คุณเคยบริจาคเงินแล้วโดนด่าไหม เหตุผลที่ทำให้คนที่บริจาคเศษเงินคิดว่าตัวเองมีค่ามากมาย

เป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้วแต่ไม่กล้าวิจารเพราะตอนนั้นยังมีข้อมูลไม่มากพอ ตอนนี้ผมพร้อมที่จะให้ทุกท่านได้อ่านและร่วมแสดงความคิดเห็นแล้วและแน่นอน ผมแทกห้องศาสนาด้วย จริงๆ แล้วมีการพิสูจน์หลายครั้งว่าพวกเขาใช้เหตุผลไม่ค่อยเก่งหรือตอบแบบเหมือนไม่อยากให้คุณอ่านแต่ความคิดเห็นของพวกเขาน่าสนใจและมันเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มๆ ผมอยากรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไร

ไม่ร่ายยาว สรุปเลยแล้วกัน (พิมพ์ไว้เยอะแต่ลบทิ้งก่อนโพสต์)

                   ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมรู้จักบริจากเงินเพื่อนช่วยเหลือองค์กรเพื่อสังคมที่ภรรยาแกเป็นสมาชิกอยู่โดยมีเหตุผลเป็นนัยน์ต่อหัวหน้าแคมพ์ว่าช่วยดูแลแฟนแกด้วย หรือพูดง่ายๆ คือ ฝากดูแล หรือสิทธิพิเศษเพื่อให้แฟนแกอยู่สบายกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะ คณะที่ว่านี้มีหน้าที่ไปตามที่ชนบทต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ด้วยวิธีของเขา อาจจะเป็นทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ หรือทำอาหารให้พวกเขาทาน ภายหลังมีคนรู้ว่าแฟนของผู้ใหญ่ท่านนั้นได้รับสิทธิพิเศษจึงมีการนินทากันเบื้องหลังและมีคนเกลียดแก แต่ประเด็นคือเงินที่ผู้ใหญ่แกบริจาคไปนั้นมากพอที่จะซื้ออาหารดีๆ ได้หลายมื้อให้กับนักเรียนหลายคน ซื้อรองเท้าหรือชุดนักเรียนใหม่ได้หลายตัวเลยทำให้ไม่มีใครกล้าพูดเพราะอาจเรียกได้ว่าแกเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่รายหนึ่งเลยก็ว่าได้

                   มีการพูดลับหลังหรือด่าทอว่าแกไม่ได้ให้ด้วยใจผมในฐานะผู้เฝ้ามองเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกแก แต่รู้ไหม แกหัวเราะและบอกว่าเรื่องนี้ไม่เคยออยู่ในหัวแกเลย ถ้าผมไม่พูดถึงแกคงจะลืมไปแล้วเพราะก่อนหน้านั้นก็เคยมีคนบอกแกก่อน (แอบทึ่งนิดๆ) สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือ อะไรทำให้คนแยกแยะว่าจะไรเลวอะไรดีต่อเรื่องนั้น สิ่งที่คนคนนี้ทำอาจสร้างชีวิตที่ดีขึ้นของเด็กสักคนในช่วงเวลานั้นได้เลยขณะที่คณะนั้นทำได้มากสุดแค่ทาสีอาคารใหม่ ซึ่งผมไม่คิดว่าพวกเขาอยากได้อาคารสีชมพูทั้งที่บ้านตัวเองยังเป็นรูกันฝนไม่ได้ ไม่รู้สิผมคิดแบบนั้น

                    ซึ่งที่สุดแล้วมีนักศาสนาบางคนกล่าวว่าการให้แบบนั้นมันบาป ผมไม่รู้ว่าบาปคืออะไร แต่คิดว่ามันเป็นคำที่มีความหมายในเชิงลบ อย่างไรก็ดีผมยังนึกไม่ออกว่าการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนอื่นจะบาปได้อย่างไร ทีนี้ผู้อ่านที่เคารพ ท่านมองเห็นรูปแบบของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือยังครับเพราะอย่างที่กล่าว เงินที่แกบริจาคนั้นแกไม่ได้ปล้นใครมา แต่แกกลายเป็นไอ้สารเลวสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเพราะมุมมองของพวกเขา ผมหมายถึงมีคนไปแคมพ์นั้นยี่สิบคน มีคนลำบากไปแล้วสิบเก้าคนพวกเขาจำเป็นที่จะต้องลากคนสุดท้ายมาลำบากด้วยทั้งที่ถ้าคนนั้นไม่ลำบาก "กิจกรรมของพวกเขาก็ยังดำเนินการต่อได้โดยไม่ขาดตกบกพร่องหรืออาจดีกว่าด้วยซ้ำ" แต่มันเป็นอะไรไม่รู้ มาด้วยกันต้องลำบากด้วยกันผมจำไม่ได้ว่าใครพูดคำนี้ จนบางทีมันอาจทำให้ลืมไปว่า "พวกเขาไปเพื่อช่วยคน" ในมุมมองของผมใครจะลำบากใครจะสบายไม่เกี่ยว แต่ทั้งนี้ที่ผู้ใหญ่คนนั้นโดนด่าว่าเลว แกเลวจริงรึเปล่าอันนี้ผมไม่รู้

                   คุณก็แค่ให้ แล้วก็แกล้งลืมมันไปนั่นคือสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ แต่ผมคงไม่แม้แต่จะคิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้น บางครั้งทุกวันนี้เวลาจะหยอดเหรียญห้าลงตู้บริจาคผมถามตัวเองว่าผมทำไปทำไม มีคนด่าแกว่าให้เพื่อหวังผลตอบแทน แต่หยุดสักครู่แล้วลองถามตัวเองดูว่า แล้วเราเองไม่ได้ทำงั้นหรือ อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของตัวเอง ผมทำเพราะว่าถ้าผมไม่ทำตอนนั้นอีกสิบชั่วโมงถัดมาผมจะต้องรู้สึกผิดและไม่สบายตัวกับชีวิตประจำวันของวันนั้น หรือให้เพียงเพื่อแลกความรู้สึกสบายใจเล็กน้อย กลับมาที่ประเด็นของเรื่องบางคนกล่าวเลวร้ายขนาดว่า "ให้แบบนี้ไม่ต้องให้" ทั้งที่มันอาจลืมไปว่าที่วันนั้นเด็กมีอาหารดีๆ กินเพราะใคร เพราะคนที่บอกว่าตัวเองดีหรือเพราะไอ้สารเลวที่ไม่มีใครรู้จักแต่กำลังใช้เงินของเขาอยู่กันแน่ สรุปสั้นๆ ว่าการบริจาคบางครั้งก็ทำเพื่อให้คนบริจาคสบายใจเท่านั้นเอง แต่คนได้รับบริจาคจะสบายใจตามไปด้วยไหมนั้นผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นแกบริจาคเงินให้กับโรงเรียนวัดหรือโรงเรียนเล็กๆ โดยกับชับกับผู้บริหารว่า "มอบเงินนี้ให้กับคนเรียนดีเท่านั้นเพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าเงินที่แกจ่ายไปนั้นจะมีค่ามากที่สุด" พนันได้เลยว่าจะต้องมีคนออกมาพูดว่า "คนเรียนเก่งไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนดี" ซึ่ง... ขนาดให้ทุนการศึกษาเปล่าแบบไม่มีข้อผูกมัดยังมีเรื่องให้นินทากันได้ น่าทึ่งใช่ไหมล่ะครับคนเรา และแน่นอนทุกวันนี้แกก็ยังโดนด่าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่