....การคิด การมอง ความรู้สึก ฯลฯ ต่อกรณีใด เรื่องใดเรื่องหนึ่งย่อมจะแตกต่างกันระหว่าง
1 ผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้สึกเจ็บแค้น เจ็บใจ ทุกข์ทรมาน เดือดร้อน ฯลฯ การคิด การมองจะใช้ความรู้สึก อารมณ์ เข้ามาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากที่สุด
2 ผู้กระทำ ย่อมรู้สึกพอใจ สะใจ หรือเฉยๆธรรมดาไม่รู้สึกว่าเกิดเรื่องอะไร ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร การคิด การมอง จะใช้ความรู้สึกมาเป็นส่วนประกอบด้วยพอประมาณ
3 ผู้ไม่ได้กระทำและไม่ถูกกระทำ ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ...การคิด การมองจะไม่มีความรู้สึก+อารมณ์ใดๆมาร่วม และจะเป็นคนใช้เหตุผลมากที่สุด มองออกว่ากรณี เรื่องราวที่เกิดขึ้น มีสาเหตุจากอะไร ใครทำอะไร อย่างไร
....
.....ดังนั้นเราควรทำอย่างไร ที่จะเป็นวิธีการช่วยให้เราคิด มอง พิจารณาถึงเรื่องใด เรื่องหนึ่ง กรณีใดๆก็ตาม อย่างไรอย่างถูกต้อง เพื่อหาทางป้องกัน หรือแก้ปัญหานั้นๆได้อย่างถูกต้อง
..ประการที่ 1 ต้องกระทำคือการระงับความรู้สึกทั้งปวง ( รัก โลภ โกรธ หลง) เพื่อให้จิตใจนิ่ง สะอาด เป็นกลางมากที่สุดแล้วจะเกิดสติ ปัญญา คิดสิ่งใดได้อย่างมีหลัก มีเหตุ มีผล ( มันจะยากมาก ซึ่งต้องใช้การฝึกนั่งสมาธิจนถึงระดับเกิดความปิติช่วย ถึงแม้ผมจะฝึกตอนบวชมานาน แต่ก็ยังยากมากที่จะทำใจกับบางเรื่อง บางสิ่ง บางอย่าง ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังไม่หลุดพ้น..จากของอวบๆ ขาวๆ ..อ้าวเกี่ยวไรเนี่ยซาละเปานะ..)
..ประการที่ 2. ต้องคิด มองถึงบริบทรอบๆด้าน ทุกด้าน ทุกมิติของสิ่งนั้นๆ ซึ่งหมายถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆของสิ่งนั้น กรณีนี้น ปัญหานั้นๆ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร มีความเป็นมาอย่างไร มีปัจจัยแวดล้อม ปัจจัยเสริมอะไร ( ความคิด ความเชื่อ ความต้องการ เป้าหมาย วิถีชีวิต ฐานะ อาชีพ การศึกษา ประวัติความเป็นมา ครอบครัว สังคม สภาพภูมิอากศ ภูมิประเทศ ฯลฯ ) เพื่อให้ได้ข้อมูล องค์ความรู้ต่างๆมาประกอบการคิด และนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ร่วมกับหลักการ หลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักสังคมศาสตร์ หลักจิตวิทยา ฯลฯ ออกมาให้เราสามารถวิเคราะห์ สามารถแยะแยะได้ว่า กรณีนั้นๆ ปัญหา นั้นๆ มีสาเหตุ เหตุผล ความเป็นมา เป็นไป ความถูก ความผิด ความไม่ถูก ไม่ผิด ฯลฯ เป็นอย่างไรเพื่อนำมาใช้ในการคิด วางแผนป้องกันปัญหา และแกไขปัยหานั้นๆได้ถูกต้อง..ทำให้เราสามารถคิด มองทุกๆกรณีได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งด้านลึก กว้าง ยาว ( ทุกมิติ) ของปัญหาได้..
...เปรียบเหมือนเรามองผลส้มโอ ถ้าเรามองด้านเดียว มองใกล้ๆเราก็จะมองเห็นได้ด้านเดียว แต่ถ้าเราถอยห่างออกมามองไกลๆหน่อย พร้อมกับหมุนลูกสัมโอไปรอบๆทุกด้านเราก็จะมองเห็นว่าส้มโอลูกนั้นทั้งลูกเป็นอย่างไร
...ผมใช้หลักการนี้ในการคิด มอง วางแผนทุกอย่างมาตลอด..ดังนั้นในบางกรณี ในบางเรื่องผมจึงมักจะคิด มอง พูด แสดงความคิดเห็นอะไรไม่ค่อยเหมือนใครๆอย่างที่เห็นๆกันนั่นแหละครับ..
..
....คนชุดขาว
การคิด การมองแบบบูรณาการ มีบริบทรอบด้านจะทำให้คิด มองได้ลึกซึ้ง รอบด้านมากกว่า
1 ผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้สึกเจ็บแค้น เจ็บใจ ทุกข์ทรมาน เดือดร้อน ฯลฯ การคิด การมองจะใช้ความรู้สึก อารมณ์ เข้ามาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากที่สุด
2 ผู้กระทำ ย่อมรู้สึกพอใจ สะใจ หรือเฉยๆธรรมดาไม่รู้สึกว่าเกิดเรื่องอะไร ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร การคิด การมอง จะใช้ความรู้สึกมาเป็นส่วนประกอบด้วยพอประมาณ
3 ผู้ไม่ได้กระทำและไม่ถูกกระทำ ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ...การคิด การมองจะไม่มีความรู้สึก+อารมณ์ใดๆมาร่วม และจะเป็นคนใช้เหตุผลมากที่สุด มองออกว่ากรณี เรื่องราวที่เกิดขึ้น มีสาเหตุจากอะไร ใครทำอะไร อย่างไร
....
.....ดังนั้นเราควรทำอย่างไร ที่จะเป็นวิธีการช่วยให้เราคิด มอง พิจารณาถึงเรื่องใด เรื่องหนึ่ง กรณีใดๆก็ตาม อย่างไรอย่างถูกต้อง เพื่อหาทางป้องกัน หรือแก้ปัญหานั้นๆได้อย่างถูกต้อง
..ประการที่ 1 ต้องกระทำคือการระงับความรู้สึกทั้งปวง ( รัก โลภ โกรธ หลง) เพื่อให้จิตใจนิ่ง สะอาด เป็นกลางมากที่สุดแล้วจะเกิดสติ ปัญญา คิดสิ่งใดได้อย่างมีหลัก มีเหตุ มีผล ( มันจะยากมาก ซึ่งต้องใช้การฝึกนั่งสมาธิจนถึงระดับเกิดความปิติช่วย ถึงแม้ผมจะฝึกตอนบวชมานาน แต่ก็ยังยากมากที่จะทำใจกับบางเรื่อง บางสิ่ง บางอย่าง ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังไม่หลุดพ้น..จากของอวบๆ ขาวๆ ..อ้าวเกี่ยวไรเนี่ยซาละเปานะ..)
..ประการที่ 2. ต้องคิด มองถึงบริบทรอบๆด้าน ทุกด้าน ทุกมิติของสิ่งนั้นๆ ซึ่งหมายถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆของสิ่งนั้น กรณีนี้น ปัญหานั้นๆ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร มีความเป็นมาอย่างไร มีปัจจัยแวดล้อม ปัจจัยเสริมอะไร ( ความคิด ความเชื่อ ความต้องการ เป้าหมาย วิถีชีวิต ฐานะ อาชีพ การศึกษา ประวัติความเป็นมา ครอบครัว สังคม สภาพภูมิอากศ ภูมิประเทศ ฯลฯ ) เพื่อให้ได้ข้อมูล องค์ความรู้ต่างๆมาประกอบการคิด และนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ร่วมกับหลักการ หลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักสังคมศาสตร์ หลักจิตวิทยา ฯลฯ ออกมาให้เราสามารถวิเคราะห์ สามารถแยะแยะได้ว่า กรณีนั้นๆ ปัญหา นั้นๆ มีสาเหตุ เหตุผล ความเป็นมา เป็นไป ความถูก ความผิด ความไม่ถูก ไม่ผิด ฯลฯ เป็นอย่างไรเพื่อนำมาใช้ในการคิด วางแผนป้องกันปัญหา และแกไขปัยหานั้นๆได้ถูกต้อง..ทำให้เราสามารถคิด มองทุกๆกรณีได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งด้านลึก กว้าง ยาว ( ทุกมิติ) ของปัญหาได้..
...เปรียบเหมือนเรามองผลส้มโอ ถ้าเรามองด้านเดียว มองใกล้ๆเราก็จะมองเห็นได้ด้านเดียว แต่ถ้าเราถอยห่างออกมามองไกลๆหน่อย พร้อมกับหมุนลูกสัมโอไปรอบๆทุกด้านเราก็จะมองเห็นว่าส้มโอลูกนั้นทั้งลูกเป็นอย่างไร
...ผมใช้หลักการนี้ในการคิด มอง วางแผนทุกอย่างมาตลอด..ดังนั้นในบางกรณี ในบางเรื่องผมจึงมักจะคิด มอง พูด แสดงความคิดเห็นอะไรไม่ค่อยเหมือนใครๆอย่างที่เห็นๆกันนั่นแหละครับ..
..
....คนชุดขาว