......เพราะเคยเป็น "เจ้าของบ้านมือใหม่" มาก่อนและหลังจากที่ซื้อบ้านไปแล้วปรากฎว่าปัญหาตามมาเพียบเลย ทั้งปัญหาใหญ่และปัญหาจุกจิกกวนใจ
......วันนี้ก็เลยขออนุญาตนำความรู้จากประสบการณ์จริงมาแชร์ให้เพื่อนๆได้รู้ เผื่จะเป็นประโยชน์ในการประกอบพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านกันนะคะ.....
......มีไม่มากคะ แค่ 8 เรื่องเท่านั้นเอง (อาจมีมากกว่านี้แต่ขอรวบรวมมาแค่นี้ก่อนคะ)
.....ขอเป็น กรณี "ซื้อบ้านใหม่" จากโครงการที่ยังไม่ได้สร้างแต่มีบ้านตัวอย่างบ้านให้ "ผู้บริโภค" เลือกในหลายๆแบบ และ โครงการมีแพลนสร้างอย่างแน่นอน
1. ให้ดูทำเล ว่า ติดถนนใหญ่หรือมีรถเข้า-ออกซอยได้ มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปผ่านมาหรือไม่ ที่สำคัญถ้าทางเข้าบ้านเป็นซอยที่เปลี่ยว ลึกจนเกินไป หรือไม่เปลี่ยว หรือเปลี่ยวเป็นช่วงๆ และลึกมาก ให้มองหาที่ใหม่ได้เลย เหตุผลเพราะ
@ คนเราต้องมีสักวัน หรือบ่อยครั้งที่อาจมีเหตุจำเป็นต้องกลับบ้านดึกดื่นเที่ยงคืน อันนี้สำคัญยิ่งอยู่เป็นครอบครัว
@ ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้จะหมดไปกับค่ารถ ไม่คุ้ม
@ หากดึกดื่นเที่ยงคืนมีคนบาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือป่วยฉุกเฉินขึ้นมา ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสารวิ่ง อาจทำให้ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลไม่ทันหรือกว่ารถพยาบาล รถกู้ภัยมาก็ไม่ทันกาลละ
2. ดูรูปทรงบ้านและภายในบ้านว่า ออกแบบได้ตรงตามหลักฮวงจุ้ยทั่วไปหรือไม่ (แบบไม่ต้องเยอะนะคะ) เช่น
@ ประตูหน้าบ้านกับหลังบ้านตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกัน และบ้านยังไม่เริ่มสร้างให้เจรจากับโครงการเพื่อให้สร้างเยื้องกันหน่อยนึง เงินทองที่หามาได้จะได้เหลือเก็บเหลือใช้บ้าง
@ ห้องครัว โดยเฉพาะจุดวางเตาแก๊สทำกับข้าว ไม่ควรตรงประตูห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นทำอะไรจะติดๆขัดๆ
@ ห้องนอนไม่ควรอยู่ในจุดที่แสงแดดส่องร้อนตลอดทั้งวัน สุขภาพจะได้แข็งแรงไม่เจ็บป่วยออดๆแอดๆ หรือเพลียทั้งวัน
@ ฯลฯ
3. ให้ตรวจสอบ เช็ค ให้ดีว่า พื้นที่โครงการ มีปลวกเยอะมากน้อยแค่ไหน ให้เช็คไปที่บริษัทกำจัดปลวกหลายๆเจ้าว่า โครงการตั้งอยู่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีแดง หรือเปล่าเพราะ พื้นที่สีแดง หมายถึง ปลวกเยอะมาก เวลาเราจ้างบริษัทกำจัดปลวกนอกจากเสียเงินต่อเดือนหรือต่อปีสูงแล้ว บางครั้งป้องกันไม่ได้ เพราะปลวกจะกินทั้งขอบประตู หน้าต่าง กล่องกระดาษ โต๊ะไม้อัดเคลือบยาอย่างดีปลวกจะกินหมด ขนาดผ้าม่านที่บ้านดิฉันก็ยังกินเลยค่ะ
4. ให้ควบคุมการก่อสร้างบ้านแบบถี่ยิบ เอาตั้งแต่ถมดิน เพราะบางโครงการขุดหลุมลึกแต่ไม่ได้อัดดินลงให้แน่นทั้งผืนเพราะเป็นค่าใช้จ่ายสูงสำหรับโครงการ เราต้องให้โครงการทำ ถ้าไม่ไปดูตอนถมดินพื้นบ้านใต้ดิน เราอาจได้ดินเป็น เศษ อิฐ หิน ปูนเทลงไปกองๆ แทน เมื่อถึงตอนอยู่อาศัยไปนานๆ บ้านจะทรุดและเอียง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุบทิ้งและทำบ้านใหม่ ในราคาที่แพงถึงเลขหกหลักกันเลยทีเดียว คิดดูว่าอนาคตข้าวของแพงขึ้นเราจะจ่ายไปเท่าไหร่
5. ดูขนาดบ้านที่ซื้อ โดยเฉพาะตอนลงพื้นที่ดูโครงการก่อสร้าง ให้ดูเสาเข็มด้วยว่า ก่อสร้างเค้าใช้เสาเข็มที่เป็นขนาดของบ้านไซต์ที่เราซื้อหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ช่างซัก คุณอาจจะได้บ้านที่ "ไม่มีเสาเข็ม" หรือ "ใช้เสาเข็มที่มีขนาดเล็กกว่าไซต์บ้านที่เราซื้อ" อยู่ไปนานๆ 3-4 ปี นอนหลับดีๆ บ้านก็มีโอกาสถล่มลงมาทับเราได้ และถ้าหนีทันคุณคือผู้โชคดี
6. ให้ติดตามกำแพงรั้วหมู่บ้านมีการลงเสาเข็มหรือมีสเตย์ยึดหรือไม่โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในบริเวณดินชุ่มน้ำ ติดทุ่งนา เพราะเวลาฝนตก น้ำท่วม ถ้าไม่มี 2 สิ่งนี้ยึดกำแพงอาจล้มได้และนั่นหมายถึงเราจะต้องเสียเงินลงขันทำกำแพงรั้วหมู่บ้านเพราะ โครงการส่วนใหญ่จะไม่อยู่ดูแลหมู่บ้านไปตลอด ถึงคราวเสียหาย โครงการจะปัดก้นหนีความรับผิดชอบไปเลย หน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภคไม่มีใครจะมาเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยเรา ว่าเป็นเล่นไปคะ เฉพาะกำแพงบ้านหลังเดียวขนาด30ตารางเมตรนิดๆ ยังใช้งบประมาณทำใหม่กว่าแสนบาท
7. ตอนมาดูบ้านกับโครงการให้ลองแอบชำเลืองมองคนที่มาซื้อบ้านหรือแอบถามเซล ว่าส่วนใหญ่คนซื้อบ้านทำงานอะไร เพื่อจะได้เลือกเพื่อนบ้านว่าอยู่แล้วสบายใจ ปลอดภัย ถ้าไม่ดูให้ดี เราออกจากบ้านไปทำงานยังไม่ทันขึ้นรถก็แอบปีนเข้าบ้านเราหยิบขอมีค่าไปได้
8. วันที่สร้างบ้านเสร็จ ก่อนรับมอบให้ตรวจตราให้เรียบร้อยว่าสิ่งที่เราขอให้มีแล้วโครงการรับปากก่อนเราซื้อ ถ้าไม่แน่ใจอย่าเพิ่งเซ็นรับมอบ บางทีเซลก็บอกว่า เซ็นๆ ไปก่อน มีปัญหาแล้วค่อยมาบอก โครงการรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าเราตามใจเซลโดยไม่ตรวจตราให้รอบคอบ เราอาจเป็นผู้ควักเงินจ่ายเองในภายหลังได้เช่น ขอให้ทำหน้าต่างจากบานพับเป็นสไลด์ (ซึ่งโครงการจะเรียกเก็บเงินก่อน) แต่วันมอบไม่ได้ทำให้ทำเป็นบานพับมา หรือห้องนอนใหญ่ให้แบ่งกั้นเป็นห้องเล็กเพื่อใช้เป็นห้องแต่งตัว และจ่ายเงินไปแล้วแต่ของจริงไม่ได้ทำให้ ซึ่งจะทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าโึครงการทำให้ เป็นต้น
.......อันนี้เป็นแค่น้ำจิ้ม นิดหน่อยเท่านั้นนะคะที่เอามาฝาก.....ยังมีอีกมากมายลองศึกษาเพิ่มเติมกันด้วยนะคะ......
8 เรื่องมือใหม่ซื้อบ้านต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
......วันนี้ก็เลยขออนุญาตนำความรู้จากประสบการณ์จริงมาแชร์ให้เพื่อนๆได้รู้ เผื่จะเป็นประโยชน์ในการประกอบพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านกันนะคะ.....
......มีไม่มากคะ แค่ 8 เรื่องเท่านั้นเอง (อาจมีมากกว่านี้แต่ขอรวบรวมมาแค่นี้ก่อนคะ)
.....ขอเป็น กรณี "ซื้อบ้านใหม่" จากโครงการที่ยังไม่ได้สร้างแต่มีบ้านตัวอย่างบ้านให้ "ผู้บริโภค" เลือกในหลายๆแบบ และ โครงการมีแพลนสร้างอย่างแน่นอน
1. ให้ดูทำเล ว่า ติดถนนใหญ่หรือมีรถเข้า-ออกซอยได้ มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปผ่านมาหรือไม่ ที่สำคัญถ้าทางเข้าบ้านเป็นซอยที่เปลี่ยว ลึกจนเกินไป หรือไม่เปลี่ยว หรือเปลี่ยวเป็นช่วงๆ และลึกมาก ให้มองหาที่ใหม่ได้เลย เหตุผลเพราะ
@ คนเราต้องมีสักวัน หรือบ่อยครั้งที่อาจมีเหตุจำเป็นต้องกลับบ้านดึกดื่นเที่ยงคืน อันนี้สำคัญยิ่งอยู่เป็นครอบครัว
@ ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้จะหมดไปกับค่ารถ ไม่คุ้ม
@ หากดึกดื่นเที่ยงคืนมีคนบาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือป่วยฉุกเฉินขึ้นมา ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสารวิ่ง อาจทำให้ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลไม่ทันหรือกว่ารถพยาบาล รถกู้ภัยมาก็ไม่ทันกาลละ
2. ดูรูปทรงบ้านและภายในบ้านว่า ออกแบบได้ตรงตามหลักฮวงจุ้ยทั่วไปหรือไม่ (แบบไม่ต้องเยอะนะคะ) เช่น
@ ประตูหน้าบ้านกับหลังบ้านตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกัน และบ้านยังไม่เริ่มสร้างให้เจรจากับโครงการเพื่อให้สร้างเยื้องกันหน่อยนึง เงินทองที่หามาได้จะได้เหลือเก็บเหลือใช้บ้าง
@ ห้องครัว โดยเฉพาะจุดวางเตาแก๊สทำกับข้าว ไม่ควรตรงประตูห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นทำอะไรจะติดๆขัดๆ
@ ห้องนอนไม่ควรอยู่ในจุดที่แสงแดดส่องร้อนตลอดทั้งวัน สุขภาพจะได้แข็งแรงไม่เจ็บป่วยออดๆแอดๆ หรือเพลียทั้งวัน
@ ฯลฯ
3. ให้ตรวจสอบ เช็ค ให้ดีว่า พื้นที่โครงการ มีปลวกเยอะมากน้อยแค่ไหน ให้เช็คไปที่บริษัทกำจัดปลวกหลายๆเจ้าว่า โครงการตั้งอยู่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีแดง หรือเปล่าเพราะ พื้นที่สีแดง หมายถึง ปลวกเยอะมาก เวลาเราจ้างบริษัทกำจัดปลวกนอกจากเสียเงินต่อเดือนหรือต่อปีสูงแล้ว บางครั้งป้องกันไม่ได้ เพราะปลวกจะกินทั้งขอบประตู หน้าต่าง กล่องกระดาษ โต๊ะไม้อัดเคลือบยาอย่างดีปลวกจะกินหมด ขนาดผ้าม่านที่บ้านดิฉันก็ยังกินเลยค่ะ
4. ให้ควบคุมการก่อสร้างบ้านแบบถี่ยิบ เอาตั้งแต่ถมดิน เพราะบางโครงการขุดหลุมลึกแต่ไม่ได้อัดดินลงให้แน่นทั้งผืนเพราะเป็นค่าใช้จ่ายสูงสำหรับโครงการ เราต้องให้โครงการทำ ถ้าไม่ไปดูตอนถมดินพื้นบ้านใต้ดิน เราอาจได้ดินเป็น เศษ อิฐ หิน ปูนเทลงไปกองๆ แทน เมื่อถึงตอนอยู่อาศัยไปนานๆ บ้านจะทรุดและเอียง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุบทิ้งและทำบ้านใหม่ ในราคาที่แพงถึงเลขหกหลักกันเลยทีเดียว คิดดูว่าอนาคตข้าวของแพงขึ้นเราจะจ่ายไปเท่าไหร่
5. ดูขนาดบ้านที่ซื้อ โดยเฉพาะตอนลงพื้นที่ดูโครงการก่อสร้าง ให้ดูเสาเข็มด้วยว่า ก่อสร้างเค้าใช้เสาเข็มที่เป็นขนาดของบ้านไซต์ที่เราซื้อหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ช่างซัก คุณอาจจะได้บ้านที่ "ไม่มีเสาเข็ม" หรือ "ใช้เสาเข็มที่มีขนาดเล็กกว่าไซต์บ้านที่เราซื้อ" อยู่ไปนานๆ 3-4 ปี นอนหลับดีๆ บ้านก็มีโอกาสถล่มลงมาทับเราได้ และถ้าหนีทันคุณคือผู้โชคดี
6. ให้ติดตามกำแพงรั้วหมู่บ้านมีการลงเสาเข็มหรือมีสเตย์ยึดหรือไม่โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในบริเวณดินชุ่มน้ำ ติดทุ่งนา เพราะเวลาฝนตก น้ำท่วม ถ้าไม่มี 2 สิ่งนี้ยึดกำแพงอาจล้มได้และนั่นหมายถึงเราจะต้องเสียเงินลงขันทำกำแพงรั้วหมู่บ้านเพราะ โครงการส่วนใหญ่จะไม่อยู่ดูแลหมู่บ้านไปตลอด ถึงคราวเสียหาย โครงการจะปัดก้นหนีความรับผิดชอบไปเลย หน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภคไม่มีใครจะมาเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยเรา ว่าเป็นเล่นไปคะ เฉพาะกำแพงบ้านหลังเดียวขนาด30ตารางเมตรนิดๆ ยังใช้งบประมาณทำใหม่กว่าแสนบาท
7. ตอนมาดูบ้านกับโครงการให้ลองแอบชำเลืองมองคนที่มาซื้อบ้านหรือแอบถามเซล ว่าส่วนใหญ่คนซื้อบ้านทำงานอะไร เพื่อจะได้เลือกเพื่อนบ้านว่าอยู่แล้วสบายใจ ปลอดภัย ถ้าไม่ดูให้ดี เราออกจากบ้านไปทำงานยังไม่ทันขึ้นรถก็แอบปีนเข้าบ้านเราหยิบขอมีค่าไปได้
8. วันที่สร้างบ้านเสร็จ ก่อนรับมอบให้ตรวจตราให้เรียบร้อยว่าสิ่งที่เราขอให้มีแล้วโครงการรับปากก่อนเราซื้อ ถ้าไม่แน่ใจอย่าเพิ่งเซ็นรับมอบ บางทีเซลก็บอกว่า เซ็นๆ ไปก่อน มีปัญหาแล้วค่อยมาบอก โครงการรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าเราตามใจเซลโดยไม่ตรวจตราให้รอบคอบ เราอาจเป็นผู้ควักเงินจ่ายเองในภายหลังได้เช่น ขอให้ทำหน้าต่างจากบานพับเป็นสไลด์ (ซึ่งโครงการจะเรียกเก็บเงินก่อน) แต่วันมอบไม่ได้ทำให้ทำเป็นบานพับมา หรือห้องนอนใหญ่ให้แบ่งกั้นเป็นห้องเล็กเพื่อใช้เป็นห้องแต่งตัว และจ่ายเงินไปแล้วแต่ของจริงไม่ได้ทำให้ ซึ่งจะทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าโึครงการทำให้ เป็นต้น
.......อันนี้เป็นแค่น้ำจิ้ม นิดหน่อยเท่านั้นนะคะที่เอามาฝาก.....ยังมีอีกมากมายลองศึกษาเพิ่มเติมกันด้วยนะคะ......