ว่าด้วยเหตุแห่งการเกิดในครรภ์......

กระทู้คำถาม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์ ย่อมมีขึ้นได้ เพราะการ
ประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ อย่าง. ในสัตว์โลกนี้ แม้มารดาและบิดาเป็นผู้อยู่
ร่วมกัน แต่มารดายังไม่ผ่านการมีระดู และคันธัพพะ (สัตว์ที่จะเข้าไปปฏิสนธิ
ในครรภ์นั้น) ก็ยังไม่เข้าไปตั้งอยู่โดยเฉพาะด้วย, การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์
ก็ยังมีขึ้นไม่ได้ก่อน. ในสัตว์โลกนี้ แม้มารดาและบิดาเป็นผู้อยู่ร่วมกัน และ
มารดาก็ผ่านการมีระดู แต่คันธัพพะยังไม่เข้าไปตั้งอยู่โดยเฉพาะ, การปฏิสนธิ
ของสัตว์ในครรภ์ก็ยังมีขึ้นไม่ได้นั่นเอง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! แต่เมื่อใดมารดาและ
บิดาเป็นผู้อยู่ร่วมกันด้วย มารดาก็ผ่านการมีระดูด้วย คันธัพพะก็เข้าไปตั้ง
อยู่โดยเฉพาะด้วยแล้ว, การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์ ย่อมสำเร็จได้ เพราะการ
ประชุมพร้อมกัน ของสิ่ง ๓ อย่าง ด้วยอาการอย่างนี้.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! มารดาย่อมบริหารซึ่งสัตว์ผู้เกิดในครรภ์นั้น ด้วยความ
เป็นห่วงอย่างใหญ่หลวง เป็นภาระหนัก ตลอดเวลาเก้าเดือนบ้าง สิบเดือนบ้าง.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เมื่อท้องล่วงไปเก้าเดือนหรือสิบเดือนบ้าง, มารดาย่อมคลอด
บุตรนั้นด้วยความวิตกห่วงใยอย่างใหญ่หลวง เป็นภาระหนัก; ได้เลี้ยงซึ่งบุตรอันเป็น
ผู้เกิดแล้วนั้น ด้วยโลหิตแห่งตนเอง. ภิกษุ ท.! ในวินัยของพระอริยเจ้า
สิ่งที่เรียกว่า "โลหิต" นี้ หมายถึงน้ำนมของมารดา.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ทารกนั้น อาศัยความเจริญวัยขึ้น มีอินทรีย์ทั้งหลายอันเติบโตเต็มที่แล้ว
เล่นอยู่ด้วยของเล่นสำหรับเด็ก เช่น เล่นไถน้อย ๆ เล่นหม้อข้าวหม้อแกง เล่น
ของเล่นชื่อโมกขจิกะ๑ เล่นกังหันลมน้อย ๆ เล่นตวงทรายด้วยเครื่องตวงที่ทำด้วย
ใบไม้ เล่นรถน้อย ๆ เล่นธนูน้อย ๆ.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ทารกนั้น ครั้นเจริญวัยขึ้นแล้ว มีอินทรีย์ทั้งหลายอันเจริญเต็มที่
แล้ว เป็นผู้เอิบอิ่มเพียบพร้อมด้วยกามคุณห้า ให้เขาบำเรออยู่ : ทางตาด้วยรูปทั้งหลาย,
ทางหูด้วยเสียงทั้งหลาย, ทางจมูกด้วยกลิ่นทั้งหลาย, ทางลิ้นด้วยรสทั้งหลาย, และทางกายด้วย
โผฏฐัพพะทั้งหลาย, ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ ที่ยวนตา
ยวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ย้อมใจ และเป็นที่ตั้งแห่งความรัก.

ทารกนั้น ครั้นเห็นรูปด้วยจักษุแล้ว... ได้ยินเสียงด้วยหูแล้ว...;รู้สึก
กลิ่นด้วยจมูกแล้ว...; ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว…;ถูกต้องสัมผัสทางผิวหนังด้วยผิวกาย
แล้ว…; รู้แจ้งธัมมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมกำหนัดยินดีในรูปและเสียง....เป็นต้น
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรัก, ย่อมขัดใจในรูป..... เป็นต้นแล้ว
อันมีลักษณะเป็นที่ตั้งแห่งความชัง. ; กุมารนั้น ย่อมมีจิตใจด้อยด้วยคุณธรรม
ไม่เป็นผู้ตั้งมั่นไว้ซึ่งสติอันเป็นไปในกายด้วย มีใจเป็นอกุศลธรรมอันลามก
(ด้วยอำนาจแห่งอวิชชา) ย่อมไม่รู้ชัดตามที่เป็นจริง  ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับ
ไม่เหลือแห่งธรรมอันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย. กุมารน้อยนั้น เมื่อประกอบด้วย
ความยินดีและความยินร้ายอยู่เช่นนี้แล้ว,เสวยอยู่เฉพาะซึ่งเวทนาใด ๆ เป็นสุข
ก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม, เขาย่อมเพลิดเพลิน พร่ำ
สรรเสริญ เมาหมกอยู่ ซึ่งเวทนานั้น ๆ. เมื่อเป็นอยู่เช่นนั้น, ความเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ ซึ่งเวทนานั้น ๆ นันทิ(กำหนัดยินดีที่ได้ตามอยาก) ย่อมบังเกิดขึ้น.
ความเพลินใดในเวทนาทั้งหลาย มีอยู่, ความเพลินอันนั้นเป็นอุปาทาน.
เพราะอุปาทาน(ยึดมั่นในเวทนา)ของเขานั้นเป็นปัจจัย จึงเกิดมีภพ;
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดมีชาติ; เพราะชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จึงเกิดขึ้นครบถ้วน. ความก่อขึ้นแห่งกอง
ทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
- มู. ม. ๑๒/๔๕๒-๔๕๓/๔๘๗-๔๘๘
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่