สวัสดีค่า ในที่สุดเราก็กลับมาจนได้ 55555 หลังจากคิดว่าอาจจะไม่ได้กลับมาตั้งกระทู้อีกระยะยาวซะแล้ว T^T
ไม่รู้ว่าจะยังมีใครพอจะจำกันได้มั้ย เราเขียนกระทู้มาตั้งแต่สมัยไปเรียนบัลเล่ต์ที่นิวยอร์ค จนไปตามจีบหนุ่มญี่ปุ่น(?!?) และสุดท้ายก็กลับมาเมืองไทย ก่อนจะไปป่วนที่โอซาก้าต่อเป็นระลอกค่ะ (ใครไม่รู้ที่มาที่ไปหาอ่านได้ในกระทู้เก่าๆนะค้า)
ต้องขอสารภาพก่อนสำหรับใครที่ยังพอจำกันได้ว่า เมื่อช่วงต้นปี เรากับพ่อหนุ่มสนูปี้มีเหตุต้องเลิกกันไปตั้งแต่ปลายเดือนกุมภา ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าเฮิร์ทมากค่ะ ไปไม่เป็นเลยเหมือนกัน ^^" แต่ว่าช่วงนั้นเราเองก็มีละครที่จะต้องแสดง และช่วงนั้นก็ไปช่วยครูทำโชว์มิวสิคัลคอนเสิร์ตของเด็กๆไปด้วย ซึ่งเป็นช่วงพีคเพราะเด็กๆต้องเข้าโรงละครพอดี ก็เลยไม่มีแม้แต่เวลาจะเวิ่นเว้อใดๆ ก็เลยทำงานมันสัปดาห์ละ7วันเพื่อให้ลืมๆเศร้าไปค่ะ
แต่จู่ๆวันนึงช่วงต้นเดือนพฤษภา พี่สาวอีตาสนูปี้ก็ส่งข้อความมาบอกว่า พี่กับแม่จะบินมาเเมืองไทยเพื่อดูแพนจังแสดงนะ บอกมาวันเสาร์ บินมาถึงวันพฤหัส แถมยังจองตั๋วจองโรงแรมเรียบร้อยแล้วด้วย!! อิฉันก็เหวอสิคะ ตอนนั้นอารมณ์แบบว่า...ห๊ะ แม่จะมา?? ดีนะที่เรามีแสดงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ทำให้อย่างน้อยก็ยังพอจะไปรับที่สนามบินได้ เพราะแม่มาถึงวันพฤหัส แต่ประเด็นคือ แม่จะมาดู ไอ้เราก็ควรจะไปหาตั๋วฟรีให้ เพราะอุตส่าห์บินมาจากญี่ปุ่นเพื่อมาดูมิวสิคัลที่เล่นเป็นภาษาไทย(ถึงเนื้อเรื่องจะจีนก็เถอะ...ไม่ช่วยอะไรนะ 555) และแน่นอน แม่ไม่เข้าใจชัวร์
ความลำบากที่สองก็คือ โรงละครที่เราเล่นอยู่ตั้งรังสิต แล้วแม่เล่นบินมาพฤหัสเย็น กลับจันทร์ดึกๆ และแน่นอนว่าทั่งสามวันที่ท่านแม่ว่าง อิฉันก็นอนหอที่รังสิตและไม่สามารถไปเทคแคร์ใดๆได้เสียด้วย
แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ลงตัวด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนๆค่ะ ^_^
วันที่ไปรับท่านแม่ เราก็บึ่งแท็กซี่ไปเลย พอเจอกัน ก็มีกอดกัน คุยกันมุ้งมิ้งๆไปจนถึงโรงแรม แล้วท่านแม่ก็เอาของมาฝาก เป็นกระเป๋าสตางค์และปากกาน่ารักๆค่ะ และสุดท้าย ซองใส่รูป ซึ่งเราก็เดาได้ไม่ยากว่ามันเป็นรูปจากคอนเสิร์ตเมื่อเดือนธันวา ซึ่งรูปแรกๆก็เป็นรูป จขกท ตอนร้องเพลง ตอนแสดงบัลเล่ต์ ประมาณนี้ค่ะ
มาถึงขนาดนี้ก็ไม่ต้องอายหน้าตัวเองแล้วล่ะ 555555
รูปหมู่ ซึ่งก็ยังโอเคค่ะ
แต่สุดท้ายเปิดมาเจอรูปนี้ จขกท ตอนแรกก็ยังมุ้งมิ้งๆ เราอยู่ไหนน๊าาาา อยู่ไหนน๊าาาาา จนสายตาไปเจอหน้าตัวเองตรงมุมๆขวา...
ณ จุดนั้น ไอ้ที่ไม่ได้ร้องไห้เลยตั้งแต่วันแรกที่โดนเค้าขอเลิก ก็นั่นล่ะค่ะ ทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่ อินี่น้ำตาไหลพรากๆโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว ซึ่งท่านแม่ก็เหมือนจะรออยู่แล้ว เลยรีบดึงไปกอด ลูบหัวลูบหาง (เดี๋ยวนะ...หางไม่มี!!) แล้วบอก รักแพนจังน้าาาา โอ๋ๆ รักน้าาาา
...แต่ลูกชายแม่มันไม่รักหนูแล้วนี่...
ดราม่ากันอยู่พักใหญ่ค่ะ กว่าจะจบ น้ำตาแห้ง และออกไปกินข้าว
ตัดฉากมาที่วันสุดท้าย ซึ่งตั้งแต่เจอเคสบ่อน้ำตาแตกไปวันแรก ก็ไม่มีใครพูดถึงฮีอีกเลยจนกระทั่งเราไปส่งเค้าที่สนามบิน หลังจากที่ท่านแม่ผ่าน ตม. เข้าเกทไปแล้ว เราก็เลยส่งอีเมลไปฉบับนึงเพื่อบอกท่านแม่ว่า ช่วยบอกคุณชายทีว่าติดต่อมาบ้างนะ อย่างน้อยเราเลิกกันไป เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ ซึ่งท่านแม่ก็ตอบกลับมาว่า เดี๋ยวแม่บอกให้นะ
ผ่านไปจนกระทั่งสายๆอีกวัน ซึ่งท่านแม่คงถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้รับข้อความว่า เป็นยังไงบ้าง ขอบคุณที่ช่วยดูแลเทคแคร์แม่เรานะ...ไปละ บายๆ
แน่นอนว่าสาวแพนย่อมกรีดร้องและตอบอย่างไวมาก ใส่ไปเป็นชุด จนกระทั่งฮียอมตอบกลับต่อ หึๆๆๆ แล้วสุดท้าย จากการหว่านล้อมและชักแม่น้ำทั้งห้า ฉีก็ยอมให้เราวีดีโอคอลล์ไปหาในที่สุด ซึ่งแน่นอน ตามประสานางเอกอ่อนแออย่างเรา เมื่อฮีรับสาย สิ่งแรกที่เราทำคือน้ำตาไหลพรากๆ เพราะตอนบอกเลิก ฮีบอกแล้วตัดการติดต่อไปเลยเป็นเวลาสามเดือน จนกระทั่งวันนี้ ซึ่งแน่นอนว่า ณ จุดนั้น จขกท บอกตรงๆว่าเลิกหวังไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราจะได้เจอหน้ากันอีก จนฮีเมสเสจมาเนี่ยแหละค่ะ
และหลังจากคุยกัน ซึ่งฮีก็ไม่ยอมบอกสักทีว่าเราเลิกกันเพราะอะไร (ใช่ค่ะ จขกท ไม่รู้เลยจริงๆว่าเราเลิกกันเพราะอะไร) แต่เราก็ตกลงกันว่า โอเค เราเป้นเพื่อนกันนะ เหมือนเมื่อก่อน แต่หลังจากนี้ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็ช่วยบอกหน่อยนะ ไม่ใช่หายไปเฉยๆแบบนี้ เธอไม่เข้าใจฉัน และฉันก็ไม่เข้าใจเธอ แล้วมันก็ทำให้เรารู้สึกแย่กันทั้งคู่นะ แน่นอนว่าฮีรับปากในที่สุดค่ะ
หลังจากนั้นไม่นาน จขกท ก็ถามฮีว่า ปีนี้แสดงคอนเสิร์ตเมื่อไหร่ ซึ่งพอรู้ เราก้คิดเองเออเองเสร็จสรรพว่า ไหนๆแม่เค้าก็อุตส่าห์บินมาเพื่อมาดูเรา (มาเพื่อดูจริงๆแล้วก็กลับค่ะ ไม่ได้แพลนเที่ยวเลย เผื่อไว้สี่วันนี่เพราะว่าท่านแม่ไม่ชัวร์ว่าจะได้ดูเราแสดงวันไหน ก็เลยจองมาตลอดวีคเอนด์ซะเลย อย่างน้อยดูวันเดียว วันอื่นว่างก็ยังไปเดินเล่นแถวนั้นได้) เมื่อเค้าแสดง เราก็ควรไปดูเค้าบ้างนะ ซึ่งเป็นตรรกะที่คิดเองเออเองสุดๆ 555 แต่ก็นะ ตอนนั้นก็เป็นอารมณ์อยากไปดูจริงๆ และอยากไปเจอฮีด้วย ^^"
เอารูปที่ถ่ายกะท่านแม่และท่านพี่มาฝากนิดนึง 55 ดูจากคอสตูม บางคนอาจจะรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าเราแสดงเรื่องอะไร แหะๆๆ
และหลังจากคุยกันหลายต่อหลายครั้ง ก็มาสรุปที่ว่าเราจะไปถึงคืนก่อนวันแสดง และหลังจากแสดงเสร็จ ท่านแม่จะพาพวกเรา (คือท่านแม่ ท่านพี่ จขกท และอีตาสนูปี้) ไปแอ่วฮอกไกโดกันค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเราย่อมฟินมากกกก เพราะเอาจริงๆไปญี่ปุ่นมาสามรอบแล้ว แค่ในโอซาก้าก็ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย เนื่องจากวันๆก็อยู่แต่บ้านเน่าะ จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนก๊านนนนน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของภารกิจตามล่าหนุ่ม...เอ้ย ตามล่าหัวใจของสาวเอ๋อค่าาาาาาาาาาา
ขอเวลานั่งลงรูปจากกล้องแลtมือถือนะคะ ถ้ายังไม่สลบซะก่อน ภายในคืนนี้ไม่ก็พรุ่งนี้เช้าจะมาอัพเดทให้แน่นอนค่า ^^
ปล. ยังมีเนื้อเรื่องและภาพต่อนะคะ จะอัพเดทให้เรื่อยๆค่า คิดว่าจบวันนี้ได้ ฮ่าๆๆๆ แน่นอนว่ามันต้องมีสตอรี่ หุหุหุหุ
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: ภารกิจตามล่าหัวใจทางไกลของฉัน
ไม่รู้ว่าจะยังมีใครพอจะจำกันได้มั้ย เราเขียนกระทู้มาตั้งแต่สมัยไปเรียนบัลเล่ต์ที่นิวยอร์ค จนไปตามจีบหนุ่มญี่ปุ่น(?!?) และสุดท้ายก็กลับมาเมืองไทย ก่อนจะไปป่วนที่โอซาก้าต่อเป็นระลอกค่ะ (ใครไม่รู้ที่มาที่ไปหาอ่านได้ในกระทู้เก่าๆนะค้า)
ต้องขอสารภาพก่อนสำหรับใครที่ยังพอจำกันได้ว่า เมื่อช่วงต้นปี เรากับพ่อหนุ่มสนูปี้มีเหตุต้องเลิกกันไปตั้งแต่ปลายเดือนกุมภา ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าเฮิร์ทมากค่ะ ไปไม่เป็นเลยเหมือนกัน ^^" แต่ว่าช่วงนั้นเราเองก็มีละครที่จะต้องแสดง และช่วงนั้นก็ไปช่วยครูทำโชว์มิวสิคัลคอนเสิร์ตของเด็กๆไปด้วย ซึ่งเป็นช่วงพีคเพราะเด็กๆต้องเข้าโรงละครพอดี ก็เลยไม่มีแม้แต่เวลาจะเวิ่นเว้อใดๆ ก็เลยทำงานมันสัปดาห์ละ7วันเพื่อให้ลืมๆเศร้าไปค่ะ
แต่จู่ๆวันนึงช่วงต้นเดือนพฤษภา พี่สาวอีตาสนูปี้ก็ส่งข้อความมาบอกว่า พี่กับแม่จะบินมาเเมืองไทยเพื่อดูแพนจังแสดงนะ บอกมาวันเสาร์ บินมาถึงวันพฤหัส แถมยังจองตั๋วจองโรงแรมเรียบร้อยแล้วด้วย!! อิฉันก็เหวอสิคะ ตอนนั้นอารมณ์แบบว่า...ห๊ะ แม่จะมา?? ดีนะที่เรามีแสดงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ทำให้อย่างน้อยก็ยังพอจะไปรับที่สนามบินได้ เพราะแม่มาถึงวันพฤหัส แต่ประเด็นคือ แม่จะมาดู ไอ้เราก็ควรจะไปหาตั๋วฟรีให้ เพราะอุตส่าห์บินมาจากญี่ปุ่นเพื่อมาดูมิวสิคัลที่เล่นเป็นภาษาไทย(ถึงเนื้อเรื่องจะจีนก็เถอะ...ไม่ช่วยอะไรนะ 555) และแน่นอน แม่ไม่เข้าใจชัวร์
ความลำบากที่สองก็คือ โรงละครที่เราเล่นอยู่ตั้งรังสิต แล้วแม่เล่นบินมาพฤหัสเย็น กลับจันทร์ดึกๆ และแน่นอนว่าทั่งสามวันที่ท่านแม่ว่าง อิฉันก็นอนหอที่รังสิตและไม่สามารถไปเทคแคร์ใดๆได้เสียด้วย
แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ลงตัวด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนๆค่ะ ^_^
วันที่ไปรับท่านแม่ เราก็บึ่งแท็กซี่ไปเลย พอเจอกัน ก็มีกอดกัน คุยกันมุ้งมิ้งๆไปจนถึงโรงแรม แล้วท่านแม่ก็เอาของมาฝาก เป็นกระเป๋าสตางค์และปากกาน่ารักๆค่ะ และสุดท้าย ซองใส่รูป ซึ่งเราก็เดาได้ไม่ยากว่ามันเป็นรูปจากคอนเสิร์ตเมื่อเดือนธันวา ซึ่งรูปแรกๆก็เป็นรูป จขกท ตอนร้องเพลง ตอนแสดงบัลเล่ต์ ประมาณนี้ค่ะ
มาถึงขนาดนี้ก็ไม่ต้องอายหน้าตัวเองแล้วล่ะ 555555
รูปหมู่ ซึ่งก็ยังโอเคค่ะ
แต่สุดท้ายเปิดมาเจอรูปนี้ จขกท ตอนแรกก็ยังมุ้งมิ้งๆ เราอยู่ไหนน๊าาาา อยู่ไหนน๊าาาาา จนสายตาไปเจอหน้าตัวเองตรงมุมๆขวา...
ณ จุดนั้น ไอ้ที่ไม่ได้ร้องไห้เลยตั้งแต่วันแรกที่โดนเค้าขอเลิก ก็นั่นล่ะค่ะ ทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่ อินี่น้ำตาไหลพรากๆโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว ซึ่งท่านแม่ก็เหมือนจะรออยู่แล้ว เลยรีบดึงไปกอด ลูบหัวลูบหาง (เดี๋ยวนะ...หางไม่มี!!) แล้วบอก รักแพนจังน้าาาา โอ๋ๆ รักน้าาาา
...แต่ลูกชายแม่มันไม่รักหนูแล้วนี่...
ดราม่ากันอยู่พักใหญ่ค่ะ กว่าจะจบ น้ำตาแห้ง และออกไปกินข้าว
ตัดฉากมาที่วันสุดท้าย ซึ่งตั้งแต่เจอเคสบ่อน้ำตาแตกไปวันแรก ก็ไม่มีใครพูดถึงฮีอีกเลยจนกระทั่งเราไปส่งเค้าที่สนามบิน หลังจากที่ท่านแม่ผ่าน ตม. เข้าเกทไปแล้ว เราก็เลยส่งอีเมลไปฉบับนึงเพื่อบอกท่านแม่ว่า ช่วยบอกคุณชายทีว่าติดต่อมาบ้างนะ อย่างน้อยเราเลิกกันไป เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ ซึ่งท่านแม่ก็ตอบกลับมาว่า เดี๋ยวแม่บอกให้นะ
ผ่านไปจนกระทั่งสายๆอีกวัน ซึ่งท่านแม่คงถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้รับข้อความว่า เป็นยังไงบ้าง ขอบคุณที่ช่วยดูแลเทคแคร์แม่เรานะ...ไปละ บายๆ
แน่นอนว่าสาวแพนย่อมกรีดร้องและตอบอย่างไวมาก ใส่ไปเป็นชุด จนกระทั่งฮียอมตอบกลับต่อ หึๆๆๆ แล้วสุดท้าย จากการหว่านล้อมและชักแม่น้ำทั้งห้า ฉีก็ยอมให้เราวีดีโอคอลล์ไปหาในที่สุด ซึ่งแน่นอน ตามประสานางเอกอ่อนแออย่างเรา เมื่อฮีรับสาย สิ่งแรกที่เราทำคือน้ำตาไหลพรากๆ เพราะตอนบอกเลิก ฮีบอกแล้วตัดการติดต่อไปเลยเป็นเวลาสามเดือน จนกระทั่งวันนี้ ซึ่งแน่นอนว่า ณ จุดนั้น จขกท บอกตรงๆว่าเลิกหวังไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราจะได้เจอหน้ากันอีก จนฮีเมสเสจมาเนี่ยแหละค่ะ
และหลังจากคุยกัน ซึ่งฮีก็ไม่ยอมบอกสักทีว่าเราเลิกกันเพราะอะไร (ใช่ค่ะ จขกท ไม่รู้เลยจริงๆว่าเราเลิกกันเพราะอะไร) แต่เราก็ตกลงกันว่า โอเค เราเป้นเพื่อนกันนะ เหมือนเมื่อก่อน แต่หลังจากนี้ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็ช่วยบอกหน่อยนะ ไม่ใช่หายไปเฉยๆแบบนี้ เธอไม่เข้าใจฉัน และฉันก็ไม่เข้าใจเธอ แล้วมันก็ทำให้เรารู้สึกแย่กันทั้งคู่นะ แน่นอนว่าฮีรับปากในที่สุดค่ะ
หลังจากนั้นไม่นาน จขกท ก็ถามฮีว่า ปีนี้แสดงคอนเสิร์ตเมื่อไหร่ ซึ่งพอรู้ เราก้คิดเองเออเองเสร็จสรรพว่า ไหนๆแม่เค้าก็อุตส่าห์บินมาเพื่อมาดูเรา (มาเพื่อดูจริงๆแล้วก็กลับค่ะ ไม่ได้แพลนเที่ยวเลย เผื่อไว้สี่วันนี่เพราะว่าท่านแม่ไม่ชัวร์ว่าจะได้ดูเราแสดงวันไหน ก็เลยจองมาตลอดวีคเอนด์ซะเลย อย่างน้อยดูวันเดียว วันอื่นว่างก็ยังไปเดินเล่นแถวนั้นได้) เมื่อเค้าแสดง เราก็ควรไปดูเค้าบ้างนะ ซึ่งเป็นตรรกะที่คิดเองเออเองสุดๆ 555 แต่ก็นะ ตอนนั้นก็เป็นอารมณ์อยากไปดูจริงๆ และอยากไปเจอฮีด้วย ^^"
เอารูปที่ถ่ายกะท่านแม่และท่านพี่มาฝากนิดนึง 55 ดูจากคอสตูม บางคนอาจจะรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าเราแสดงเรื่องอะไร แหะๆๆ
และหลังจากคุยกันหลายต่อหลายครั้ง ก็มาสรุปที่ว่าเราจะไปถึงคืนก่อนวันแสดง และหลังจากแสดงเสร็จ ท่านแม่จะพาพวกเรา (คือท่านแม่ ท่านพี่ จขกท และอีตาสนูปี้) ไปแอ่วฮอกไกโดกันค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเราย่อมฟินมากกกก เพราะเอาจริงๆไปญี่ปุ่นมาสามรอบแล้ว แค่ในโอซาก้าก็ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย เนื่องจากวันๆก็อยู่แต่บ้านเน่าะ จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนก๊านนนนน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของภารกิจตามล่าหนุ่ม...เอ้ย ตามล่าหัวใจของสาวเอ๋อค่าาาาาาาาาาา
ขอเวลานั่งลงรูปจากกล้องแลtมือถือนะคะ ถ้ายังไม่สลบซะก่อน ภายในคืนนี้ไม่ก็พรุ่งนี้เช้าจะมาอัพเดทให้แน่นอนค่า ^^
ปล. ยังมีเนื้อเรื่องและภาพต่อนะคะ จะอัพเดทให้เรื่อยๆค่า คิดว่าจบวันนี้ได้ ฮ่าๆๆๆ แน่นอนว่ามันต้องมีสตอรี่ หุหุหุหุ