นเราเป็นนักศึกษาในสถานบันแห่งหนึ่งในภาคอีสานค่ะ เรามีความฝันอยากจะไปเมืองนอก แต่ก็ทำได้เพียงแค่หาข้อมูลอ่านเล่นๆ ไปวันๆ เพราะเรารู้ว่าแม่เราไม่มีเงินให้เราไป ฉะนั้นเรารู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องการไปเมืองนอกนั้น มันคงเป็นไปได้ยากสำหรับเรา จนวันนึง มีทุนจากแฟนของอาจารย์ (เป็นฝรั่ง) มอบทุนให้นศ.เรียนดี ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับเรามากๆ ในตอนนั้น ซึ่งประเทศในความฝันเด็กบ้านนอกอย่างเราคือ อเมริกา (คือเป้าหมายหลักไง555) แต่ช้าก่อน.... พออ่านข้อมูลไปๆมาๆ นี่มันให้ไปในแถบประเทศอาเซียนนี่นา ....เอิ่ม.... สตั้น 8 วิจ้า เอาใหม่ๆ ตั้งสติอ่านดีๆ ซิ มีประเทศอะไรบ้าง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร และไม่เพียงแค่นั้นนะ เราต้องได้เรียนภาษาท้องถิ่นเขาด้วยก่อนไป ...โมเม้นตอนนั้น คิดว่า นี่ตูหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าว่ะ ลำพังแค่ภาษาอังกฤษยังอ้อนแอ้นๆ ไหนจะต้องเผื่อสมองมาเรียนภาษาท้องถิ่นอีก ขอเก็บข้อมูลไปบอกแม่อีกนิดนึง อินโด=ภาษาบาฮาซา, ฟิลิปปิน=ภาษาตากาลอกและ สิงคโปร์=ภาษาจีน แบบว่า...ที่ไล่ๆมานั้น ฉันไม่รู้จักเลยจ้า ยกเว้นภาษาจีน งั้นเราเลือกอันนี้แหล่ะ สิงคโปร์... ประเทศที่ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตา หลังจากที่ได้รับการคอนเฟิร์มจากอาจารย์เป็นแน่แท้แล้วว่า เรามีสิทธิเข้าสอบชิงทุน เราก็เตรียมความพร้อมอย่างดีในการสอบและสัมภาษณ์ และหลังจากประกาศผล แท๊นแทน... ติดด้วย!! โอ้มายก๊อชช!! อันที่จริงขอบคุณคะแนนจากประวัติการศึกษาที่ผ่านมาของตัวเองด้วย ขอบคุณตัวเราเองที่ตอนนั้นไม่โดดเรียนอังกฤษ เราจึงไม่โง่ไปมากกว่านี้ ToT เราได้ไปแล้ว เย้ๆๆๆๆ
ระยะเวลาทั้งหมด 1 ปี ในการใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์ ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนฟอร์มไทยแลนด์ เนื่องจากนี่คือทุนฟรี ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน ยันข้าวทุกจาน ฉะนั้น สถานที่ที่จะได้ไป มันคงจะสวยหรูปูพรมแบบที่เราคิดไม่ได้แน่นอน (ใจอยู่ที่เมกาอยู่เลย) หลังจากที่เรียนปรับภาษาอังกฤษ และพื้นฐานจีน (คือภาษาจีนใช้ตอนคุยกับเพื่อนและอาจารย์ที่ปรึกษา) อยู่ราวเดือนกว่าๆ ช่วงเวลาที่เรารอค่อยก็มาถึง แต่เพื่อนร่วมทางจากสถาบันเดียวกันมี 2 คน ชาย1คน หญิง1คน (สมมุติผู้ชายชื่อว่าบอม และน้องผู้หญิงชื่อเค้ก) เราเคยเรียนชมรมเดียวกันกับบอม รู้จักกันมาก่อนค่อนข้างง่ายต่อการผูกมิตร แต่น้องเค้กนางแลดูจะโลกส่วนตัวสูง(กว่าเรา) ฉะนั้น เราสนิทสนมนี้คงใช้เวลานานหน่อย ไม่เป็นไรค่ะ ^^ ที่น่าตื่นเต้นคือ ฉันได้ไปเมืองนอกแล้วโว้ย!!
ทันทีที่ถึงสนามบินที่สิงโปร์ มีครูที่ปรึกษาชื่อครูผิง และนักเรียนที่จะเป็นบัดดี้เราอีก 3 คน (แต่ละคนเรียนคนละสาขา และจะได้เรียนคนละห้อง) เราและบอมเรียนสาขาเดียวกัน ได้อยู่ที่ college 3 เหมือนกัน ส่วนน้องเค้กเรียนคนละสาขาเรียนที่ college 1 (มีทั้งหมด 3 college....อ่านๆมา ใครที่อยู่สิงคโปรคงจะรู้แล้วว่าที่ไหน) วินาทีแรกที่เห็นบัดดี้ของตัวเอง เราขอให้เป็นคนนี้แหล่ะ แล้วก็ใช่ นางกอดเราด้วยแฮะ(โดนกอดแค่คนเดียวด้วยนะ) นางเป็นคนผมยาวสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีน้ำผึ้ง หน้าตาทางเอเชีย นางแต่งตัวไปทางฮิสเตอร์จ๋ามาก (แต่งหน้าอารมณ์แบบรีฮันน่า) บัดดี้ของบอมเป็นผู้ชาย ดูเนิร์ดมากๆ และบัดดี้ของน้องเค้กหน้าตาแบบแขก ผมยาว คิ้วหน้ายิ้ม 555 หลักจากที่คุยกันพอเป็นพิธี ครูผิงได้ไปส่งน้องเค้กก่อน เพราะเป็น college ที่ใกล้สนามบิน ส่วนเรากับบอมได้ไปพักที่ college 2 ใจกลางเมืองจ้า เพราะว่าที่พักที่ college 3 ไม่ดีเท่าไหร่ เลยได้เทียวไปกลับเอา
วันแรกเป็นวันแห่งการพักผ่อนจ้า และตอนนี้เป็นปิดเทอมของนักเรียนที่นี่ college ค่อนข้างเงียบ แต่ก็มีนักเรียนมาทำกิจกรรมอยู่บ้าง ตอนเรากับบอมเดินเข้าไป ทั้งกระเป๋าลาก ทั้งเป้ อารมณ์เหมือนคนอพยพ คนมองตรึมจ้า 555 ที่นี่สวยมาก เป็นระเบียบ college เดียวมีสถานที่ทุกอย่างพร้อมสำหรับนักเรียน ทั้งสนามกีฬา บาส ฟุตบอล ว่ายน้ำ ยิม ฯลฯ ทุกอย่างแบ่งออกเป็นตึกใครตึกมัน พอเรามาถึงหอ ถึงกับอ้าปากค้างอ่ะ... มีหลายชั้นมาก (จำไม่ได้ว่ากี่ชั้น แฮ่ๆ) แต่ละชั้นมีห้องนอนไม่ต่ำกว่า 4 ห้อง พร้อมกับมุมอ่านหนังสือ ทำการบ้าน มุมบันเทิง มีทีวีอัจฉริยะ พร้อม X-BOX มุมครัว ที่มีครบตั้งแต่จานช้อนซ้อมยันไมโครเวฟ ห้องน้ำที่โคตรสะอาด เครื่องซักผ้าและเครื่องอบแห้ง ทุกอย่างวันเดอร์ฟูลมากๆ เรากับบอมได้พักห้องสุดท้าย ซึ่งใกล้กับห้องครัว ตอนแรกเราแปลกใจมาก คือ... ให้นอนด้วยกันได้ไงฟระ คิดภาษาว่า ห้องนอนแบบโรงแรม แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่พิเศษไปกว่าที่เราคิดนั้นคือ ใน 1 ห้อง มีทั้งหมด 6 เตียง ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นบล็อกใครบล็อกอย่างเป็นสัดส่วน ในบล็อกส่วนตัวนั้น มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เล็กๆใส่หนังสือ ลิ้นชักเก็บของส่วนตัวใต้เตียง ตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่มากๆ ขนาดจุคน 10 คน มีเก้าอี้ปรับเอนหลังได้ ซึ่ง ห้องนอน 1 ห้อง มันใหญ่มากๆ เอาตรงๆ ใหญ่กว่าบ้านเราอีก มีต้นไม้ มีห้องโถง (ในห้องนอนนะ) มีมุมล้างหน้าแปรงฟัน (อาบน้ำต้องไปห้องน้ำ) มีมุมกระจกให้แต่งตัว มีมุมกระจกให้เห็นวิวรอบๆ พื้นไม้อย่างดี ตกแต่งสวยมาก กิจกรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเราคือการถ่ายรูปจ้า พอถ่ายรูปหนำใจแล้ว มีนัดเดินชม college กับบัดดี้ทั้งสองคน
พอถึงเวลานัดเราก็พบกับบัดดี้ของเรา นางชื่อว่า เจ และบัดดี้ของบอมชื่อ โจว โดยรวม สองคนนี้ก็ดูน่ารักดี เหมือนเขาจะเรียนคนละห้องมั้ง แต่ก็ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน ที่สำคัญเขาทั้งสองพูดภาษาจีนกันอย่างเมามันจ้า บอกเลยว่าที่เรียนๆมา ดูเป็นขี้เล็บเขาไปในทันที พวกเราเดินเล่นคุยกันไปเรื่อย แนะนำมุมต่างๆใน college (แม้จะไม่ได้เรียนที่นี่ก็เถอะ) และแล้วการกระชับมิตรก็มาถึง เมื่อเราแลกไอจีกับเจ เราก็พบว่า นางเป็นคนดังเอามากๆในโลกโซเชียล ยอดไลค์มีทะลุพันจ้า ส่วนโจวเป็นลูกคุณหนู ติ๋มๆงิ๋มๆ เด็กเรียนสุดๆ พูดอะไรไปเขาจะทำหน้าตาแบบ.. เห้ยจริงเหรอ (ตื่นเต้นมากไรงี้) ชอบยิ้มแบบอายๆ ที่สำคัญ นางแทบไม่แตะโซเชียลเลย...
ตอนเย็น ครูผิงมารับเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีนแห่งนึง ในร้านเสียงดังใช้ได้ ลักษณะการเสิร์ฟนี่เฉพาะตัวเลยละ คล้ายๆกับร่อนจานให้แขกอะไรประมาณนั้น ไม่เป็นไร ก็ดูแปลกๆดี เราไม่เคยกินอาหารจีนที่ร้านมาก่อน ก็ได้แต่นั่งเงียบค่ะ กลัวปล่อยไก่ 555 บอมชอบพูดเล่นเป็นคำเกรียนๆขึ้นมา เช่นตอนที่พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ แล้ววางจานแรงมากๆ นางก็พูดเป็นภาษาไทยประมาณว่า "วางแรงทำเห้อะไรครัชป้า" แล้วเรา 3 คนก็จะหัวเราะกันเอง 555 หลังจากการกินข้าวมื้อแรกที่สิงคโปรเสร็จแล้ว ครูผิงก็มอบกระเป๋า ที่ดูเหมือนกระสอบมาให้พวกเราทั้ง 3 คน ก่อนที่จะไปส่งเราที่ college ดังเดิม น้องเค้กผู้น่าสงสาร ได้บัดดี้ไปนอนเป็นเพื่อน เนื่องจากอยู่ตัวคนเดียว (เรานักศึกษาเป็นนักศึกษาเซ็ทแรก และจะมีตามมาอีกตอนเปิดเทอมจากสถาบันอื่น) พอถึงห้องนอน เราได้ทำการแบ่งโซนกับบอม ฉันครอบครองฝั่งนี้ แกฝั่งนั้น ทีวีมีชั้นละ 2 เครื่อง (มี2มุม) ก็แบ่งกัน และหลังจากนั้นเราก็ทำการสำรวจของที่ได้มาจากมิสผิงกัน ได้แก่ ซิมการ์ดของสิงคโปร์ คีการ์ดนักเรียน บัตรส่วนลดBTS บัตรบัตเจทซื้ออาหารที่แคนทีน นามบัตรครูผิง และบัตรเข้าชมการแสดงของนักเรียน และยังมีชุดนักเรียน เป็นชุดแซคสีดำ(สั้นเหนือหัวเข่าเลยอ่ะ ToT) 3ชุด ชุดพละ1ชุด และเสื้อเชิตกับกระโปรงทรงเอ อีก 1 ชุด ส่วนรองเท้าเป็นแบบไหนก็ได้ขอแค่เป็นสีดำ คือแบบ.. ตายแล้วไง เรามาแค่ส้นสูง ผ้าใบสีแดง และรองเท้าแตะ แต่ชุดมันไม่แมชกับรองเท้าเลย คงต้องได้ซื้อใหม่ใช่มั้ยค๊า??
ผ่านไป 1 สัปดาห์ เรามีบัตเจทเดือนนี้ แค่ 5000 บาท และเดือนต่อไป ต้องจ่ายค่าอาหารเย็นและซื้อของอื่นๆเอง ในขณะที่วันพรุ่งนี้เป็นวันเปิดเรียน เราก็ยังไม่ได้ซื้อรองเท้า เนื่องจากว่า ครูผิงบอกว่า ห้ามไปไหนจนกว่าจะเปิดเทอม (ไปมาแค่ถ่ายรูปกับสิงโตพ้นน้ำ เพราะแกจะรอให้เราไปกับเพื่อนในห้อง) เรากับบอมก็เซย์เยส งั้นก็เล่นยิมใน college ไปพลางๆแล้วกัน ดีที่กับข้าวทุกมื้อตอนปิดเทอมนี้กินฟรีตลอด เพราะมีกับข้าวมาส่งให้ที่ชั้นทุกวัน อากาศที่นี่ร้อนพอๆกับเมืองไทยจ้า แค่เหมือนเมืองไทยอีก 30-50 ปีข้างหน้า เพราะหน้าตาก็เหมือนๆกับคนไทยเลย เพียงแค่บ้านเมืองเขาสวยงามเป็นระเบียบแค่นั้นเอง (เอาแค่ในเมืองนะไม่รวมย่านอื่นๆ) ใจจริงเราอยากจะว่ายน้ำใจจะขาด แต่กฎของสระน้ำคือ ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ซึ่งเดี๊ยนไม่ได้เอามาค่ะ เงิบมั๊ยละ 555 ใครจะรู้ว่ามันจะได้ว่ายน้ำฟระ
บรรยากาศของการเปิดเทอมวันแรก เจและโจวมารับเราแต่เช้าที่ห้อง และพาไปขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ college 3 ตลอดทางรู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองเป็นดาราเลยอ่ะ มีคนมองเรากับบอมตั้งแต่เดินออกจากหอยันหน้า college อาจเป็นเพราะรองเท้าผ้าใบสีแดงก็เป็นได้ พอถึง college 3 บัดดี้พาเราไปส่งที่ห้อง ผอ. ก็คุยกับ ผอ. เพื่อเป็นการต้อนรับเล็กน้อย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้องเรียน เจพาเราไปที่ล็อกเกอร์ที่ยิม และไปรับสมุดหนังสือตารางเรียน (โง่ตรงที่ว่าเอากระเป๋าย่ามไป คงได้แบกหนังสือกลับ) ก่อนที่จะพาเราเข้าห้องเรียน ....คาบแรก เหมือนจะโฮมรูม และแนะนำเพื่อนใหม่ (เราเอง) ทุกคนหน้านื่งมากแบบ.. จะทำหน้าตื่นเต้นหน่อยไม่ได้เหรอ ?? พอเราแนะนำตัวเสร็จ มันเล่นหันไปซุบซิบกันหมดห้อง เอ้า! พูดไรผิดวะ? เจที่นั่งโต๊ะข้างๆก็เชียร์เราเติมที่ ขอบคุณมากจ้ะ น่ารักจริงๆแม่คนดัง ^^'
ตอนเที่ยง มีกิจกรรมต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยน และเราจะได้เจอกับเด็กที่เหลืออีก 7 คน โดยห้องเราทั้งห้อง เป็นห้องตัวแทนในการตอนรับ ก็จะมีให้คุยกัน และแบ่งกลุ่มเล่นเกม ตามที่ครูผิงบอกไว้ ถึงเวลานัด เรากับเจไปสองคนแรก และได้นั่งรอ ไม่นานนัก เพื่อนๆห้องเราก็ทะยอยมาตาม และเราได้เหลือไปเห็นผู้ชายผิวสีแทนตัวสูงหุ่นดีคนนึง ซึ่งเราไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน... เอ๊ะ!! ทำไมช่วงเช้าเราไม่เห็นคนนี้นะ?? เราเลยถามเจ นางบอกว่า ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ฉลาดคนนึงในห้อง แต่ชอบโดดเรียนเป็นประจำ ไม่แปลกที่เราไม่เคยเห็นหน้าเขา เขามองเราอยู่แวบนึง ในขณะที่เรามอง (จ้อง) เขาเลยก็ว่าได้ ทรงผมเป็นทรงที่ตัดด้านข้างออก ข้างบนจะฟูๆ ยาวๆ ปากกระจับ คิ้วหน้า จมูกคม มีกล้ามหน่อยๆ แต่เราไม่ชอบแบบนี้อ่ะ ทำไมคนที่นี่ไม่เป็นมิตรเลย ไม่แม้แต่จะมองหน้า รึยิ้มให้ เวลาเขาจีบกันเขาจะจีบยังไงอ่ะ ใจร้ายไปรึเปล่า ...มองหน้าเราหน่อยสินายยยย น๊ายยยย!!!
มีต่อจ้า