สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ปัจจุบันไม่มีหลักฐานที่ปราศจากข้อโต้แย้งว่ามีสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นนอกจากโลก
ฉะนั้น สมมติฐานใดๆ ก็อาจะเป็นจริงได้ทั้งหมด จนกว่ามันจะโดนหักล้างด้วยหลักฐานที่
ปราศจากข้อโต้แย้ง
ผมจะยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟัง "เรื่องสมมติฐานรังมดในป่าอเมซอน" ที่ฝรั่งเขาใช้อธิบายความ
เป็นไปได้เรื่องสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกโลก
ทุกคนบนโลกรู้จักป่าอเมซอน เคยมีคนไปสำรวจมาแล้ว ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและหลายคน
ก็ทราบว่าในป่านั้นมีรังมดและมีมดอาศัยอยู่
แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่พยายามจะสื่อสารกับมดที่อยู่ในป่านั้น เพราะมันไม่มีความจำเป็น
เนื่องจากมดเป็นสิ่งมีชีวตชั้นต่ำ ในสายตาเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมนุษย์ รังมดที่อยู่ในป่า
นั่นก็ไม่ได้มีความสำคัญใดๆ เลยต่ออารธรรมของเรา และมดก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อา-
ศัยอยู่ในป่าซึ่งมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่น่าสนใจกว่า อย่างน้อยก็ลิงที่มีความเฉลียวฉลาดและเป็น
ญาติร่วมสายพันธุ์
ทีนี้ลองเปรียบเทียบมนุษย์เป็นมด โลกคือป่าอเมซอน และสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ใดที่หนึ่ง
ในเอกภพนี้เป็นมนุษย์
ในสายตาของเขา เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่มีค่าอะไรเพียงพอที่จะต้องติดต่อด้วย ไม่
ได้มีความสำคัญอะไร เขาอาจจะทำลายทั้งป่าอเมซอน (โลกทั้งใบ) ได้ถ้าเขาต้องการเหมือน
เราเหยียบรังมดซึ่งง่ายมากแต่ไม่รู้จะทำไปทำไม รังมดไม่ได้มีทรัพยากรอะไรที่เราต้องการ
มดตายก็ไม่ได้สร้างความก้าวหน้าหรือสำคัญอะไรกับอารยธรรมองมนุษย์
จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รังมด (มนุษย์) ทั้งหมดได้ถ้าจะทำ แต่มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรที่เขาจะ
มาทำมันอาจมีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่าเยอะ เขาอาจจะกำลังสำรวจขอบของเอกภพที่กำลัง
ขยายตัวด้วยความเร็วที่มากกว่าแสงอยู่ ซึ่งเราไม่มีวันเข้าใจ สติปัญญาเราไปไม่ถึง
เหมือนมดที่อาศัยอยู่ในรังภายในป่า มันก็คงไม่รู้จักเทคโนโลยีของมนุษย์หรืออาจจะไม่เข้า-
ใจสถานภาพของสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นเลยด้วยซ้ำ เพราะมันมีสติปัญญาต่ำต้อยจากข้อจำกัด
ด้านกายภาพ มันคงไม่รู้ว่าปลาอาศัยอยู่ในน้ำ นกบินได้ เฉกเช่นมนุษย์เราที่มีแค่ประสาท-
สัมผัส 5 อย่างเท่านั้น อะไรที่ประสาทสัมผัสเรารับรู้ไม่ได้เราก็ยังคงไม่เข้าใจหรือเข้าใจน้อย
มาก ขนาดสเปคตรัมของแสงเราก็ยังมองเห็นไม่ได้ทั้งหมด
มนุษย์ปัจจุบันอาจจะไม่สามารถทำความเข้าใจสถานภาพของรูปแบบสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญ-
ญาแบบนั้น หรือแบบอื่นได้เลย ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพที่เรามี ขนาดสิ่งมีชีวิตร่วมโลก
กับเราที่มีประสาทสัมผัสแตกต่างจากเราก็ยังรับรู้โลกแตกต่างจากเราเลย
มันเป็นข้อจำกัดของเผ่าพันธุ์ของเรา พวกคุณลองคิดดูมนุษย์เพิ่งจะมีอารยธรรมมาเมื่อไม่กี่
พันปีมานี้ เมื่อเทียบกับอายุของโลกแล้วเราเป็นแค่ชั่วพริบตาเดียวในประวัติการก่อกำเนิด
ดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกด้วยซ้ำ ขนาดไดโนเสาร์เองที่เป้นสิ่งมีชีวิตร่วมโลกแต่ต่างเวลาเรา
ยังไม่เคยได้รู้จักกันเลย
ในขณะที่เอกภพมีอายุมากกว่านั้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ อาจจะมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ใด
ที่หนึ่งมาแล้วและอาจจะล่มสลายไปแล้วก่อนที่โลกของเราจะเกิดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ใช่ที่ว่าเขาอาจจะเคยมาสำรวจป่าอเมซอน (โลก) แห่งนี้แล้วและรู้ว่ามีเราอยู่ แต่ก็ไม่มีความ-
จำเป็นอะไรที่เขาจะต้องมาติดต่อกับเรา ไม่มีความสำคัญต่อการคงอยู่ของเขา ไม่มีสาระ
อะไรที่จะต้องพัฒนากรรมวิธีหรือช่องทางการสื่อสารกับมด
สักวันหนึ่งที่เราอาจจะวิวัฒน์มากพอที่จะสื่อสารกับเขาได้ เมื่อนั้นเขาอาจจะเริ่มสื่อสารกับ
เราก็ได้
ฉะนั้น สมมติฐานใดๆ ก็อาจะเป็นจริงได้ทั้งหมด จนกว่ามันจะโดนหักล้างด้วยหลักฐานที่
ปราศจากข้อโต้แย้ง
ผมจะยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟัง "เรื่องสมมติฐานรังมดในป่าอเมซอน" ที่ฝรั่งเขาใช้อธิบายความ
เป็นไปได้เรื่องสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกโลก
ทุกคนบนโลกรู้จักป่าอเมซอน เคยมีคนไปสำรวจมาแล้ว ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและหลายคน
ก็ทราบว่าในป่านั้นมีรังมดและมีมดอาศัยอยู่
แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่พยายามจะสื่อสารกับมดที่อยู่ในป่านั้น เพราะมันไม่มีความจำเป็น
เนื่องจากมดเป็นสิ่งมีชีวตชั้นต่ำ ในสายตาเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมนุษย์ รังมดที่อยู่ในป่า
นั่นก็ไม่ได้มีความสำคัญใดๆ เลยต่ออารธรรมของเรา และมดก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อา-
ศัยอยู่ในป่าซึ่งมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่น่าสนใจกว่า อย่างน้อยก็ลิงที่มีความเฉลียวฉลาดและเป็น
ญาติร่วมสายพันธุ์
ทีนี้ลองเปรียบเทียบมนุษย์เป็นมด โลกคือป่าอเมซอน และสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ใดที่หนึ่ง
ในเอกภพนี้เป็นมนุษย์
ในสายตาของเขา เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่มีค่าอะไรเพียงพอที่จะต้องติดต่อด้วย ไม่
ได้มีความสำคัญอะไร เขาอาจจะทำลายทั้งป่าอเมซอน (โลกทั้งใบ) ได้ถ้าเขาต้องการเหมือน
เราเหยียบรังมดซึ่งง่ายมากแต่ไม่รู้จะทำไปทำไม รังมดไม่ได้มีทรัพยากรอะไรที่เราต้องการ
มดตายก็ไม่ได้สร้างความก้าวหน้าหรือสำคัญอะไรกับอารยธรรมองมนุษย์
จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รังมด (มนุษย์) ทั้งหมดได้ถ้าจะทำ แต่มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรที่เขาจะ
มาทำมันอาจมีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่าเยอะ เขาอาจจะกำลังสำรวจขอบของเอกภพที่กำลัง
ขยายตัวด้วยความเร็วที่มากกว่าแสงอยู่ ซึ่งเราไม่มีวันเข้าใจ สติปัญญาเราไปไม่ถึง
เหมือนมดที่อาศัยอยู่ในรังภายในป่า มันก็คงไม่รู้จักเทคโนโลยีของมนุษย์หรืออาจจะไม่เข้า-
ใจสถานภาพของสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นเลยด้วยซ้ำ เพราะมันมีสติปัญญาต่ำต้อยจากข้อจำกัด
ด้านกายภาพ มันคงไม่รู้ว่าปลาอาศัยอยู่ในน้ำ นกบินได้ เฉกเช่นมนุษย์เราที่มีแค่ประสาท-
สัมผัส 5 อย่างเท่านั้น อะไรที่ประสาทสัมผัสเรารับรู้ไม่ได้เราก็ยังคงไม่เข้าใจหรือเข้าใจน้อย
มาก ขนาดสเปคตรัมของแสงเราก็ยังมองเห็นไม่ได้ทั้งหมด
มนุษย์ปัจจุบันอาจจะไม่สามารถทำความเข้าใจสถานภาพของรูปแบบสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญ-
ญาแบบนั้น หรือแบบอื่นได้เลย ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพที่เรามี ขนาดสิ่งมีชีวิตร่วมโลก
กับเราที่มีประสาทสัมผัสแตกต่างจากเราก็ยังรับรู้โลกแตกต่างจากเราเลย
มันเป็นข้อจำกัดของเผ่าพันธุ์ของเรา พวกคุณลองคิดดูมนุษย์เพิ่งจะมีอารยธรรมมาเมื่อไม่กี่
พันปีมานี้ เมื่อเทียบกับอายุของโลกแล้วเราเป็นแค่ชั่วพริบตาเดียวในประวัติการก่อกำเนิด
ดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกด้วยซ้ำ ขนาดไดโนเสาร์เองที่เป้นสิ่งมีชีวิตร่วมโลกแต่ต่างเวลาเรา
ยังไม่เคยได้รู้จักกันเลย
ในขณะที่เอกภพมีอายุมากกว่านั้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ อาจจะมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ใด
ที่หนึ่งมาแล้วและอาจจะล่มสลายไปแล้วก่อนที่โลกของเราจะเกิดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ใช่ที่ว่าเขาอาจจะเคยมาสำรวจป่าอเมซอน (โลก) แห่งนี้แล้วและรู้ว่ามีเราอยู่ แต่ก็ไม่มีความ-
จำเป็นอะไรที่เขาจะต้องมาติดต่อกับเรา ไม่มีความสำคัญต่อการคงอยู่ของเขา ไม่มีสาระ
อะไรที่จะต้องพัฒนากรรมวิธีหรือช่องทางการสื่อสารกับมด
สักวันหนึ่งที่เราอาจจะวิวัฒน์มากพอที่จะสื่อสารกับเขาได้ เมื่อนั้นเขาอาจจะเริ่มสื่อสารกับ
เราก็ได้
แสดงความคิดเห็น
เป็นไปได้หรือไม่ หากมนุษย์เราคือเผ่าพันธุ์แรกในเอกพบ
การสำรวจอวกาศของเรากำลังจะถึงทางตันเข้ามาทุกที แต่ไม่พบวี่แววของสิ่งมีชีวิตอันทรงปัญญาเลยซักเผ่าพันเดียว หรือแม้กระทั้งสิ่งมีชีวิตเซลเดียวก็ไม่พบ
นั่นอาจจะหมายความว่าเราอาจจะต้องเป็นเผ่าพันธุ์เดียว และต้องโดดเดี่ยวไปอีกเนิ่นนานเพื่อรอ รอสภาพหรือสภาวะดาวซักดวงที่พอจะเหมาะสมเพื่อกำเนินสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ (หรืออาจจะเป็นเราเองที่กลัวเหงา จึงแอบนำสิ่งมีชีวิตเล็กๆไปปล่อยไว้)
อาจจะซักหลังจากนี้อีก 1ล้านปีเราถึงจะเริ่มพบสิ่งมีชีวิต เซลเดียวขึ้นมาบ้างตามดาวต่างๆ และคงต้องรออีกหลายล้านปีที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นถึงจะวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาขึ้นมาได้อย่างมนุษย์
พอถึงตอนนั้น เรา.!!! อาจจะกลายเป็นตำนานเอเลี่ยนอันทรงปัญญาซะเอง ที่คอยเฝ้ามองดูสิ่งมีชีวิตตามดวงดาวต่างๆพัฒนาไป
หากเป็นอย่างนี้เราคงจะเหงาไม่น้อย
หรือหากไม่ใช่เราที่อยู่ในสถานะนี้ แต่เป็นเอเลี่ยนเผ่าพันธุ์อื่นที่เกิดมาก่อนหน้าเรา เค้าก็คงจะต้องเหงาเหมือนกัน แต่เราจะรับได้มั้ยกับความเหงาและเวิ้งว้างในเอกภพอันกว้างใหญ่นี้
เพื่อความเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ฉลาดที่สุดในเอกภพต่อไป
-----------------
คิดว่าจะเป็นไปได้มั้ยครับ ที่เราอาจจะเป็นเผ่าพันพันธุ์แรก
และหากไม่พบอะไรเลยจริงๆ เราจะทนเหงาได้มั้ย หรือจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่หมดอะไรตายอยาก เพราะไม่มีเพื่อนเลย
และถ้าเป็นแบบนั้น ในเมื่อไหนๆก็ไม่มีเพื่อนละ ก็เลยจัดการสร้างเพื่อนขึ้นมาซะเองเลย โดยการไปเพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตตามดวงดาวต่างๆซะเลย