ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่
ของภูตสัตว์ทั้งหลาย หรือว่าเพื่ออนุเคราะห์แก่สัมภเวสีสัตว์ทั้งหลาย. อาหาร ๔ อย่าง
เป็นอย่างไรเล่า? สี่อย่างคือ (๑) กพฬีการาหาร ที่หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง (๒) ผัสสะ
(๓) มโนสัญเจตนา (๔) วิญญาณ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กพฬิการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร? ภิกษุ ท ! เปรียบ
เหมือนภรรยาสามีสองคน ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทาง
อันกันดาร. สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง. เมื่อขณะ
เขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารนั้น สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียง
เล็กน้อยนั้นได้หมดสิ้นไปแล้ว หนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองนั้นยังไม่ได้
เดินข้ามพ้น หนทางอันกันดารนั้นไปได้. ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า
"เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้.
อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักเอ็นดูนี้เสีย แล้วทำให้เป็น
เนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่
นี้กันเถิด เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่"ดังนี้.
ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น แล้วทำ
ให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยัง
เหลืออยู่นั้น. สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง
รำพันว่า "บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหน
เสีย" ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : สองภรรยาสามี นั้นจะพึงบริโภค
เนื้อบุตรเป็นอาหาร เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง เพื่อความมัวเมาบ้าง หรือ
เพื่อตบแต่ง(ร่างกาย)บ้าง, หรือหนอ? "ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า!" ถ้า
อย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพียงเพื่อ(อาศัย)เดิน
ข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม? "ใช่ พระเจ้าข้า!" ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท ! ข้อนี้
มีอุปมาฉันใด : เรากล่าวว่ากพฬิการาหารอันอริยสาวกควรเห็น(ว่ามีอุปมาเหมือน
เนื้อบุตร) ฉันนั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กพฬิการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว; ราคะ
(ความกำหนัดยินดี) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้
แล้วด้วย, เมื่อราคะที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้
แล้ว,สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้วจะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกแล้ว ย่อม
ไม่มี.
ว่าด้วยอาหาร ๔ อย่าง....
ของภูตสัตว์ทั้งหลาย หรือว่าเพื่ออนุเคราะห์แก่สัมภเวสีสัตว์ทั้งหลาย. อาหาร ๔ อย่าง
เป็นอย่างไรเล่า? สี่อย่างคือ (๑) กพฬีการาหาร ที่หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง (๒) ผัสสะ
(๓) มโนสัญเจตนา (๔) วิญญาณ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กพฬิการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร? ภิกษุ ท ! เปรียบ
เหมือนภรรยาสามีสองคน ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทาง
อันกันดาร. สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง. เมื่อขณะ
เขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารนั้น สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียง
เล็กน้อยนั้นได้หมดสิ้นไปแล้ว หนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองนั้นยังไม่ได้
เดินข้ามพ้น หนทางอันกันดารนั้นไปได้. ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า
"เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้.
อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักเอ็นดูนี้เสีย แล้วทำให้เป็น
เนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่
นี้กันเถิด เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่"ดังนี้.
ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น แล้วทำ
ให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยัง
เหลืออยู่นั้น. สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง
รำพันว่า "บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหน
เสีย" ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : สองภรรยาสามี นั้นจะพึงบริโภค
เนื้อบุตรเป็นอาหาร เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง เพื่อความมัวเมาบ้าง หรือ
เพื่อตบแต่ง(ร่างกาย)บ้าง, หรือหนอ? "ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า!" ถ้า
อย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพียงเพื่อ(อาศัย)เดิน
ข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม? "ใช่ พระเจ้าข้า!" ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท ! ข้อนี้
มีอุปมาฉันใด : เรากล่าวว่ากพฬิการาหารอันอริยสาวกควรเห็น(ว่ามีอุปมาเหมือน
เนื้อบุตร) ฉันนั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กพฬิการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว; ราคะ
(ความกำหนัดยินดี) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้
แล้วด้วย, เมื่อราคะที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้
แล้ว,สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้วจะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกแล้ว ย่อม
ไม่มี.