สวัสดีเจ้า ข้าเจ้าเป็นสาวเชียงใหม่ แบกเป้เที่ยวใกล้ไกล ไปคนเดียว มาหลายที่ ก่อนจะไปก็หาข้อมูลจากริวิวในพันทิป แต่ไม่เคยเขียนรีวิว คิดว่าเมื่อเราได้ประโยชน์จากการค้นหาข้อมูลมากมายจากพันทิป ก็เลยอยากจะเขียนรีวิวไว้เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่อยากเดินทางท่องเที่ยวจากเชียงใหม่ไปหัวหิน ด้วยตัวเอง
สัญญากับตัวเองไว้ว่าทุกๆ 3 เดือน จะต้องแบกเป้พักใจ ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในเมืองไทย และจะต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เมื่อ เม.ย.58 ไปวังเวียง ประเทศลาวมา สนุกมากๆ ครั้งนี้ไป หัวหินมาเมื่อ 7-8 ก.ค.58 เพราะเห็นรีวิวจากพันทิป นี่แหละค่ะ ก็เลยตัดสินใจ พักใจที่หัวหินก็แล้วกัน
โชคดีที่เชียงใหม่มีรถตรงไปหัวหิน ของ
สมบัติทัวร์ ซึ่งมีทั้งไปและกลับ ก็สามารถซื้อได้โดยตรงที่เคาน์เตอร์สมบัติทัวร์ อาเขต2 หรือจะจ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสก็ได้ จากนั้นขึ้นรถที่อาเขต 3 จขกท เลือกเที่ยวเดียวเฉพาะเที่ยวไป ตั้งใจอยากจะให้เช้าที่หัวหินแล้วได้เที่ยวเลย เพราะเวลาเที่ยวเรามีจำกัด ส่วนขากลับเลือกที่จะนั่งรถตู้จากหัวหิน - สนามบินดอนเมือง แล้วก็นั่งเครื่องของ Lion Air กลับเชียงใหม่ค่ะ
เป็นรถ Supreme ราคา 1084 บาท รอบ 1 ทุ่ม มีผ้าห่ม ห้องน้ำ เบาะนวด เอนหลับได้สบาย มีขนม เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ผ้าเย็น และแวะให้รับประทานอาหาร 1 ครั้งเวลาประมาณ เที่ยงคืน ก็ในระหว่างนั้นไม่ต้องซื้ออาหารอะไรเลยค่ะ อิ่มมาก
จขกท เดินทางคนเดียว เลยเลือกนั่งเก้าอี้เดี่ยว มีจอส่วนตัวด้วยนะ มีหูฟังให้ มีภาพยนตร์ เพลง เกมส์ ทีวี วิทยุ แผนที่ ให้ดูแบบสบายๆ และมีที่เสียบสาย USB สำหรับชาร์ตแบตโทรศัพท์อีกด้วย ก็ให้คะแนนสมบัติทัวร์ทริปนี้เต็ม 10 เลยค่ะ
เวลา 07.15 ก็ถึงสถานีขนส่ง อ.หัวหิน (หัวหิน ซ.96) จากนั้นก็ต้องหาเช่ามอเตอร์ไซด์สักคัน ก็เลยถือโอกาสเดินชมเมืองหัวหินไปด้วย ก็เดินจาก หัวหิน ซ 96 ไปยัง หัวหิน ซ 80 เดินเพื่อที่จะไปซื้อตั๋วรถตู้กลับดอนเมืองในวันพรุ่งนี้ ระยะทางการเดินประมาณ 2 ก.ม. อากาศร้อนแต่เช้า แต่สนุกดีเดินผ่านโรงเรียน ร้านค้า สังเกตบ้านเมืองไปก็ลืมเหนื่อย ถ้าไม่อยากเดินก็มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่ตลอดทางค่ะ
ตั๋วรถตู้กลับดอนเมือง จะขายอยู่ทั่วเมืองหัวหิน สามารถซื้อแล้วเดินทางได้เลย หรือจะซื้อไว้ก่อนก็ได้ รถจะออกทุกครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าจะตาม จขกท ก็มาตั้งหลักที่หัวหิน ซ.80 วินรถตู้จะอยู่ตรงข้าม เยื้องๆ ธ.กรุงไทย จะมีรถตู้จอดรออยู่ ราคา หัวหิน-สนามบินดอนเมือง 200 บาท หรือจะโทรสอบถาม ตามเบอร์โทรบนตั๋วได้เลยค่ะ คนขายจะบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 - 4 ชม. แต่เดินทางจริงๆ เพียง 3 ช.ม.เป๊ะ อาจจะขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรของวันที่เดินทางด้วยค่ะ
ทีนี้ก็หามอเตอร์ไซด์เช่า คิดมาก่อนแล้วว่าจะต้องเช่าที่ใกล้ๆกับวินรถตู้ ก็ถามพี่ที่ขายตั๋วรถตู้ เขาก็ชี้ไปตรงร้านข้างวินรถตู้ ราคา 200-250 บาท เขายึดบัตรประชาชนเราไว้ค่ะ
ถนนสายหลักของ อ.หัวหินคือ ถ.เพชรเกษม แล้วตลอดทางของ ถ.เพชรเกษม จะมีป้ายบอกชื่อซอยไว้อย่างชัดเจน และสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆก็อยู่บน ถ.เพชรเกษม ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางค่ะ เมื่อได้มอไซด์แล้วก็จะเอาของไปเก็บไว้ที่พักก่อนแล้วค่อยเที่ยว พักที่ กรุณฮัทเกสเฮาส์ (หัวหิน ซ.55) ก็เป็นเกสเฮาส์เล็กๆ มีระเบียงติดชายหาดหัวหิน ใกล้สะพานปลา ที่จองไว้ได้ห้องพัดลม ราคา 390 บาท (ห้องแอร์ราคา 590 เต็มแล้ว) ห้องสะอาดดี มีทีวี พัดลม wifi เครื่องทำน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว และน้ำดื่มให้ 2 ขวด (ไม่มีสบู่ และ แชมพู) จุดประสงค์หลักของเราคือมาเที่ยว เพราะฉะนั้นคำว่า"ที่นอน" ก็ไม่ต้องหรูหรา ขอเพียงสะอาด ปลอดภัย เพราะต่อให้หรูหราแค่ไหน หลับตาลงก็ไม่เห็นอะไรเหมือนกันทุกที่ค่ะ
ทางเดินและพื้นจะเป็นไม้ เวลานอนตอนกลางคืนน้ำทะเลขึ้นจะได้ยินเสียงคลื่นตลอดเวลาค่ะ มีความสุข บอกไม่ถูก ที่นี่จะมีเอกลักษณ์คือระเบียงริมชายหาดผู้ที่มาพักสามารถมานั่งกินลมชมวิว หรือ ซื้ออาหารมานั่งกินก็ได้ เหมาะสำหรับพักผ่อนอย่างแท้จริง ซึ่งต่างจากที่พักที่อยู่ใกล้ๆกันซึ่งระเบียงจะเป็นร้านอาหารค่ะ
บรรยากาศหน้าที่พักก็จะเป็นถนนซอยเล็กๆ มีร้านอาหารทะเล ร้านอาหารฝรั่ง เซเว่น มีเกสเฮาส์เยอะแยะ ถัดไปอีกซอยจะเป็นตลาดสดค่ะ
09.30 น เมื่อเก็บของเข้าที่พักเสร็จแล้วก็พร้อมออกเที่ยว ทริปของวันนี้คือ วัดห้วยมงคล - เพลินวาน - เวเนเซียหัวหิน - พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
จากหัวหิน ซ.55 ไปวัดห้วยมงคลระยะทาง 16 ก.ม. แว้นสบายๆ ถนนไม่เปลี่ยว และมีป้ายบอกทางตลอดค่ะ
เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของหลวงปู่ทวดพระคู่บ้านคุ่เมืองของหัวหิน ตั้งใจว่าถ้ามาเยือนหัวหินต้องมากราบไหว้ให้ได้ค่ะ
มีให้ลอดท้องช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นก็กราบลาหลวงพ่อทวด แล้วแว้นไปเพลินวานต่อ
เพลินวาน จะตั้งอยู่บน ถ.เพชรเกษม หาง่ายมากๆ ก็คงไม่ต้องอธิบายความเป็นมา เพราะเป็นที่เที่ยวสุดฮิตของหัวหินแล้ว
ตั้งแต่กินขนมบนรถมาก็ยังไม่ได้กินอะไร ก็กินข้าวกลางวันที่นี่ เมนูตามนี้เลย
แล้วก็กาแฟอีก 1 แก้ว เดินเล่นสักครู่ก็แว้นต่อไปยัง เวเนเซียหัวหินค่ะ
สำหรับเวเนเซียหัวหิน ก็แว้นจากเพลินวานมาประมาณ 6 ก.ม. อยุ่ฝั่งเดียวกับเพลินวานค่ะ ราคาบัตรเข้าชม 100 บาท เข้าชมได้ 2 อย่าง คือ ห้องแสดงภาพวาด 3 มิติ และให้เลือกระหว่าง สวนสัตว์ กับ สวนสไตล์ยุโรปค่ะ หรือจะเลือกแพคเกจอื่นก็ได้ จนท.เข้าจะแนะนำให้ตอนเราไปซื้อบัตร
เป็นสไตล์เวนิส - ยุโรป เหมือนเราเดินอยู่เมืองนอกเลยค่ะ

จากนั้นก็แว้นไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ระยะทางจากเวเนเซียก็ประมาณ 7 ก.ม. จะอยู่ในค่ายพระราม 6 ค่าเข้าชม 30 บาท ถ้าจะขึ้นชมพระที่นั่งก็เพิ่มอีก 30 บาท เปิดเวลา 08.30 - 16.30 น. ปิดวันพุธ ค่ะ
บรรยากาศสงบ และร่มรื่นมากๆ

เป็นที่ประทับฤดูร้อนของ รัชกาลที่ 6 สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง บนที่ประทับเมื่อขึ้นไปชม ห้ามถ่ายรูป จะบอกว่าเมื่อขึ้นไปชมบนที่ประทับ จขกท ใช้เวลาที่นี่นานที่สุด เพราะดูทุกห้อง ยืนอ่านทุกป้ายที่เขาเขียนอธิบาย หลงไหลไปกับความละเอียดละออของระเบียบประเพณี ตามแบบแผนของราชสำนัก ความงดงามของพระที่นั่ง และเรื่องราวต่างๆ ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งอธิบายเป็นคำพูดคงไม่สวยงามนัก ต้องแนะนำเลยว่าถ้าขึ้นมาบนที่ประทับแล้วอยากให้ดูอย่างลึกซึ้ง ไม่อยากให้มาเดินๆ ชะโงกดู แล้วก็ผ่านไปค่ะ

หากจะขึ้นชมที่ประทับต้องถอดรองเท้าใส่ถุงผ้าแล้วถือไปด้วยนะคะ
ชอบมุมนี้ที่สุด นั่งมองและนึกถึงเรื่องราวที่ได้อ่านจากคำอธิบายจากบนที่ประทับ นั่งพักและทอดอารมณ์อยู่ตรงนานพอสมควร มุมตรงนี้สงบและลมเย็น เพลินจนเจ้าหน้าที่ต้องเดินมาเตือนว่าจะปิดแล้วจ้า
ตอนเดินกลับ จะเห็นที่ห้องทรงงานของรัชกาลที่ 6 ซึ่งหันหน้าไปทางชายหาด ช่างงดงามและมีมนต์ขลังอยู่ในความสงบจริงๆ
ดูนาฬิกาเกือบ 5 โมงเย็นแล้วหรือนี่ อากาศกำลังดี กลับที่พักและลงเล่นน้ำทะเลกันดีกว่า แต่ว่าหิวนิดๆนะ หน้าที่พักมีลูกชิ้นขายด้วย ซื้อไปนั่งกินที่ระเบียง ดูหมาวิ่งไล่กันก็มีความสุขดี แต่เห็นคู่รักจูงมือกันนี่สิ เฮ้อ น้ำตาจะไหล ไปแอบร้องไห้ใต้ทะเลดีกว่าเรา จากนั้นก็โดดน้ำทะเลคนเดียวค่ะ อย่าได้แคร์ ไม่ได้เอากล้องไปนะคะตอนเย็น นี่เป็นภาพชายหาดตอนสายๆ ค่ะ ไว้มาเล่าต่อนะคะ พึ่งเคยเขียนรีวิว ยัง งงๆ อยู่ค่ะ
[CR] สาวเชียงใหม่ แบกเป้ พักใจ ที่หัวหิน
สัญญากับตัวเองไว้ว่าทุกๆ 3 เดือน จะต้องแบกเป้พักใจ ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในเมืองไทย และจะต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เมื่อ เม.ย.58 ไปวังเวียง ประเทศลาวมา สนุกมากๆ ครั้งนี้ไป หัวหินมาเมื่อ 7-8 ก.ค.58 เพราะเห็นรีวิวจากพันทิป นี่แหละค่ะ ก็เลยตัดสินใจ พักใจที่หัวหินก็แล้วกัน
โชคดีที่เชียงใหม่มีรถตรงไปหัวหิน ของ สมบัติทัวร์ ซึ่งมีทั้งไปและกลับ ก็สามารถซื้อได้โดยตรงที่เคาน์เตอร์สมบัติทัวร์ อาเขต2 หรือจะจ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสก็ได้ จากนั้นขึ้นรถที่อาเขต 3 จขกท เลือกเที่ยวเดียวเฉพาะเที่ยวไป ตั้งใจอยากจะให้เช้าที่หัวหินแล้วได้เที่ยวเลย เพราะเวลาเที่ยวเรามีจำกัด ส่วนขากลับเลือกที่จะนั่งรถตู้จากหัวหิน - สนามบินดอนเมือง แล้วก็นั่งเครื่องของ Lion Air กลับเชียงใหม่ค่ะ
เป็นรถ Supreme ราคา 1084 บาท รอบ 1 ทุ่ม มีผ้าห่ม ห้องน้ำ เบาะนวด เอนหลับได้สบาย มีขนม เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ผ้าเย็น และแวะให้รับประทานอาหาร 1 ครั้งเวลาประมาณ เที่ยงคืน ก็ในระหว่างนั้นไม่ต้องซื้ออาหารอะไรเลยค่ะ อิ่มมาก
จขกท เดินทางคนเดียว เลยเลือกนั่งเก้าอี้เดี่ยว มีจอส่วนตัวด้วยนะ มีหูฟังให้ มีภาพยนตร์ เพลง เกมส์ ทีวี วิทยุ แผนที่ ให้ดูแบบสบายๆ และมีที่เสียบสาย USB สำหรับชาร์ตแบตโทรศัพท์อีกด้วย ก็ให้คะแนนสมบัติทัวร์ทริปนี้เต็ม 10 เลยค่ะ
เวลา 07.15 ก็ถึงสถานีขนส่ง อ.หัวหิน (หัวหิน ซ.96) จากนั้นก็ต้องหาเช่ามอเตอร์ไซด์สักคัน ก็เลยถือโอกาสเดินชมเมืองหัวหินไปด้วย ก็เดินจาก หัวหิน ซ 96 ไปยัง หัวหิน ซ 80 เดินเพื่อที่จะไปซื้อตั๋วรถตู้กลับดอนเมืองในวันพรุ่งนี้ ระยะทางการเดินประมาณ 2 ก.ม. อากาศร้อนแต่เช้า แต่สนุกดีเดินผ่านโรงเรียน ร้านค้า สังเกตบ้านเมืองไปก็ลืมเหนื่อย ถ้าไม่อยากเดินก็มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่ตลอดทางค่ะ
ตั๋วรถตู้กลับดอนเมือง จะขายอยู่ทั่วเมืองหัวหิน สามารถซื้อแล้วเดินทางได้เลย หรือจะซื้อไว้ก่อนก็ได้ รถจะออกทุกครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าจะตาม จขกท ก็มาตั้งหลักที่หัวหิน ซ.80 วินรถตู้จะอยู่ตรงข้าม เยื้องๆ ธ.กรุงไทย จะมีรถตู้จอดรออยู่ ราคา หัวหิน-สนามบินดอนเมือง 200 บาท หรือจะโทรสอบถาม ตามเบอร์โทรบนตั๋วได้เลยค่ะ คนขายจะบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 - 4 ชม. แต่เดินทางจริงๆ เพียง 3 ช.ม.เป๊ะ อาจจะขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรของวันที่เดินทางด้วยค่ะ
ทีนี้ก็หามอเตอร์ไซด์เช่า คิดมาก่อนแล้วว่าจะต้องเช่าที่ใกล้ๆกับวินรถตู้ ก็ถามพี่ที่ขายตั๋วรถตู้ เขาก็ชี้ไปตรงร้านข้างวินรถตู้ ราคา 200-250 บาท เขายึดบัตรประชาชนเราไว้ค่ะ
ถนนสายหลักของ อ.หัวหินคือ ถ.เพชรเกษม แล้วตลอดทางของ ถ.เพชรเกษม จะมีป้ายบอกชื่อซอยไว้อย่างชัดเจน และสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆก็อยู่บน ถ.เพชรเกษม ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางค่ะ เมื่อได้มอไซด์แล้วก็จะเอาของไปเก็บไว้ที่พักก่อนแล้วค่อยเที่ยว พักที่ กรุณฮัทเกสเฮาส์ (หัวหิน ซ.55) ก็เป็นเกสเฮาส์เล็กๆ มีระเบียงติดชายหาดหัวหิน ใกล้สะพานปลา ที่จองไว้ได้ห้องพัดลม ราคา 390 บาท (ห้องแอร์ราคา 590 เต็มแล้ว) ห้องสะอาดดี มีทีวี พัดลม wifi เครื่องทำน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว และน้ำดื่มให้ 2 ขวด (ไม่มีสบู่ และ แชมพู) จุดประสงค์หลักของเราคือมาเที่ยว เพราะฉะนั้นคำว่า"ที่นอน" ก็ไม่ต้องหรูหรา ขอเพียงสะอาด ปลอดภัย เพราะต่อให้หรูหราแค่ไหน หลับตาลงก็ไม่เห็นอะไรเหมือนกันทุกที่ค่ะ
ทางเดินและพื้นจะเป็นไม้ เวลานอนตอนกลางคืนน้ำทะเลขึ้นจะได้ยินเสียงคลื่นตลอดเวลาค่ะ มีความสุข บอกไม่ถูก ที่นี่จะมีเอกลักษณ์คือระเบียงริมชายหาดผู้ที่มาพักสามารถมานั่งกินลมชมวิว หรือ ซื้ออาหารมานั่งกินก็ได้ เหมาะสำหรับพักผ่อนอย่างแท้จริง ซึ่งต่างจากที่พักที่อยู่ใกล้ๆกันซึ่งระเบียงจะเป็นร้านอาหารค่ะ
บรรยากาศหน้าที่พักก็จะเป็นถนนซอยเล็กๆ มีร้านอาหารทะเล ร้านอาหารฝรั่ง เซเว่น มีเกสเฮาส์เยอะแยะ ถัดไปอีกซอยจะเป็นตลาดสดค่ะ
09.30 น เมื่อเก็บของเข้าที่พักเสร็จแล้วก็พร้อมออกเที่ยว ทริปของวันนี้คือ วัดห้วยมงคล - เพลินวาน - เวเนเซียหัวหิน - พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
จากหัวหิน ซ.55 ไปวัดห้วยมงคลระยะทาง 16 ก.ม. แว้นสบายๆ ถนนไม่เปลี่ยว และมีป้ายบอกทางตลอดค่ะ
เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของหลวงปู่ทวดพระคู่บ้านคุ่เมืองของหัวหิน ตั้งใจว่าถ้ามาเยือนหัวหินต้องมากราบไหว้ให้ได้ค่ะ
มีให้ลอดท้องช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นก็กราบลาหลวงพ่อทวด แล้วแว้นไปเพลินวานต่อ
เพลินวาน จะตั้งอยู่บน ถ.เพชรเกษม หาง่ายมากๆ ก็คงไม่ต้องอธิบายความเป็นมา เพราะเป็นที่เที่ยวสุดฮิตของหัวหินแล้ว
ตั้งแต่กินขนมบนรถมาก็ยังไม่ได้กินอะไร ก็กินข้าวกลางวันที่นี่ เมนูตามนี้เลย
แล้วก็กาแฟอีก 1 แก้ว เดินเล่นสักครู่ก็แว้นต่อไปยัง เวเนเซียหัวหินค่ะ
สำหรับเวเนเซียหัวหิน ก็แว้นจากเพลินวานมาประมาณ 6 ก.ม. อยุ่ฝั่งเดียวกับเพลินวานค่ะ ราคาบัตรเข้าชม 100 บาท เข้าชมได้ 2 อย่าง คือ ห้องแสดงภาพวาด 3 มิติ และให้เลือกระหว่าง สวนสัตว์ กับ สวนสไตล์ยุโรปค่ะ หรือจะเลือกแพคเกจอื่นก็ได้ จนท.เข้าจะแนะนำให้ตอนเราไปซื้อบัตร
เป็นสไตล์เวนิส - ยุโรป เหมือนเราเดินอยู่เมืองนอกเลยค่ะ
จากนั้นก็แว้นไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ระยะทางจากเวเนเซียก็ประมาณ 7 ก.ม. จะอยู่ในค่ายพระราม 6 ค่าเข้าชม 30 บาท ถ้าจะขึ้นชมพระที่นั่งก็เพิ่มอีก 30 บาท เปิดเวลา 08.30 - 16.30 น. ปิดวันพุธ ค่ะ
บรรยากาศสงบ และร่มรื่นมากๆ
เป็นที่ประทับฤดูร้อนของ รัชกาลที่ 6 สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง บนที่ประทับเมื่อขึ้นไปชม ห้ามถ่ายรูป จะบอกว่าเมื่อขึ้นไปชมบนที่ประทับ จขกท ใช้เวลาที่นี่นานที่สุด เพราะดูทุกห้อง ยืนอ่านทุกป้ายที่เขาเขียนอธิบาย หลงไหลไปกับความละเอียดละออของระเบียบประเพณี ตามแบบแผนของราชสำนัก ความงดงามของพระที่นั่ง และเรื่องราวต่างๆ ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งอธิบายเป็นคำพูดคงไม่สวยงามนัก ต้องแนะนำเลยว่าถ้าขึ้นมาบนที่ประทับแล้วอยากให้ดูอย่างลึกซึ้ง ไม่อยากให้มาเดินๆ ชะโงกดู แล้วก็ผ่านไปค่ะ
หากจะขึ้นชมที่ประทับต้องถอดรองเท้าใส่ถุงผ้าแล้วถือไปด้วยนะคะ
ชอบมุมนี้ที่สุด นั่งมองและนึกถึงเรื่องราวที่ได้อ่านจากคำอธิบายจากบนที่ประทับ นั่งพักและทอดอารมณ์อยู่ตรงนานพอสมควร มุมตรงนี้สงบและลมเย็น เพลินจนเจ้าหน้าที่ต้องเดินมาเตือนว่าจะปิดแล้วจ้า
ตอนเดินกลับ จะเห็นที่ห้องทรงงานของรัชกาลที่ 6 ซึ่งหันหน้าไปทางชายหาด ช่างงดงามและมีมนต์ขลังอยู่ในความสงบจริงๆ
ดูนาฬิกาเกือบ 5 โมงเย็นแล้วหรือนี่ อากาศกำลังดี กลับที่พักและลงเล่นน้ำทะเลกันดีกว่า แต่ว่าหิวนิดๆนะ หน้าที่พักมีลูกชิ้นขายด้วย ซื้อไปนั่งกินที่ระเบียง ดูหมาวิ่งไล่กันก็มีความสุขดี แต่เห็นคู่รักจูงมือกันนี่สิ เฮ้อ น้ำตาจะไหล ไปแอบร้องไห้ใต้ทะเลดีกว่าเรา จากนั้นก็โดดน้ำทะเลคนเดียวค่ะ อย่าได้แคร์ ไม่ได้เอากล้องไปนะคะตอนเย็น นี่เป็นภาพชายหาดตอนสายๆ ค่ะ ไว้มาเล่าต่อนะคะ พึ่งเคยเขียนรีวิว ยัง งงๆ อยู่ค่ะ