สวัสดีค่ะ แอร้กกกกก ตื่นเต้น ๆ รีวิวแรกในชีวิต ผิดอะไรอภัยเค้าด้วยน้าาา
....เริ่มจากที่เราอยากเที่ยว วางแผนเป็นกลุ่มทีไรล่มทุกครั้ง T^T เพื่อนก็เยอะ ชวนคนนั้น อีกคนไม่ว่าง น้อยใจอีก ไปคนเดียวโลดดดด ทริปแรกด้วยค่ะ ><
คืนวันพุธอันเปล่าเปลี่ยว นอนเอื่อย ๆ เล่นโทรศัพท์ เลื่อนนิวส์ฟีดเฟซบุ้ค ก็เห็นรุ่นพีคนนึงแชร์รีวิวเที่ยวหมู่บ้านคีรีวง เราก็เผลอเข้าไปอ่าน จากนั้นก็โทรเช็ครอบรถไฟ จัดการซักผ้าคืนนี้นั่นแหล่ะ เย่! พรุ่งนี้เดินทาง เอาวะ คิดคืนเดียว ที่พักค่อยวอล์คอิน ทำตัวเหมือนพรุ่งนี้ไม่มีเรียน ฮ่าๆๆ ฝากเพื่อนควิซกับเช็คชื่อเอาละกัน
(รูปจะมีทั้งกล้องฟิล์มและมือถือนะคะ)
วันพฤหัสบดี 4 มิถุนายน 2558
ตั๋วรถไฟชั้น 3 ราคา 230 เวลา 15.35 น. ลงสถานี คลองจันดี จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา 05.14 น. ตามตั๋ว

แฮ่ ไปคนเดียว ติดหมีม่วงไปเป็นเพื่อน
ขึ้นรถไฟล่องใต้ครั้งแรก ใจตุ้มๆต่อมๆ จะอันตรายมั้ยว้าาาา ได้แต่ภาวนาให้เจอแต่คนดี รถไฟออกหัวลำโพงตรงเวลาเป๊ะค่ะ ตอนนั้นแอบหวิว ๆ เพราะไม่มีใครนั่งด้วยเลย พอรถไฟแล่นไปหลาย ๆ สถานี คนก็เริ่มเต็ม ข้าง ๆ เราก็เช่นกัน คนที่มานั่งด้วยชวนคุยตลอดทาง ได้เพื่อนใหม่เป็นป้า ๆ และพี่ผู้ชายที่นั่งรถไปหาแฟนผู้ชาย -..- เม้าส์กระจายค่ะ

ถ่าด๊าาาาา!! ถึงแว้ววว ขณะนี้เวลา 06.09 น. รถไฟไทยเนอะ ถือว่าเลทนิดเดียว 55 นาทีเอง -..-
อากาศดีกำลังดีเวลานี้ ตอนลงรถไฟ เขิ้นเขิน >///< สองโบกี้สุดท้ายที่เต็มไปด้วยทหาร (เค้าน่าจะเหมาตู้ลงใต้มั้งนะ) โผล่หัว โบกมือ ทักทาย แซว และยิ้มให้กับเรา กรี้ดดดดด เกิดมาอิชั้นไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่มีผู้ชายยิ้มให้เยอะขนาดนี้ ทำหน้าไม่ถูก ยิ้มกลับสิคะ อ่อยๆไปก่อน ฟิลนี้หายาก ฮ่าๆๆ

ถึงเช้าวันศุกร์พอดี ก็จะเจอตลาดนัดคลองจันดีบนรางรถไฟเลย ปลาสด ผักสด เยอะมาก ๆ ด้วยการที่เราชอบทำอาหารจะฟินเป็นพิเศษ ดูเพลินตา

เริ่มต้นหาสองแถวเข้าหมู่บ้านคีรีวงกัน ด้วยการตีเนียนค่ะ หาร้านน้ำชา เราก็เจอร้านลุงดำเข้าไปนั่งที่คนเยอะ ๆ สั่งชาร้อน (อร่อยโคตรๆ) พร้อมกับปาท่องโก๋ จากนั้นก็สอบถามตำแหน่งที่ขึ้นสองแถว วิธีไปที่หมู่บ้าน นู้นนี่นั่น เราก็ได้มิตรเป็นลุง ๆ ตา ๆ อีกหลายคน คนที่นี่น่ารักจัง
สองแถวสีขาวล้วน ตัวหนังสือสีแดงเขียนข้างรถว่า "นคร-จันดี" (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ง่าาา U.U) จอดอยู่สามแยกตรงตลาด หาง่ายค่ะ
เราได้นั่งข้างหน้ากับพี่คนขับ ระหว่างทางอากาศดีมาก ขับผ่านขุนเขา ลมเย็น ๆ ตีหน้า ฟินเฟ่อ พี่เค้าน่ารักมากค่ะ ชวนคุยตลอดทาง เค้าเคยโบกรถเที่ยวจากเชียงใหม่จนถึงพังงาตอนสมัยเรียนมหาลัย คุยกันถูกคอเลย
พี่เค้าก็ขับมาส่งทางเข้าหมู่บ้าน จากเงินเรียบร้อย 40 บาท^^
จากนั้นก็ยืนรอโบกสองแถวสีน้ำเงินกรมท่าเข้าหมู่บ้าน ไม่ต้องกลัวว่าสองแถวที่นี่จะรอนานนะคะ มาทุก 10 นาทีค่ะ
เย่ๆ รถมาแล้ว นั่งหน้าอีกตามเคย เพราะตอนยืนรอรถ ก็ทักทายพุดคุยกับชาวบ้านตรงที่เรายืนรอรถ เค้าเลยฝากเรากับลุงคนขับไว้อย่างดี นั่งหน้าเลย ฮ่าๆๆ แปปเดียวก็ถึง คุณลุงเค้ามาส่งเราที่ขายสินค้า OTOP ของหมู่บ้าน ให้เราหาที่พัก พี่ที่ OTOP ก็ติดต่อหาโฮมสเตย์ให้ และเจ้าของบ้านก็เอามอไซมารับเรา อิอิ

ถึงแว้ววว นี่ห้องเรา หน้าต่างรอบทิศ เห็นธรรมชาติฝุดๆ หลังบ้านมีลำธารน้ำใสๆด้วยนะ (มือถือ)
ส่วนราคาคืนละ 500 บาท ในใจคิดว่าแอบแพง พี่เจ้าของบ้านบอกว่า ถ้ามาสองสามคนขึ้นไปคนละ 150 บาท มาคนเดียวก็เลยห้าร้อย - -" ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ พี่เค้าก็ถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนดี ฮ่าๆๆๆ แพลนมามั้ยเนี่ย คิดคืนเดียว ดูรีวิวไม่ทัน เจ้าของบ้านเลยชวนเราไปใส่ปุ๋ยมังคุดบนเขา มีน้ำตกให้เล่น เราก็ตกลงไปด้วยเลย อาบน้ำแต่งตัว พร้อมลุย!!

นี่ชาวแก็งค์ที่จะไปใส่ปุ๋ยสวนมังคุดกับเราวันนี้ มอไซวิบากเท่านั้นที่ขึ้นเขาได้ (มือถือ)

ที่คือทางขึ้นเขา ระยะทางประมาณ 5 กิโล ทางชันเชี่ยๆ ตอนชันไม่สามารถเอาชีวิตไปเสี่ยงที่จะกดถ่ายรูปได้ ที่ถ่ายมาก็ทางเรียบ (มือถือ)
ระหว่างทางขึ้นเขา โคตรพีค ขุ่นพระ! แม่เจ้า! เกิดมาไม่เคยจะขึ้นทางชันขนาดนี้ ถึงแม้จะขึ้นดอยไปหาชาวเขาทางเหนือหลายที่แล้วก็ตาม แต่ทางขึ้นที่นี้ชันจริงชันจังชันไร ไม่ใช่ละ -..- แต่มันชันจริมๆนะ สัญญาณมือถือก็ไม่มี หลอกกูมาฆ่าก็คงไม่มีใครรู้อ่ะ จะลงไปคงไม่ได้ ฮึ้บค่ะฮึ้บ ก่อนออกจากบ้านพี่เจ้าของบ้านบอกว่า ถ้าเบื่อเดี๋ยวพี่ลงมาส่ง แต่เห็นแบบนี้ละเกรงใจ กว่าจะขึ้นกว่าจะลง อยู่ที่นี้ทั้งวันเลยค่าาา
อากาศบนเขาเย็นสบาย ตอนเที่ยงๆลมพัดเย็นดี มีเสียงนกเสียงน้ำตก

ถึงละจ้า กระท่อมของลุงเปี๊ยก กล้องฟิล์มเนอะ มืดๆมัวๆหน่อย

มีวิวให้ดูด้วย แต่ต้องเดินไปหน่อย หน่อยแบบเหนื่อย - -'

พร้อมลุย ใส่ปุ๋ยกัน เย่ๆ คุณลุงเปี๊ยก เจ้าของสวนมังคุดหลายล้าน
ได้พูดคุยกับลุงเปี๊ยกเยอะมาก พร้อมกับความหวังดีที่ลุงบอกบ่อยๆว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรมาเที่ยวคนเดียว แง่มๆ แต่ได้ความรู้เยอะมากเกี่ยวกับการทำสวนมังคุด พึ่งรู้ว่า ต้องปลุกมังคุดดูแลถึง 8 ปี กว่าจะออกผล -0- วิธีดูแล ถ้าฝนไม่ตก 25 วันติดกัน ก็ต้องเปิดสปริงเกอร์ ช่วงที่มังคุดใกล้สุกก็ต้องมานอนเฝ้าสวนกลัวลิงมาขโมย หรือเก็บมังคุดทิ้งหรือปาเล่น แหม่ะ ลิงนะลิง ฮ่าๆๆๆ บนเขามีไฟฟ้าพลังน้ำ ดีงามมม มีป่ามีน้ำมีประโยชน์จริงๆ อ้อ ตอนนี้ที่สวนของลุงเปี๊ยกใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี แอร้ยยยยย น่ารักง่ะ ดินไม่เสียด้วย แต่กลิ่นปุ๋ยก็คาวๆหน่อย มูลสัตว์ผสมดิน เอามือควักแล้วโรยๆ สนุกดี

ข้าวมื้อแรก ตอนเช้ากินไม่ทัน อิ่มชาร้อน กินลูกเนียงครั้งแรก ชอบง่าาา (มือถือ)

ตอนบ่ายแอบอู้ ไปเดินเล่นดูน้ำตก น้ำใสมาก ปลาก็เยอะจริงๆ

ในสวนมังคุดก็มีต้นทุเรียนลูกน้อยๆกำลังออกผลอยู่ กว่าจะสุกก็เดือนกันยานู้น

ลงเขามา ฝนก็ตกปรอยๆ อากาศเย็น ที่เห็นอยู่เป็นภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่อาณาเขตติดกับญี่ปุ่น #ผิด
ที่จริงคือ เขาหลวง คนที่นี่บอกว่าถ้าจะไปต้องสามวันสองคืนอย่างต่ำ ต้องจ้างลูกหาบ มอไซวิบากได้แค่ครึ่งทาง แล้วเดินต่อ ไปกางเต็นท์นอนข้างบน ฝนตกตลอดปี อากาศดี เป็นต้นน้ำของที่นี่

บรรยากาศของหมู่บ้าน ฟินมาก ฝนตกปรอยๆ ตอนเย็นๆ

นี่เป็นตัวเองภาพแรก ซึ้ง T^T ต้องขอบคุณพี่นักท่องเที่ยวแก็งค์นั้นที่เราแลกกันถ่ายรูป
หลังจากแว็นซ์รอบๆหมู่บ้านด้วยมอไซของเจ้าของบ้านแล้ว ที่จริงในหมู่บ้านมีจักรยานให้เช่าปั่นฟินๆ แต่แลดูจะเหนื่อย มอไซเลยละกัน แหะๆ กลับมาที่บ้าน ก็ทานข้าวพร้อมที่บ้านเลยค่ะ ปกติที่โฮมสเตย์เค้าจะมีอาหารชุดละ 120 บาทต่อมื้อ แต่เรามาคนเดียว เลยกินกับที่บ้านเลย

แฮ่ กินข้าวกัน หิวมาก กับข้าวส่วนใหญ่เป็นปลาหมดเลย อาหย่อยยยย (มือถือ)

ดอกกาหลาหรือดาหลา กินเป็นเครื่องเคียงกับกับข้าว ก็เปรี้ยวๆดี ดีใจได้ลองของแปลก (มือถือ)
หมดไปอีก 1 วัน ที่มีความสุขและคุ้มมากที่ได้ไปใส่ปุ๋ยบนเขา ได้กินอาหารอร่อย อากาศก็ฟิน สัญญาณมือถือก็ไม่มีที่บนเขา ราตรีสวัสดิ์ จุ้บ
วันเสาร์ 5 มิถุนายน 2558
ตื่นเช้าตีห้าครึ่ง รีบไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่า พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งเขาหลวง แล้วกว่าพระอาทิตย์พ้น ก็สายๆนู้น เลยตะเวนแว๊นซ์รอบหมู่บ้าน

อันนี้สะพานบริเวณหนานหินท่าหา

ระหว่างทางเจอไก่งวงด้วย กุ้ก กุ๊ก น่ารักจีจี

ฮ่าๆๆๆ พี่คะๆ ถ่ายรูปให้หนูหน่อยค่ะ หนูมาคนเดียว นั่นไง มือบังเลนส์

ต้นลูกไหนริมลำธาร

กินได้ด้วยนะ เกิดมาพึ่งเคยกิน อร่อยมั้ง หวานนิดๆ ><
พอเราตะลอนๆเสร็จก็กลับบ้านมาเก็บของ อาบน้ำแต่งตัว เตรียมกลับ กทม แง้ๆ ไม่อยากกลับเลย

ก่อนกลับแวะกินไอติมสักนิด ที่ร้านมีไวไฟฟรีด้วยนะ

ไม่ต้องกลัวเหงา เรามีเหล่าผู้กล้ามากินเป็นเพื่อน พร้อมกับวิวสวยๆ

ระหว่างรอสองแถวออก คีรีวงแผ่นดินไหว รูปก็เลยเบลอ #ผิด! มือไม่นิ่งเอง - -"

ตารางเวลารถสองแถวที่ออกจากหมู่บ้าน เขียนทำไม ออกทุก 10 นาที =='

จำชื่อป้าไม่ได้แล้วง่ะ แหะๆ ตอนนั่งสองแถวกลับ ป้าชวนคุยตลอดทางเลย คนที่นี้น่ารักมาก

ขอบคุณเพื่อนร่วมทางตอนกลับกรุงเทพที่สอนภาษามลายู ><
จบทริปค่าาาา...
ทริปนี้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมาก เล่าไม่หมด ดองไว้เป็นเดือน ลืมไปบ้างก็มี รูปในไอโฟนก็เยอะ อยากลงกล้องฟิล์มมากกว่า^^ สิ่งที่ได้จากการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกก็คือ มิตรภาพที่ดีระหว่างทริป ประสบการณ์ดีๆ เดี๋ยวสิงหาเราจะกลับไปช่วยเค้าเก็บมังคุด อิอิ อ้อ เกือบลืม ที่หมู่บ้านมีหัตถการงานฝีมือเยอะแยะมากมาย ของฝากแฮนเมดเพียบ >< คนที่นี่น่ารักโคตรๆ สุดๆ
ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของที่สุดสำหรับทริปนี้ ไม่ใช่การท่องเที่ยว แต่ตะเตือนไตทุกครั้งที่แม่โทรมา แล้วเนียนว่านอนเล่นอยู่หอ T^T
ขอบคุณทุกคนที่อ่านรีวิวเรานะ >///<
เที่ยวคนเดียวไม่ได้ยาก ไปโลดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
[CR] คีรีวง งง งง มาเองเฉย
....เริ่มจากที่เราอยากเที่ยว วางแผนเป็นกลุ่มทีไรล่มทุกครั้ง T^T เพื่อนก็เยอะ ชวนคนนั้น อีกคนไม่ว่าง น้อยใจอีก ไปคนเดียวโลดดดด ทริปแรกด้วยค่ะ ><
คืนวันพุธอันเปล่าเปลี่ยว นอนเอื่อย ๆ เล่นโทรศัพท์ เลื่อนนิวส์ฟีดเฟซบุ้ค ก็เห็นรุ่นพีคนนึงแชร์รีวิวเที่ยวหมู่บ้านคีรีวง เราก็เผลอเข้าไปอ่าน จากนั้นก็โทรเช็ครอบรถไฟ จัดการซักผ้าคืนนี้นั่นแหล่ะ เย่! พรุ่งนี้เดินทาง เอาวะ คิดคืนเดียว ที่พักค่อยวอล์คอิน ทำตัวเหมือนพรุ่งนี้ไม่มีเรียน ฮ่าๆๆ ฝากเพื่อนควิซกับเช็คชื่อเอาละกัน
(รูปจะมีทั้งกล้องฟิล์มและมือถือนะคะ)
วันพฤหัสบดี 4 มิถุนายน 2558
ตั๋วรถไฟชั้น 3 ราคา 230 เวลา 15.35 น. ลงสถานี คลองจันดี จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา 05.14 น. ตามตั๋ว
แฮ่ ไปคนเดียว ติดหมีม่วงไปเป็นเพื่อน
ขึ้นรถไฟล่องใต้ครั้งแรก ใจตุ้มๆต่อมๆ จะอันตรายมั้ยว้าาาา ได้แต่ภาวนาให้เจอแต่คนดี รถไฟออกหัวลำโพงตรงเวลาเป๊ะค่ะ ตอนนั้นแอบหวิว ๆ เพราะไม่มีใครนั่งด้วยเลย พอรถไฟแล่นไปหลาย ๆ สถานี คนก็เริ่มเต็ม ข้าง ๆ เราก็เช่นกัน คนที่มานั่งด้วยชวนคุยตลอดทาง ได้เพื่อนใหม่เป็นป้า ๆ และพี่ผู้ชายที่นั่งรถไปหาแฟนผู้ชาย -..- เม้าส์กระจายค่ะ
ถ่าด๊าาาาา!! ถึงแว้ววว ขณะนี้เวลา 06.09 น. รถไฟไทยเนอะ ถือว่าเลทนิดเดียว 55 นาทีเอง -..-
อากาศดีกำลังดีเวลานี้ ตอนลงรถไฟ เขิ้นเขิน >///< สองโบกี้สุดท้ายที่เต็มไปด้วยทหาร (เค้าน่าจะเหมาตู้ลงใต้มั้งนะ) โผล่หัว โบกมือ ทักทาย แซว และยิ้มให้กับเรา กรี้ดดดดด เกิดมาอิชั้นไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่มีผู้ชายยิ้มให้เยอะขนาดนี้ ทำหน้าไม่ถูก ยิ้มกลับสิคะ อ่อยๆไปก่อน ฟิลนี้หายาก ฮ่าๆๆ
ถึงเช้าวันศุกร์พอดี ก็จะเจอตลาดนัดคลองจันดีบนรางรถไฟเลย ปลาสด ผักสด เยอะมาก ๆ ด้วยการที่เราชอบทำอาหารจะฟินเป็นพิเศษ ดูเพลินตา
เริ่มต้นหาสองแถวเข้าหมู่บ้านคีรีวงกัน ด้วยการตีเนียนค่ะ หาร้านน้ำชา เราก็เจอร้านลุงดำเข้าไปนั่งที่คนเยอะ ๆ สั่งชาร้อน (อร่อยโคตรๆ) พร้อมกับปาท่องโก๋ จากนั้นก็สอบถามตำแหน่งที่ขึ้นสองแถว วิธีไปที่หมู่บ้าน นู้นนี่นั่น เราก็ได้มิตรเป็นลุง ๆ ตา ๆ อีกหลายคน คนที่นี่น่ารักจัง
สองแถวสีขาวล้วน ตัวหนังสือสีแดงเขียนข้างรถว่า "นคร-จันดี" (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ง่าาา U.U) จอดอยู่สามแยกตรงตลาด หาง่ายค่ะ
เราได้นั่งข้างหน้ากับพี่คนขับ ระหว่างทางอากาศดีมาก ขับผ่านขุนเขา ลมเย็น ๆ ตีหน้า ฟินเฟ่อ พี่เค้าน่ารักมากค่ะ ชวนคุยตลอดทาง เค้าเคยโบกรถเที่ยวจากเชียงใหม่จนถึงพังงาตอนสมัยเรียนมหาลัย คุยกันถูกคอเลย
พี่เค้าก็ขับมาส่งทางเข้าหมู่บ้าน จากเงินเรียบร้อย 40 บาท^^
จากนั้นก็ยืนรอโบกสองแถวสีน้ำเงินกรมท่าเข้าหมู่บ้าน ไม่ต้องกลัวว่าสองแถวที่นี่จะรอนานนะคะ มาทุก 10 นาทีค่ะ
เย่ๆ รถมาแล้ว นั่งหน้าอีกตามเคย เพราะตอนยืนรอรถ ก็ทักทายพุดคุยกับชาวบ้านตรงที่เรายืนรอรถ เค้าเลยฝากเรากับลุงคนขับไว้อย่างดี นั่งหน้าเลย ฮ่าๆๆ แปปเดียวก็ถึง คุณลุงเค้ามาส่งเราที่ขายสินค้า OTOP ของหมู่บ้าน ให้เราหาที่พัก พี่ที่ OTOP ก็ติดต่อหาโฮมสเตย์ให้ และเจ้าของบ้านก็เอามอไซมารับเรา อิอิ
ถึงแว้ววว นี่ห้องเรา หน้าต่างรอบทิศ เห็นธรรมชาติฝุดๆ หลังบ้านมีลำธารน้ำใสๆด้วยนะ (มือถือ)
ส่วนราคาคืนละ 500 บาท ในใจคิดว่าแอบแพง พี่เจ้าของบ้านบอกว่า ถ้ามาสองสามคนขึ้นไปคนละ 150 บาท มาคนเดียวก็เลยห้าร้อย - -" ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ พี่เค้าก็ถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนดี ฮ่าๆๆๆ แพลนมามั้ยเนี่ย คิดคืนเดียว ดูรีวิวไม่ทัน เจ้าของบ้านเลยชวนเราไปใส่ปุ๋ยมังคุดบนเขา มีน้ำตกให้เล่น เราก็ตกลงไปด้วยเลย อาบน้ำแต่งตัว พร้อมลุย!!
นี่ชาวแก็งค์ที่จะไปใส่ปุ๋ยสวนมังคุดกับเราวันนี้ มอไซวิบากเท่านั้นที่ขึ้นเขาได้ (มือถือ)
ที่คือทางขึ้นเขา ระยะทางประมาณ 5 กิโล ทางชันเชี่ยๆ ตอนชันไม่สามารถเอาชีวิตไปเสี่ยงที่จะกดถ่ายรูปได้ ที่ถ่ายมาก็ทางเรียบ (มือถือ)
ระหว่างทางขึ้นเขา โคตรพีค ขุ่นพระ! แม่เจ้า! เกิดมาไม่เคยจะขึ้นทางชันขนาดนี้ ถึงแม้จะขึ้นดอยไปหาชาวเขาทางเหนือหลายที่แล้วก็ตาม แต่ทางขึ้นที่นี้ชันจริงชันจังชันไร ไม่ใช่ละ -..- แต่มันชันจริมๆนะ สัญญาณมือถือก็ไม่มี หลอกกูมาฆ่าก็คงไม่มีใครรู้อ่ะ จะลงไปคงไม่ได้ ฮึ้บค่ะฮึ้บ ก่อนออกจากบ้านพี่เจ้าของบ้านบอกว่า ถ้าเบื่อเดี๋ยวพี่ลงมาส่ง แต่เห็นแบบนี้ละเกรงใจ กว่าจะขึ้นกว่าจะลง อยู่ที่นี้ทั้งวันเลยค่าาา
อากาศบนเขาเย็นสบาย ตอนเที่ยงๆลมพัดเย็นดี มีเสียงนกเสียงน้ำตก
ถึงละจ้า กระท่อมของลุงเปี๊ยก กล้องฟิล์มเนอะ มืดๆมัวๆหน่อย
มีวิวให้ดูด้วย แต่ต้องเดินไปหน่อย หน่อยแบบเหนื่อย - -'
พร้อมลุย ใส่ปุ๋ยกัน เย่ๆ คุณลุงเปี๊ยก เจ้าของสวนมังคุดหลายล้าน
ได้พูดคุยกับลุงเปี๊ยกเยอะมาก พร้อมกับความหวังดีที่ลุงบอกบ่อยๆว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรมาเที่ยวคนเดียว แง่มๆ แต่ได้ความรู้เยอะมากเกี่ยวกับการทำสวนมังคุด พึ่งรู้ว่า ต้องปลุกมังคุดดูแลถึง 8 ปี กว่าจะออกผล -0- วิธีดูแล ถ้าฝนไม่ตก 25 วันติดกัน ก็ต้องเปิดสปริงเกอร์ ช่วงที่มังคุดใกล้สุกก็ต้องมานอนเฝ้าสวนกลัวลิงมาขโมย หรือเก็บมังคุดทิ้งหรือปาเล่น แหม่ะ ลิงนะลิง ฮ่าๆๆๆ บนเขามีไฟฟ้าพลังน้ำ ดีงามมม มีป่ามีน้ำมีประโยชน์จริงๆ อ้อ ตอนนี้ที่สวนของลุงเปี๊ยกใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี แอร้ยยยยย น่ารักง่ะ ดินไม่เสียด้วย แต่กลิ่นปุ๋ยก็คาวๆหน่อย มูลสัตว์ผสมดิน เอามือควักแล้วโรยๆ สนุกดี
ข้าวมื้อแรก ตอนเช้ากินไม่ทัน อิ่มชาร้อน กินลูกเนียงครั้งแรก ชอบง่าาา (มือถือ)
ตอนบ่ายแอบอู้ ไปเดินเล่นดูน้ำตก น้ำใสมาก ปลาก็เยอะจริงๆ
ในสวนมังคุดก็มีต้นทุเรียนลูกน้อยๆกำลังออกผลอยู่ กว่าจะสุกก็เดือนกันยานู้น
ลงเขามา ฝนก็ตกปรอยๆ อากาศเย็น ที่เห็นอยู่เป็นภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่อาณาเขตติดกับญี่ปุ่น #ผิด
ที่จริงคือ เขาหลวง คนที่นี่บอกว่าถ้าจะไปต้องสามวันสองคืนอย่างต่ำ ต้องจ้างลูกหาบ มอไซวิบากได้แค่ครึ่งทาง แล้วเดินต่อ ไปกางเต็นท์นอนข้างบน ฝนตกตลอดปี อากาศดี เป็นต้นน้ำของที่นี่
บรรยากาศของหมู่บ้าน ฟินมาก ฝนตกปรอยๆ ตอนเย็นๆ
นี่เป็นตัวเองภาพแรก ซึ้ง T^T ต้องขอบคุณพี่นักท่องเที่ยวแก็งค์นั้นที่เราแลกกันถ่ายรูป
หลังจากแว็นซ์รอบๆหมู่บ้านด้วยมอไซของเจ้าของบ้านแล้ว ที่จริงในหมู่บ้านมีจักรยานให้เช่าปั่นฟินๆ แต่แลดูจะเหนื่อย มอไซเลยละกัน แหะๆ กลับมาที่บ้าน ก็ทานข้าวพร้อมที่บ้านเลยค่ะ ปกติที่โฮมสเตย์เค้าจะมีอาหารชุดละ 120 บาทต่อมื้อ แต่เรามาคนเดียว เลยกินกับที่บ้านเลย
แฮ่ กินข้าวกัน หิวมาก กับข้าวส่วนใหญ่เป็นปลาหมดเลย อาหย่อยยยย (มือถือ)
ดอกกาหลาหรือดาหลา กินเป็นเครื่องเคียงกับกับข้าว ก็เปรี้ยวๆดี ดีใจได้ลองของแปลก (มือถือ)
หมดไปอีก 1 วัน ที่มีความสุขและคุ้มมากที่ได้ไปใส่ปุ๋ยบนเขา ได้กินอาหารอร่อย อากาศก็ฟิน สัญญาณมือถือก็ไม่มีที่บนเขา ราตรีสวัสดิ์ จุ้บ
วันเสาร์ 5 มิถุนายน 2558
ตื่นเช้าตีห้าครึ่ง รีบไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่า พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งเขาหลวง แล้วกว่าพระอาทิตย์พ้น ก็สายๆนู้น เลยตะเวนแว๊นซ์รอบหมู่บ้าน
อันนี้สะพานบริเวณหนานหินท่าหา
ระหว่างทางเจอไก่งวงด้วย กุ้ก กุ๊ก น่ารักจีจี
ฮ่าๆๆๆ พี่คะๆ ถ่ายรูปให้หนูหน่อยค่ะ หนูมาคนเดียว นั่นไง มือบังเลนส์
ต้นลูกไหนริมลำธาร
กินได้ด้วยนะ เกิดมาพึ่งเคยกิน อร่อยมั้ง หวานนิดๆ ><
พอเราตะลอนๆเสร็จก็กลับบ้านมาเก็บของ อาบน้ำแต่งตัว เตรียมกลับ กทม แง้ๆ ไม่อยากกลับเลย
ก่อนกลับแวะกินไอติมสักนิด ที่ร้านมีไวไฟฟรีด้วยนะ
ไม่ต้องกลัวเหงา เรามีเหล่าผู้กล้ามากินเป็นเพื่อน พร้อมกับวิวสวยๆ
ระหว่างรอสองแถวออก คีรีวงแผ่นดินไหว รูปก็เลยเบลอ #ผิด! มือไม่นิ่งเอง - -"
ตารางเวลารถสองแถวที่ออกจากหมู่บ้าน เขียนทำไม ออกทุก 10 นาที =='
จำชื่อป้าไม่ได้แล้วง่ะ แหะๆ ตอนนั่งสองแถวกลับ ป้าชวนคุยตลอดทางเลย คนที่นี้น่ารักมาก
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางตอนกลับกรุงเทพที่สอนภาษามลายู ><
จบทริปค่าาาา...
ทริปนี้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมาก เล่าไม่หมด ดองไว้เป็นเดือน ลืมไปบ้างก็มี รูปในไอโฟนก็เยอะ อยากลงกล้องฟิล์มมากกว่า^^ สิ่งที่ได้จากการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกก็คือ มิตรภาพที่ดีระหว่างทริป ประสบการณ์ดีๆ เดี๋ยวสิงหาเราจะกลับไปช่วยเค้าเก็บมังคุด อิอิ อ้อ เกือบลืม ที่หมู่บ้านมีหัตถการงานฝีมือเยอะแยะมากมาย ของฝากแฮนเมดเพียบ >< คนที่นี่น่ารักโคตรๆ สุดๆ
ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของที่สุดสำหรับทริปนี้ ไม่ใช่การท่องเที่ยว แต่ตะเตือนไตทุกครั้งที่แม่โทรมา แล้วเนียนว่านอนเล่นอยู่หอ T^T
ขอบคุณทุกคนที่อ่านรีวิวเรานะ >///<
เที่ยวคนเดียวไม่ได้ยาก ไปโลดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!