ทิเบต

เมืองหลังคาโลก ที่ท้าทายให้เราได้ไปสัมผัส จึงอยากนำรูปกับประสบการณ์เกี่ยวกับการเดินทาง ครั้งนี้มาเล่าสู่กันฟังเบาๆในนี้ ถ้ารูปไม่สวยอย่าว่าอะไรเลย เพราะงานนี้ตัวเองพกไปแค่ Compaq เล็กๆตัวเดียวกับมือถือ ในสภาพที่น๊อคอากาศที่ราบสูงจนน่วม
การเดินทางไปทิเบต จะต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศจีนและขอผ่านเข้าเขตปกครองพิเศษ ทิเบต ค่ะ ....
โดยปกติคนไทยจะนิยมเดินทางกันด้วยรถไฟจากประเทศจีนผ่านเขตปกครองตนเองเข้าทิเบต เพราะอะไรนะหรือคะ?
ก็เพราะนักเดินทางจากที่ราบปกติจะได้มีโอกาสในการไต่ระดับความสูงของสภาวะอากาศจากที่ราบปกติไปสู่ที่ราบสูงเกือบ 5000 ฟิต
และไต่ลงที่ระดับ 3500 ฟิต++ ของเมืองหลวง ลาซา ในเขตปกครองพิเศษทิเบต
ด้วยการเดินทางเช่นนี้ จะทำให้เราสามารถปรับตัวกับแรงดันอากาศภายในรถไฟไปได้เรื่อยๆ ถึง 24 ชั่วโมง
..... แต่คณะของเราจองตั๋วรถไฟขาไปไม่ได้ค่ะ.......
........จอง ได้แต่ขากลับ!!!......
....ดังนั้น คณะของเราก็เลยต้องนั่งเครื่องบิน จาก กรุงเทพ เข้าไปที่เมืองลาซา กันโดยตรง
(TT__TT แรกเริ่ม ที่รู้ นี่ก็ร้องไห้หนักมาก... ตรูจะตายเพราะแรงดันอากาศไหมนี่?? )
ยังค่ะ ยังไม่พอ....เพราะการเดินทางด้วยเครื่องบินจากประเทศไทยไปทิเบต จะต้องไปลงที่กวางโจวก่อน
แล้วเปลี่ยนลำเพื่อเข้าสู่สนามบิน กงก่า ในเมืองลาซา...ดังนั้นหมายความว่าพวกเรามีเวลา ประมาณ
8 ชั่วโมงในการนั่งเครื่องบิน แล้วถูกหย่อนปุ ลงบนความสูงระดับ 3500 ฟิต++ ในทันที
(TT__TT ร้องไห้หนักมาครั้งที่สอง....ดาวกลัวเครื่องบินค่ะ พี่น้องงงงงง)
ข้อสันนิษฐานแรกของตัวเองคือเป็นหลายโรค.. จะไหวไหม...แต่ก็สู้ค่ะ เพราะอยากไปไหว้พระที่พระราชวังโปตาลา
ดังนั้นมีคนแนะนำให้กินยา Diamox ก่อนออกเดินทาง 24 ชม. ก็เข้าไปหาคุณหมอถามว่าทานได้หรือเปล่า
คุณหมอก็อนุญาตให้ทานได้ วันละ 1 เม็ด... ถึงยอมค่ะ พอทานปั๊บปลายนิ้วมือชาดิก
ก็ทนค่ะเพราะมันคืออาการข้างเคียงของยา ...เพื่อเที่ยว...ดาวจะสู้.... (เป็นเหตุเป็นผลมาก 555 )
แล้วการเดินทางก็มาถึง...ปัญหาต่อมาของตัวเองที่บอกก็คือ กลัวเครื่องบิน อันนี้เป็นโรคติดตัวมานาน
ไม่ค่อยจะยอมไปไหนก็เพราะเหตุนี้ แต่การเดินทางที่ต้องนั่งเครื่องบินหลายเที่ยวก่อนไปถึง ทิเบต
ทำเอาตัวเองหายโรคนี้ไปเลย เพราะการเดินทางเครื่องบินจากสุวรรณภูมิไปลาซาจะต้องไปลงกวางโจวแล้ว
เราต้องเปลี่ยนเครื่องเพื่อไป ลาซา แต่ระหว่างกวางโจวกับ ลาซา ก็มี ทรานสิท......
ทำให้เราต้องออกจากเครื่องแล้วเดินกลับเข้ามาใหม่ เดินเข้าๆออกๆ แบบนี้ สามเที่ยว
...นั่งเครื่องขึ้น-ลงราวกับฝึกเป็นแอร์โฮสเตสตอนแก่......ทำเอา อาการหายกลัวเครื่องบินมันหดหายไปได้สนิทเลยค่ะ ...
(แอบดีใจ)
เราเดินทางกับไปสายการบิน China Southern Airline ค่ะ ถามว่าโอเคไหม สำหรับเรา เราว่าโอเคนะคะ
นั่งเพลินๆ ไม่มีเอนเตอร์เทนอะไรเหมือนสายการบินอื่นก็จริง แต่อาหารพวกนี้เราทานได้ (ชอบเสียอีก...เหอๆๆ )
มีแต่คนบอกว่าเราเป็นพวกลิ้นจระเข้ แต่เราว่า มันก็อร่อยนะ 5555
ซึ่งอาหารที่เราได้ก็มีหน้าตาประมาณนี้เกือบทุกเที่ยวค่ะ....กินไปอร่อยไปเพลินๆ 8 ชั่วโมง
(แต่ พอกลับมาถึงเมืองไทย แม่ฟาดส้มตำปากซอยก่อนเข้าบ้านเลยทีเดียว 5555)
เพื่อไปเที่ยว....ดาวอดทน กัดฟัน นั่งพริ้มๆ กินอาหารแบบนั้นไป ไม่ดื้อ ไม่ซน ....น่ารักมาก (ชมตัวเอง ...5555)
ที่สำคัญ พอเห็น ภาพ ที่เห็นยอดเขาสูงทะลุเมฆขึ้นมาตอนที่เริ่มบินเข้าน่านฟ้าทิเบต สวยจับหัวใจค่ะ...
อาการกลัวเครื่องบิน ปลิวไปหายไปกับยอดภูเขาในทิเบตไปเลยยยย
::::คอมแพคเหี่ยวๆเที่ยวแบบดาว(โรย) โอ้ยๆๆ นี่ละ ทิเบต :::: Tibet & รถไฟหลังคาโลก ::::::
การเดินทางไปทิเบต จะต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศจีนและขอผ่านเข้าเขตปกครองพิเศษ ทิเบต ค่ะ ....
โดยปกติคนไทยจะนิยมเดินทางกันด้วยรถไฟจากประเทศจีนผ่านเขตปกครองตนเองเข้าทิเบต เพราะอะไรนะหรือคะ?
ก็เพราะนักเดินทางจากที่ราบปกติจะได้มีโอกาสในการไต่ระดับความสูงของสภาวะอากาศจากที่ราบปกติไปสู่ที่ราบสูงเกือบ 5000 ฟิต
และไต่ลงที่ระดับ 3500 ฟิต++ ของเมืองหลวง ลาซา ในเขตปกครองพิเศษทิเบต
ด้วยการเดินทางเช่นนี้ จะทำให้เราสามารถปรับตัวกับแรงดันอากาศภายในรถไฟไปได้เรื่อยๆ ถึง 24 ชั่วโมง
..... แต่คณะของเราจองตั๋วรถไฟขาไปไม่ได้ค่ะ.......
........จอง ได้แต่ขากลับ!!!......
....ดังนั้น คณะของเราก็เลยต้องนั่งเครื่องบิน จาก กรุงเทพ เข้าไปที่เมืองลาซา กันโดยตรง
(TT__TT แรกเริ่ม ที่รู้ นี่ก็ร้องไห้หนักมาก... ตรูจะตายเพราะแรงดันอากาศไหมนี่?? )
ยังค่ะ ยังไม่พอ....เพราะการเดินทางด้วยเครื่องบินจากประเทศไทยไปทิเบต จะต้องไปลงที่กวางโจวก่อน
แล้วเปลี่ยนลำเพื่อเข้าสู่สนามบิน กงก่า ในเมืองลาซา...ดังนั้นหมายความว่าพวกเรามีเวลา ประมาณ
8 ชั่วโมงในการนั่งเครื่องบิน แล้วถูกหย่อนปุ ลงบนความสูงระดับ 3500 ฟิต++ ในทันที
(TT__TT ร้องไห้หนักมาครั้งที่สอง....ดาวกลัวเครื่องบินค่ะ พี่น้องงงงงง)
ข้อสันนิษฐานแรกของตัวเองคือเป็นหลายโรค.. จะไหวไหม...แต่ก็สู้ค่ะ เพราะอยากไปไหว้พระที่พระราชวังโปตาลา
ดังนั้นมีคนแนะนำให้กินยา Diamox ก่อนออกเดินทาง 24 ชม. ก็เข้าไปหาคุณหมอถามว่าทานได้หรือเปล่า
คุณหมอก็อนุญาตให้ทานได้ วันละ 1 เม็ด... ถึงยอมค่ะ พอทานปั๊บปลายนิ้วมือชาดิก
ก็ทนค่ะเพราะมันคืออาการข้างเคียงของยา ...เพื่อเที่ยว...ดาวจะสู้.... (เป็นเหตุเป็นผลมาก 555 )
แล้วการเดินทางก็มาถึง...ปัญหาต่อมาของตัวเองที่บอกก็คือ กลัวเครื่องบิน อันนี้เป็นโรคติดตัวมานาน
ไม่ค่อยจะยอมไปไหนก็เพราะเหตุนี้ แต่การเดินทางที่ต้องนั่งเครื่องบินหลายเที่ยวก่อนไปถึง ทิเบต
ทำเอาตัวเองหายโรคนี้ไปเลย เพราะการเดินทางเครื่องบินจากสุวรรณภูมิไปลาซาจะต้องไปลงกวางโจวแล้ว
เราต้องเปลี่ยนเครื่องเพื่อไป ลาซา แต่ระหว่างกวางโจวกับ ลาซา ก็มี ทรานสิท......
ทำให้เราต้องออกจากเครื่องแล้วเดินกลับเข้ามาใหม่ เดินเข้าๆออกๆ แบบนี้ สามเที่ยว
...นั่งเครื่องขึ้น-ลงราวกับฝึกเป็นแอร์โฮสเตสตอนแก่......ทำเอา อาการหายกลัวเครื่องบินมันหดหายไปได้สนิทเลยค่ะ ...
(แอบดีใจ)
เราเดินทางกับไปสายการบิน China Southern Airline ค่ะ ถามว่าโอเคไหม สำหรับเรา เราว่าโอเคนะคะ
นั่งเพลินๆ ไม่มีเอนเตอร์เทนอะไรเหมือนสายการบินอื่นก็จริง แต่อาหารพวกนี้เราทานได้ (ชอบเสียอีก...เหอๆๆ )
มีแต่คนบอกว่าเราเป็นพวกลิ้นจระเข้ แต่เราว่า มันก็อร่อยนะ 5555
ซึ่งอาหารที่เราได้ก็มีหน้าตาประมาณนี้เกือบทุกเที่ยวค่ะ....กินไปอร่อยไปเพลินๆ 8 ชั่วโมง
(แต่ พอกลับมาถึงเมืองไทย แม่ฟาดส้มตำปากซอยก่อนเข้าบ้านเลยทีเดียว 5555)
เพื่อไปเที่ยว....ดาวอดทน กัดฟัน นั่งพริ้มๆ กินอาหารแบบนั้นไป ไม่ดื้อ ไม่ซน ....น่ารักมาก (ชมตัวเอง ...5555)
ที่สำคัญ พอเห็น ภาพ ที่เห็นยอดเขาสูงทะลุเมฆขึ้นมาตอนที่เริ่มบินเข้าน่านฟ้าทิเบต สวยจับหัวใจค่ะ...
อาการกลัวเครื่องบิน ปลิวไปหายไปกับยอดภูเขาในทิเบตไปเลยยยย