คือ. ผมแค่สงสัยนะครับว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งดูเหมือนว่าจะมีใจให้เกย์คนหนึ่งมันเป็นที่หน้ารังเกียจหรือเป็นเรื่องที่สังคมไม่ยอมรังขนานนั้นเลยรึป่าวครับ.
ถ้าถามผมว่าทำไมอยู่ถึงมาตั้งกระทู้ถามอะไรแบบนี้. พวกคุณลองอ่านเรื่องราวที่ผมประสบมากับตัวเองกันก่อนดีกว่าไหมครับ. แล้วพวกคุณจะเข้าใจผมมากขึ้น
สวัสดีครับ .เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆกับชีวืตผม อาจจะการปรับถ้อยคำในการสื่อสารเล็กน้อยเพื่อนให้สะดวกแก่การอ่านนะครับ. แต่รับรองว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงครับ
เรารู้จักกันต้องแต่ชั้นม.ปลายแต่ไม่ค่อยสนิทด้วยเลยไม่ได้ทำความรู้จักอะไรกันมากมาย. แต่เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นช่วงมหาลัยครับ. จริงๆแล้วผมอายุมากกว่าเค้านิดหน่อย เพราะเคยดรอปเรียนไปเพื่อไปศึกษาต่อเมืองนอกเป็นเวลา1ปี. ทำให้ผมมีเะื่อนเป็นเดกรุ่นน้อง. ตอนมัธยมเราแทบไม่รู้จักกันเลยนะครับ.รู้แค่ชื่อ เจอกันตามงานวันเกิดเพื่อนๆ .ตามงานเลี้ยงต่างๆที่กลุ่มเพื่อนๆจัดกัน จนมาตอนช่วงก่อนเข้ามหาลัยผมก็ได้รู้ว่าต้องอยู่ที่เดียวกับมัน..มันมีการพูดกับผมนะว่า..นี่เราต้องเจอกันอีก4ปีเลยหรอวะ..ในใจตอนนั้นผมก็คิดว่า..เออ กูคงอยากเจอ

เลยเนอะ 5555
พอมาถึงตอนเรียนsummerที่หมาย.เราก็ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น.สนิทกันมากขึ่น. จนมันแอบก่อตัวเป็นความรักแบบเงียบๆในใจของผม...คนเดียว ผมจะไม่ปริปากบ่น จะไม่กระโตกกระตากให้มันเห็นให้มันรู้เลยนะ .ถ้ามันไม่มีท่าทีว่ามันเองก็ชอบผมเหมือนกัน. อย่างเวลาผมเดอนไปไหนมาไหน..ผมจะชอบเดอนกับมัน.ทั้งๆที่เพื่อนจากโรงเรียนเก่าที่มันสนิทมากๆก็มากันด้วยเยอะแยะ. มันเแงก็คงพอใจที่ได้เดินกับผม..เวลาเจอหน้ากัน.ผมจะเห็นมันเป็นคนแรก แม้ว่ามันจะอยู่ข้างหลังสุด หรืออยู่ไกลแค่ไหน.แล้วมันเองก็จะยิ้มด้วยสายตาที่อบอุ่นอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้ของมันเลยต้องแต่รู้จักกันมา3 4ปี(คล้ายๆเวลาพระเอกมองตานางเอกเวลาเค้ารักกันน่ะครับ) มันเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง เล่าว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร. เล่าว่าชอบสัตว์อะไร ที่บ้านเป็นไง.พ่อแม่เลี้ยงดูยัง. ผมจะชอบเขิลเวลาอยู่ใกล้ๆมัน .มันเองก็เหมือนจะเก็บอาการอยู่หรือไม่มันก็ไม่คิดอะไร. เวลานั้งในร้าน.ผมจะชอบนั้งตรงข้ามมัน.ถ้ามีโอกาสนะ มันเคยหน้าแดงเวลาผมจับมือมัน..มันจะนอนหันหน้ามาทางผมเสมอเวลาผมนอนห้องมัน ผมเคยแอบจับมือมันตอนนอนแล้วผมก็รู้ด้วยว่ามันรู้สึกตัว. ที่สำคัญที่ทำให้ผมมโหนไปไกลเบ
ลงพื้น..มีอยู่วันนึง.มันต้องไปส่งพ่อที่สนานบินไปต่างประเทศ โดยผมอาสาไป
กับมันด้วย. ผมยอมรับเลยว่าผมมีความสุขมากๆวันนั้น. ผมแอบคิดในใจเล่นๆนะว่า แหม... ยังกะเราสองคนเป็นแฟนกันเลยเนอะ. มันเองก็ดูมีความสุขนะ. ขากลับของตอนนั้นผมก็ใกล้ดึงจมูกมันเล่นๆ.ซึ้งปกติแล้วมันไม่ชอบให้ใครจับจมูกเลย มันสิ่งที่มันถือมากที่สุด...แต่วันนั้นมันไม่ว่าอะไรเลย. ยังมีการบอกแบบยิ้มๆด้วยว่า..เอาเลย20บาทค่าจับจมูก. ผมก็ขำเลยสิครับ555
ทุกๆอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีใช่ไหมล่ะ. คุณคงคิดว่าเราสองคนคงจะเผยความในใจให้กันและกันรู้ บอกรัก .แล้วก็คบกันอย่างมีความสุขใช่ม้าา ? .
.
.
.
.
.
มันก็เกือบถูกนะ. ถ้าผมไม่ทำอะไรโง่ๆซะก่อน
แค่เกือบจะได้รักกันน่ะ. มันไม่เพียงพอให้เกิดเป็นรักหรอกนะครับ
ช่วยกันแสดงความเห็นนะ ถ้าอยากฟังตอนจบ
ผู้ชายจริงๆนี่ รักเกย์ไม่ได้ใช่ไหม
ถ้าถามผมว่าทำไมอยู่ถึงมาตั้งกระทู้ถามอะไรแบบนี้. พวกคุณลองอ่านเรื่องราวที่ผมประสบมากับตัวเองกันก่อนดีกว่าไหมครับ. แล้วพวกคุณจะเข้าใจผมมากขึ้น
สวัสดีครับ .เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆกับชีวืตผม อาจจะการปรับถ้อยคำในการสื่อสารเล็กน้อยเพื่อนให้สะดวกแก่การอ่านนะครับ. แต่รับรองว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงครับ
เรารู้จักกันต้องแต่ชั้นม.ปลายแต่ไม่ค่อยสนิทด้วยเลยไม่ได้ทำความรู้จักอะไรกันมากมาย. แต่เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นช่วงมหาลัยครับ. จริงๆแล้วผมอายุมากกว่าเค้านิดหน่อย เพราะเคยดรอปเรียนไปเพื่อไปศึกษาต่อเมืองนอกเป็นเวลา1ปี. ทำให้ผมมีเะื่อนเป็นเดกรุ่นน้อง. ตอนมัธยมเราแทบไม่รู้จักกันเลยนะครับ.รู้แค่ชื่อ เจอกันตามงานวันเกิดเพื่อนๆ .ตามงานเลี้ยงต่างๆที่กลุ่มเพื่อนๆจัดกัน จนมาตอนช่วงก่อนเข้ามหาลัยผมก็ได้รู้ว่าต้องอยู่ที่เดียวกับมัน..มันมีการพูดกับผมนะว่า..นี่เราต้องเจอกันอีก4ปีเลยหรอวะ..ในใจตอนนั้นผมก็คิดว่า..เออ กูคงอยากเจอ
พอมาถึงตอนเรียนsummerที่หมาย.เราก็ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น.สนิทกันมากขึ่น. จนมันแอบก่อตัวเป็นความรักแบบเงียบๆในใจของผม...คนเดียว ผมจะไม่ปริปากบ่น จะไม่กระโตกกระตากให้มันเห็นให้มันรู้เลยนะ .ถ้ามันไม่มีท่าทีว่ามันเองก็ชอบผมเหมือนกัน. อย่างเวลาผมเดอนไปไหนมาไหน..ผมจะชอบเดอนกับมัน.ทั้งๆที่เพื่อนจากโรงเรียนเก่าที่มันสนิทมากๆก็มากันด้วยเยอะแยะ. มันเแงก็คงพอใจที่ได้เดินกับผม..เวลาเจอหน้ากัน.ผมจะเห็นมันเป็นคนแรก แม้ว่ามันจะอยู่ข้างหลังสุด หรืออยู่ไกลแค่ไหน.แล้วมันเองก็จะยิ้มด้วยสายตาที่อบอุ่นอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้ของมันเลยต้องแต่รู้จักกันมา3 4ปี(คล้ายๆเวลาพระเอกมองตานางเอกเวลาเค้ารักกันน่ะครับ) มันเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง เล่าว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร. เล่าว่าชอบสัตว์อะไร ที่บ้านเป็นไง.พ่อแม่เลี้ยงดูยัง. ผมจะชอบเขิลเวลาอยู่ใกล้ๆมัน .มันเองก็เหมือนจะเก็บอาการอยู่หรือไม่มันก็ไม่คิดอะไร. เวลานั้งในร้าน.ผมจะชอบนั้งตรงข้ามมัน.ถ้ามีโอกาสนะ มันเคยหน้าแดงเวลาผมจับมือมัน..มันจะนอนหันหน้ามาทางผมเสมอเวลาผมนอนห้องมัน ผมเคยแอบจับมือมันตอนนอนแล้วผมก็รู้ด้วยว่ามันรู้สึกตัว. ที่สำคัญที่ทำให้ผมมโหนไปไกลเบ
ลงพื้น..มีอยู่วันนึง.มันต้องไปส่งพ่อที่สนานบินไปต่างประเทศ โดยผมอาสาไป
กับมันด้วย. ผมยอมรับเลยว่าผมมีความสุขมากๆวันนั้น. ผมแอบคิดในใจเล่นๆนะว่า แหม... ยังกะเราสองคนเป็นแฟนกันเลยเนอะ. มันเองก็ดูมีความสุขนะ. ขากลับของตอนนั้นผมก็ใกล้ดึงจมูกมันเล่นๆ.ซึ้งปกติแล้วมันไม่ชอบให้ใครจับจมูกเลย มันสิ่งที่มันถือมากที่สุด...แต่วันนั้นมันไม่ว่าอะไรเลย. ยังมีการบอกแบบยิ้มๆด้วยว่า..เอาเลย20บาทค่าจับจมูก. ผมก็ขำเลยสิครับ555
ทุกๆอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีใช่ไหมล่ะ. คุณคงคิดว่าเราสองคนคงจะเผยความในใจให้กันและกันรู้ บอกรัก .แล้วก็คบกันอย่างมีความสุขใช่ม้าา ? .
.
.
.
.
.
มันก็เกือบถูกนะ. ถ้าผมไม่ทำอะไรโง่ๆซะก่อน
แค่เกือบจะได้รักกันน่ะ. มันไม่เพียงพอให้เกิดเป็นรักหรอกนะครับ
ช่วยกันแสดงความเห็นนะ ถ้าอยากฟังตอนจบ