ความคิดเห็นที่ 10
(ต่อครับ โพสไม่หมด)
หนังสือกองหนึ่งไปเก็บไว้ที่ชั้นหนังสือที่มุมห้อง “เอ่อ...พี่พอจะมีเส้นสายในมหาวิทยาลัยใหญ่หน่อยหน่ะ” “มันโป้มากใช่ไหม” พี่อ้อยจัดหนังสือเสร็จแล้วก็เดินมายืนต่อหน้าผมพร้อมกับถาม “โป้มากครับ” ผมตอบ “แต่ผมชอบ” “อย่างนั้นเหรอ ขอบใจมากนะต่อไปพี่คงจะมั่นใจในการแต่งตัวแบบนี้มากขึ้น...ว่าแต่วันนี้มีอะไรเหรอ” พี่อ้อยพูดพร้อมกับชวนผมไปนั่งคุยกันที่โต๊ะอ่านหนังสือ “หรือมีหนังสืออะไรต้องค้น” “ปะเปล่าหรอกครับ” ผมตอบพี่อ้อยในขณะที่สายตาของผมมองไปที่เนินอกที่ล้นออกมาจากเกาะอกของเธอ “ผมแค่สงสัยอะไรบางอย่าง” “หึ หึ สงสัยอะไรอย่างนั้นเหรอจ๊ะเอก” พี่อ้อยยิ้มหัวเราเบา ๆ พร้อมกับก้มมองดูหน้าอกของตนเองเล็กน้อย “เรื่องหน้าอกของพี่หน่ะเหรอ” “ปะเปล่าครับ” ผมรีบตอบอย่างทันควัน “เรื่องอาจารย์ วรวิทย์ ส่วนเรื่องหน้าอกพี่ก็...เอ่อ..คงจะใช่ อีกเรื่องหนึ่ง” “หึ หึ” พี่อ้อยหัวเราะเบา ๆ อีกครั้งแล้วก็ตอบว่า “อาจารย์ วรวิทย์ ไปเรียนต่อระดับ ปริญญาโทใบที่สอง และเอกที่ต่างประเทศ โน่นกว่าจะกลับมาพวกเธอคงจะเรียนจบไปแล้วมั้ง ๆมีอะไรเหรอ “อย่างนั้นเหรอครับ” ผมพี่อ้อยสั้น ๆ พร้อมกับลุกขึ้น “ผมก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณครับ ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ” “จ้า” พี่อ้อยตอบสั้น ๆ พร้อมกับเดินออกมาส่งผม แล้วผมก็เดินกลับไปขึ้นรถส่วนตัวพร้อมกับคิดว่า พี่อ้อยน่าจะแต่งตัวเพื่อที่จะไปเที่ยวผับที่ไหนสักแห่งมากกว่า แต่จากที่ผมรู้จักพี่อ้อยมา เธอไม่เคยชอบไปเที่ยวที่แบบนั้นนี่ การที่เธอแต่งตัวแบบนี้มาทำงานน่าจะมีเหตุผลอื่นด้วย แต่ก็ “ช่างมันเถอะ”ผมขับรถมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงบ้านแล้ว แต่ผมกลับลืมสมุดการบ้านที่มหาวิทยาลัยจึงขับรถย้อนกลับไปเอา ระหว่างทางผมเห็น รถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งและจำได้ว่าเป็นรถเก๋งของพี่อ้อย ผมจึงจอดรถและเดินลงไปดูกะว่าจะไปทักทายพี่อ้อยสักหน่อย แต่ยังไม่ทันได้ถึงรถ ผมก็ต้องรีบวิ่งไปหลับที่หลังต้นมะขามใหญ่ เมื่อพบว่าพี่อ้อยลงจากรถพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ผมจำได้ทันที่ที่เห็นหน้าของเขา “อาจารย์วรวิทย์” ผมอุทานเสียงดัง “ไหนพี่อ้อยว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ” แล้วคนทั้งคู่ก็หันหน้ามาทางผมทันที “นั่นใคร”อาจารย์ วรวิทย์วิ่งมาที่ต้นมะขามใหญ่ที่ผมซ่อนอยู่ แล้วจ้องมาที่ด้านหลังของต้นมาขามใหญ่ที่ผมหลบอยู่ “อ้าวไม่มีใครนี่” ผมรู้สึกตกใจมากแต่ก็แปลกใจมากเช่นกันที่อาจารย์วรวิทย์มองไม่เห็นผมทั้ง ๆ ที่เราทั้งสองคนนั้นประจันหน้ากันแล้วแทบจะหายใจรดใส่หน้ากัน อาจารย์วรวิทย์จึงเดินกลับไปควงแขนพี่อ้อยเดินเข้าผับไป ผมค่อย ๆ เดินออกจากหลังต้นไม้ และรู้สึกงง ๆ ว่าทำไมอาจารย์ไม่เห็นผมแล้วทำไมพี่อ้อยถึงต้องโกหกผมด้วย จากนั้นผมรีบขับรถกลับไปเอาสมุดการบ้านและก็กลับมาทำการบ้านต่อ เช้าวันต่อมาผมนั้นได้เล่าให้เพื่อนของผมทั้งสองฟังเย็นวันนั้นพวกเราจึงเดินไปที่ห้องสมุดกันอีกครั้ง แต่วันนี้ห้องสมุดกลับติดป้ายว่าปิดทำการแต่กลับไม่ได้ล๊อกประตู พวกเราจึงแอบชวนกันย่องเข้าไปภายในห้องสมุด “ทำแบบนี้มันไม่ดีมั้ง” พีพูดพร้อมกับเดินสอดสายตาไปทั่วห้องสมุด “มาค้นห้องของเขาแบบนี้” “ต้องรู้เหตุผลว่า” แอนพูดเสริม “ทำไมพี่อ้อยต้องโกหก” “เดี๋ยวพวกเราต้องรีบแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเริ่มค้นที่โต๊ะของพี่อ้อยทันที ค้นไปค้นมา มือของผมดันไปโดนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำตัวพี่อ้อยที่เปิดค้างอยู่ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าพี่อ้อยคงจะลืมปิดเครื่อง ไปไปสะดุดกับไฟล์หนึ่ง จึงเปิดเข้าไปดู แล้วก็ต้องพบว่ามันเป็นไฟล์ภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่เปลือยกายล้อนจ้อน ในท่าทางต่าง ๆมีทั้งภาพที่ถ่ายภายในห้องและนอกห้อง ผมจำหน้าหญิงสาวคนนั้นได้ทันที “ผกากรอง” “เธอถ่ายภาพโป้” แอนพูดพร้อมกับจ้องมองที่รูปภาพอย่างสนใจ “เพราะต้องการแลกกับอะไรสักอย่าง อาจะเป็นเกรดหรือไม่ก็เงินค่าเทอม บางทีอาจจะทั้งสองอย่าง” “รู้ได้ไง” พีถามพร้อมกับจ้องดูรูปโป้อย่างตาไม่กระพริบ “แต่ทั้งหุ่น และส่วนบนส่วนล่างของพี่แกนั้นสุดยอดเลยว่าไหม” “โถ่เอ้ย” แอนพูดขึ้นพร้อมกับรีบหยิบแผ่นซีดีจะลิ้นชักโต๊ะขึ้นมากหนึ่งแผ่นเสียบเข้าเครื่องเล่นซีดีรอม“หุ่นฉันสวยกว่าตั้งเยอะ” “งั้นก็ถอดให้ดูหน่อยสิ” พีพุดตอบทันควัน “อยากเห็น..” “บ้า” แอนพูดพร้อมกับเขกหัวพีไปเต็มแรงจะพีร้องดัง โอ้ย “มีแต่แฟนฉันเท่านั้นย๊ะที่จะได้เห็นขาอ่อน อย่างนายรอชาติหน้าเถอะ” แต่แล้วแอนก็ไปเจอไฟล์ภาพอีกจำนวนหนึ่ง “รู้สึกว่าพี่อ้อยของแกก็ถ่ายภาพแบบนี้ไว้ด้วยนะเอก” แอนพูดพร้อมกับเปิดภาพขึ้นมาดู เมื่อเห็นภาพผมถึงกับต้องตะลึง เมื่อพบว่าพี่อ้อยก็ถ่ายภาพแบบนี้ไว้เหมือนกัน แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมพี่แกถึงเก็บภาพแบบนี้ไว้ที่เครื่องสำหรับใช้ทำงานแบบนี้“พวกเธอรู้เรื่องนี้มากเกินไปแล้ว” อาจารย์วรวิทย์ยืนที่ข้างหลังพวกเรามือข้างหนึ่งถือกล้องวีดีโอตัวหนึ่งโดยที่พวกเรานั้นก็ไม่รู้ตัวในขณะที่พี่อ้อยนั้นเองก็นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนสั้น ๆ ยืนอยู่ข้างหลังอาจารย์วรวิทย์ พร้อมกับชายหนุ่มแปลกหน้าอีกสองคนที่ใส่เพียงแค่กางเกงใน “อาจารย์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอค่ะ” แอนตะโกนถาม” “ฉันก็แค่ทำเรื่องปลอมแปลงหลอกทางมหาวิทยาลัยไปเพื่อให้เรื่องมันเงียบก็เท่านั้นเอง” อาจารย์วรวิทย์ตอบ “เพราะนังผกา มันคิดจะเปิดโปงฉัน ฉันก็เลยหลอกมันไปที่ตึกนั่นแล้วเก็บมันซะ แต่ไอ้ช่างก่อสร้างนั่นมันดันมาเห็นเข้า ก็เลยจับมันเป็นแพะรับบาปไปยังไงหล่ะ” “พี่อ้อยทำอย่างนี้ได้ยังไง” ผมตะโกนถามพี่อ้อยพร้อมกับท่าทางที่ผิดหวัง“พี่ต้องการใช้เงินนะเอก พี่ไม่มีทางเลือก”พี่อ้อยตอบพร้อมกับทำท่าเหมือนจะร้องให้“ไม่จริงหรอก” พีพูดตอบโต้กลับพร้อมกับค่อย ๆ ดึงตัวพวกผมไปชิดที่ตู้หนังสือ“มีทางเลือกตั้งมากมาย แต่พี่ไม่เลือกมันมากกว่า”“เลิกคุยกันได้แล้ว” อาจารย์วรวิทย์พูดด้วยน้ำเสียงเกรียวกราด “พวกแกส่งแผ่นซีดีนั่นมาให้ฉันเดียวนี้ เลือกเอาว่าจะให้ดี ๆ หรือจะเป็นนักแสดงหนังของฉันก่อนที่ฉันจะฆ่าพวกแก”“คงจะฆ่าพวกเรายากครับอาจารย์”พีพูดพร้อมกับผลักผมกับแอนไปที่หลังตู้หนังสือ จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่หลังตู้หนังสือถีบตู้หนังสือขนาดใหญ่ลงล้มไปทางพวกของอาจารย์วรวิทย์ดังโครมเสียงดัง ทำให้กลุ่มพวกของอาจารย์วรวิทย์รีบถอยหลบ“บังเอิญผมชอบโดดเรียนบ่อย และอาจารย์ก็ไม่เคยจับผมได้ซะด้วย”อาศัยจังหวะนั้นพวกเราทั้งสามคนรีบวิ่งหนีไปที่หลังห้องสมุดทันทีผมพยายามเปิดประตูหลังแต่พบว่ามันล็อก ผมกับพีจึงถีบประตูอย่างแรงจนกระทั่งประตูเปิดออกแต่อาจารย์วรวิทย์กับชายอีกสองคนวิ่งมาทันจับพวกเราทั้งสามคนโยนกลับเข้าไปในห้องสมุดอีกครั้งพวกเราล้มลุกคลุกคลาน ชายคนหนึ่งพยายามจะเข้ามาจับตัวแอน แต่ผมก็คว้าแจกันที่อยู่ใกล้มือ ขว้างไปเต็มแรง ละก็ได้ผลเกินคาดแจกันฟาดเข้าที่หัวชายคนนั้นอย่างจัง ล้มสลบลงคาที่ส่วนชายอีกคนก็ล็อกคอพีไว้ เขาใช้ปากกัดแขนชายคนนั้นจนร้องด้วยความเจ็บปวดจนกระทั่งพีหลุดออกมาเขาจึงหยิบรูปปั้นครึ่งตัวของแอลเบิร์ดไอสไตน์ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ขึ้นมาฟาดที่หัวของชายคนนั้นเต็มแรง จนกระทั่งชายคนนั้นล้มล่งแน่นิ่งไป อาจารย์วิทย์เห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะวิ่งหนีออกทางประตูหลัง แต่จู่ ๆ เขาก็ยืนค้างเหมือนกับเห็นอะไรสักอย่าง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปด้วยความกลัวสุดขีดพร้อมกับ ตะโกนเสียงดังว่า “ผีหลอก” จากนั้นก็วิ่งออกไปทางประตูหน้า จู่ ๆ มีรถยนต์หนึ่งวิ่งมาพอดี ชนเข้ากับอาจารย์ วรวิทย์อย่างจัง ตัวของอาจารย์วรวิทย์ จึงกระเด็นไปกระแทกกับโคนต้นก้ามปู คอหัก ตายคาที่
ต่อมาหลังเหตุการณ์ได้จบลง พวกเราทั้งสามคนได้ไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุส่วนพี่อ้อยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน จึงไม่จับเธอ วันต่อมาผมได้เจอพี่อ้อยอีกครั้งที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอเล่าว่าวันที่ฆ่า ผกากรองนั้น เธออยู่ที่นั่นด้วย อาจารย์วรวิทย์ จับเธอชะโงกหน้าลงไปดูศพคอขาดของผกากรองที่อยู่เบื้องล่าง พอดีเท้าข้างหนึ่งของเธอ ซึ่งสวมรองเท้าส้นสูงไปเหยียบตรงพื้นปูนที่ยังไม่แห้ง เธอจึงหากระเบื้องมาปิดไว้เพราะกลัวความผิดนั่นเอง ก่อนจากกันไปพี่อ้อยมอบซีดีให้ผมหลายสิบแผ่น เธอบอกว่าเป็นภาพโป้ทั้งหมดที่เธอและหญิงสาวคนอื่น ๆ ได้ถ่ายไว้อยากให้ผมเก็บไว้เป็นที่ระลึก ผมรับมา พร้อมกับถามเธอว่า “ออกจากมหาวิทยาลัยแล้วพี่อ้อยจะทำยังไงต่อไป” พี่อ้อยยิ้มตอบกับผมว่า “ครั้งแรกที่ถ่าย พี่ถูกบังคับก็จริงแต่ครั้งต่อมาพี่เริ่มรู้สึกว่ามันก็สนุกดีนะ พี่อาจจะถ่ายหนังโป้ต่อไปก็ได้” “อ้าวทำไมหล่ะพี่” ผมเริ่มสงสัยอีกครั้ง “พี่ไม่ได้ถูกบังคับอีกแล้วน่ะ” พี่อ้อยยิ้มไม่พูดตอบ“แล้วเรื่องที่ผมเจอพี่อ้อยกับอาจารย์วรวิทย์ที่ผับ...” ผมถามพี่อ้อยต่อ แต่พี่อ้อยตอบสั้น ๆ พร้อมกับชี้นิ้วของเธอไปที่แผ่นซีดีสีเขียวแผ่นหนึ่งจากจำนวนสิบกว่าแผ่นที่ให้ผม “เปิดดูแผ่นนั้น” จากนั้นพี่อ้อยก็เดินทางจากไป
ผมนำแผ่นซีดีที่พี่อ้อยให้ไปเก็บจากนั้น ก็นอนหลับพักผ่อนซักงีบ ก่อนจะออกจากบ้านไปหาพีและแอนเพราะสองคนนั้นได้นัดผมไปทำบุญด้วยกันที่วัด แล้วจะไปต่อกันที่ร้านจิ้มจุ่มกินกันให้พุงกาง เรื่องก็มีแค่นี้ จบ...
สมาชิกหมายเลข 2404500
07 กรกฎาคม 2558 เวลา 12:10:02 น.
เธอคือใคร ส่วนที่ตกหล่น
(ต่อครับ โพสไม่หมด)
หนังสือกองหนึ่งไปเก็บไว้ที่ชั้นหนังสือที่มุมห้อง “เอ่อ...พี่พอจะมีเส้นสายในมหาวิทยาลัยใหญ่หน่อยหน่ะ” “มันโป้มากใช่ไหม” พี่อ้อยจัดหนังสือเสร็จแล้วก็เดินมายืนต่อหน้าผมพร้อมกับถาม “โป้มากครับ” ผมตอบ “แต่ผมชอบ” “อย่างนั้นเหรอ ขอบใจมากนะต่อไปพี่คงจะมั่นใจในการแต่งตัวแบบนี้มากขึ้น...ว่าแต่วันนี้มีอะไรเหรอ” พี่อ้อยพูดพร้อมกับชวนผมไปนั่งคุยกันที่โต๊ะอ่านหนังสือ “หรือมีหนังสืออะไรต้องค้น” “ปะเปล่าหรอกครับ” ผมตอบพี่อ้อยในขณะที่สายตาของผมมองไปที่เนินอกที่ล้นออกมาจากเกาะอกของเธอ “ผมแค่สงสัยอะไรบางอย่าง” “หึ หึ สงสัยอะไรอย่างนั้นเหรอจ๊ะเอก” พี่อ้อยยิ้มหัวเราเบา ๆ พร้อมกับก้มมองดูหน้าอกของตนเองเล็กน้อย “เรื่องหน้าอกของพี่หน่ะเหรอ” “ปะเปล่าครับ” ผมรีบตอบอย่างทันควัน “เรื่องอาจารย์ วรวิทย์ ส่วนเรื่องหน้าอกพี่ก็...เอ่อ..คงจะใช่ อีกเรื่องหนึ่ง” “หึ หึ” พี่อ้อยหัวเราะเบา ๆ อีกครั้งแล้วก็ตอบว่า “อาจารย์ วรวิทย์ ไปเรียนต่อระดับ ปริญญาโทใบที่สอง และเอกที่ต่างประเทศ โน่นกว่าจะกลับมาพวกเธอคงจะเรียนจบไปแล้วมั้ง ๆมีอะไรเหรอ “อย่างนั้นเหรอครับ” ผมพี่อ้อยสั้น ๆ พร้อมกับลุกขึ้น “ผมก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณครับ ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ” “จ้า” พี่อ้อยตอบสั้น ๆ พร้อมกับเดินออกมาส่งผม แล้วผมก็เดินกลับไปขึ้นรถส่วนตัวพร้อมกับคิดว่า พี่อ้อยน่าจะแต่งตัวเพื่อที่จะไปเที่ยวผับที่ไหนสักแห่งมากกว่า แต่จากที่ผมรู้จักพี่อ้อยมา เธอไม่เคยชอบไปเที่ยวที่แบบนั้นนี่ การที่เธอแต่งตัวแบบนี้มาทำงานน่าจะมีเหตุผลอื่นด้วย แต่ก็ “ช่างมันเถอะ”ผมขับรถมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงบ้านแล้ว แต่ผมกลับลืมสมุดการบ้านที่มหาวิทยาลัยจึงขับรถย้อนกลับไปเอา ระหว่างทางผมเห็น รถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งและจำได้ว่าเป็นรถเก๋งของพี่อ้อย ผมจึงจอดรถและเดินลงไปดูกะว่าจะไปทักทายพี่อ้อยสักหน่อย แต่ยังไม่ทันได้ถึงรถ ผมก็ต้องรีบวิ่งไปหลับที่หลังต้นมะขามใหญ่ เมื่อพบว่าพี่อ้อยลงจากรถพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ผมจำได้ทันที่ที่เห็นหน้าของเขา “อาจารย์วรวิทย์” ผมอุทานเสียงดัง “ไหนพี่อ้อยว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ” แล้วคนทั้งคู่ก็หันหน้ามาทางผมทันที “นั่นใคร”อาจารย์ วรวิทย์วิ่งมาที่ต้นมะขามใหญ่ที่ผมซ่อนอยู่ แล้วจ้องมาที่ด้านหลังของต้นมาขามใหญ่ที่ผมหลบอยู่ “อ้าวไม่มีใครนี่” ผมรู้สึกตกใจมากแต่ก็แปลกใจมากเช่นกันที่อาจารย์วรวิทย์มองไม่เห็นผมทั้ง ๆ ที่เราทั้งสองคนนั้นประจันหน้ากันแล้วแทบจะหายใจรดใส่หน้ากัน อาจารย์วรวิทย์จึงเดินกลับไปควงแขนพี่อ้อยเดินเข้าผับไป ผมค่อย ๆ เดินออกจากหลังต้นไม้ และรู้สึกงง ๆ ว่าทำไมอาจารย์ไม่เห็นผมแล้วทำไมพี่อ้อยถึงต้องโกหกผมด้วย จากนั้นผมรีบขับรถกลับไปเอาสมุดการบ้านและก็กลับมาทำการบ้านต่อ เช้าวันต่อมาผมนั้นได้เล่าให้เพื่อนของผมทั้งสองฟังเย็นวันนั้นพวกเราจึงเดินไปที่ห้องสมุดกันอีกครั้ง แต่วันนี้ห้องสมุดกลับติดป้ายว่าปิดทำการแต่กลับไม่ได้ล๊อกประตู พวกเราจึงแอบชวนกันย่องเข้าไปภายในห้องสมุด “ทำแบบนี้มันไม่ดีมั้ง” พีพูดพร้อมกับเดินสอดสายตาไปทั่วห้องสมุด “มาค้นห้องของเขาแบบนี้” “ต้องรู้เหตุผลว่า” แอนพูดเสริม “ทำไมพี่อ้อยต้องโกหก” “เดี๋ยวพวกเราต้องรีบแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเริ่มค้นที่โต๊ะของพี่อ้อยทันที ค้นไปค้นมา มือของผมดันไปโดนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำตัวพี่อ้อยที่เปิดค้างอยู่ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าพี่อ้อยคงจะลืมปิดเครื่อง ไปไปสะดุดกับไฟล์หนึ่ง จึงเปิดเข้าไปดู แล้วก็ต้องพบว่ามันเป็นไฟล์ภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่เปลือยกายล้อนจ้อน ในท่าทางต่าง ๆมีทั้งภาพที่ถ่ายภายในห้องและนอกห้อง ผมจำหน้าหญิงสาวคนนั้นได้ทันที “ผกากรอง” “เธอถ่ายภาพโป้” แอนพูดพร้อมกับจ้องมองที่รูปภาพอย่างสนใจ “เพราะต้องการแลกกับอะไรสักอย่าง อาจะเป็นเกรดหรือไม่ก็เงินค่าเทอม บางทีอาจจะทั้งสองอย่าง” “รู้ได้ไง” พีถามพร้อมกับจ้องดูรูปโป้อย่างตาไม่กระพริบ “แต่ทั้งหุ่น และส่วนบนส่วนล่างของพี่แกนั้นสุดยอดเลยว่าไหม” “โถ่เอ้ย” แอนพูดขึ้นพร้อมกับรีบหยิบแผ่นซีดีจะลิ้นชักโต๊ะขึ้นมากหนึ่งแผ่นเสียบเข้าเครื่องเล่นซีดีรอม“หุ่นฉันสวยกว่าตั้งเยอะ” “งั้นก็ถอดให้ดูหน่อยสิ” พีพุดตอบทันควัน “อยากเห็น..” “บ้า” แอนพูดพร้อมกับเขกหัวพีไปเต็มแรงจะพีร้องดัง โอ้ย “มีแต่แฟนฉันเท่านั้นย๊ะที่จะได้เห็นขาอ่อน อย่างนายรอชาติหน้าเถอะ” แต่แล้วแอนก็ไปเจอไฟล์ภาพอีกจำนวนหนึ่ง “รู้สึกว่าพี่อ้อยของแกก็ถ่ายภาพแบบนี้ไว้ด้วยนะเอก” แอนพูดพร้อมกับเปิดภาพขึ้นมาดู เมื่อเห็นภาพผมถึงกับต้องตะลึง เมื่อพบว่าพี่อ้อยก็ถ่ายภาพแบบนี้ไว้เหมือนกัน แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมพี่แกถึงเก็บภาพแบบนี้ไว้ที่เครื่องสำหรับใช้ทำงานแบบนี้“พวกเธอรู้เรื่องนี้มากเกินไปแล้ว” อาจารย์วรวิทย์ยืนที่ข้างหลังพวกเรามือข้างหนึ่งถือกล้องวีดีโอตัวหนึ่งโดยที่พวกเรานั้นก็ไม่รู้ตัวในขณะที่พี่อ้อยนั้นเองก็นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนสั้น ๆ ยืนอยู่ข้างหลังอาจารย์วรวิทย์ พร้อมกับชายหนุ่มแปลกหน้าอีกสองคนที่ใส่เพียงแค่กางเกงใน “อาจารย์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอค่ะ” แอนตะโกนถาม” “ฉันก็แค่ทำเรื่องปลอมแปลงหลอกทางมหาวิทยาลัยไปเพื่อให้เรื่องมันเงียบก็เท่านั้นเอง” อาจารย์วรวิทย์ตอบ “เพราะนังผกา มันคิดจะเปิดโปงฉัน ฉันก็เลยหลอกมันไปที่ตึกนั่นแล้วเก็บมันซะ แต่ไอ้ช่างก่อสร้างนั่นมันดันมาเห็นเข้า ก็เลยจับมันเป็นแพะรับบาปไปยังไงหล่ะ” “พี่อ้อยทำอย่างนี้ได้ยังไง” ผมตะโกนถามพี่อ้อยพร้อมกับท่าทางที่ผิดหวัง“พี่ต้องการใช้เงินนะเอก พี่ไม่มีทางเลือก”พี่อ้อยตอบพร้อมกับทำท่าเหมือนจะร้องให้“ไม่จริงหรอก” พีพูดตอบโต้กลับพร้อมกับค่อย ๆ ดึงตัวพวกผมไปชิดที่ตู้หนังสือ“มีทางเลือกตั้งมากมาย แต่พี่ไม่เลือกมันมากกว่า”“เลิกคุยกันได้แล้ว” อาจารย์วรวิทย์พูดด้วยน้ำเสียงเกรียวกราด “พวกแกส่งแผ่นซีดีนั่นมาให้ฉันเดียวนี้ เลือกเอาว่าจะให้ดี ๆ หรือจะเป็นนักแสดงหนังของฉันก่อนที่ฉันจะฆ่าพวกแก”“คงจะฆ่าพวกเรายากครับอาจารย์”พีพูดพร้อมกับผลักผมกับแอนไปที่หลังตู้หนังสือ จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่หลังตู้หนังสือถีบตู้หนังสือขนาดใหญ่ลงล้มไปทางพวกของอาจารย์วรวิทย์ดังโครมเสียงดัง ทำให้กลุ่มพวกของอาจารย์วรวิทย์รีบถอยหลบ“บังเอิญผมชอบโดดเรียนบ่อย และอาจารย์ก็ไม่เคยจับผมได้ซะด้วย”อาศัยจังหวะนั้นพวกเราทั้งสามคนรีบวิ่งหนีไปที่หลังห้องสมุดทันทีผมพยายามเปิดประตูหลังแต่พบว่ามันล็อก ผมกับพีจึงถีบประตูอย่างแรงจนกระทั่งประตูเปิดออกแต่อาจารย์วรวิทย์กับชายอีกสองคนวิ่งมาทันจับพวกเราทั้งสามคนโยนกลับเข้าไปในห้องสมุดอีกครั้งพวกเราล้มลุกคลุกคลาน ชายคนหนึ่งพยายามจะเข้ามาจับตัวแอน แต่ผมก็คว้าแจกันที่อยู่ใกล้มือ ขว้างไปเต็มแรง ละก็ได้ผลเกินคาดแจกันฟาดเข้าที่หัวชายคนนั้นอย่างจัง ล้มสลบลงคาที่ส่วนชายอีกคนก็ล็อกคอพีไว้ เขาใช้ปากกัดแขนชายคนนั้นจนร้องด้วยความเจ็บปวดจนกระทั่งพีหลุดออกมาเขาจึงหยิบรูปปั้นครึ่งตัวของแอลเบิร์ดไอสไตน์ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ขึ้นมาฟาดที่หัวของชายคนนั้นเต็มแรง จนกระทั่งชายคนนั้นล้มล่งแน่นิ่งไป อาจารย์วิทย์เห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะวิ่งหนีออกทางประตูหลัง แต่จู่ ๆ เขาก็ยืนค้างเหมือนกับเห็นอะไรสักอย่าง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปด้วยความกลัวสุดขีดพร้อมกับ ตะโกนเสียงดังว่า “ผีหลอก” จากนั้นก็วิ่งออกไปทางประตูหน้า จู่ ๆ มีรถยนต์หนึ่งวิ่งมาพอดี ชนเข้ากับอาจารย์ วรวิทย์อย่างจัง ตัวของอาจารย์วรวิทย์ จึงกระเด็นไปกระแทกกับโคนต้นก้ามปู คอหัก ตายคาที่
ต่อมาหลังเหตุการณ์ได้จบลง พวกเราทั้งสามคนได้ไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุส่วนพี่อ้อยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน จึงไม่จับเธอ วันต่อมาผมได้เจอพี่อ้อยอีกครั้งที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอเล่าว่าวันที่ฆ่า ผกากรองนั้น เธออยู่ที่นั่นด้วย อาจารย์วรวิทย์ จับเธอชะโงกหน้าลงไปดูศพคอขาดของผกากรองที่อยู่เบื้องล่าง พอดีเท้าข้างหนึ่งของเธอ ซึ่งสวมรองเท้าส้นสูงไปเหยียบตรงพื้นปูนที่ยังไม่แห้ง เธอจึงหากระเบื้องมาปิดไว้เพราะกลัวความผิดนั่นเอง ก่อนจากกันไปพี่อ้อยมอบซีดีให้ผมหลายสิบแผ่น เธอบอกว่าเป็นภาพโป้ทั้งหมดที่เธอและหญิงสาวคนอื่น ๆ ได้ถ่ายไว้อยากให้ผมเก็บไว้เป็นที่ระลึก ผมรับมา พร้อมกับถามเธอว่า “ออกจากมหาวิทยาลัยแล้วพี่อ้อยจะทำยังไงต่อไป” พี่อ้อยยิ้มตอบกับผมว่า “ครั้งแรกที่ถ่าย พี่ถูกบังคับก็จริงแต่ครั้งต่อมาพี่เริ่มรู้สึกว่ามันก็สนุกดีนะ พี่อาจจะถ่ายหนังโป้ต่อไปก็ได้” “อ้าวทำไมหล่ะพี่” ผมเริ่มสงสัยอีกครั้ง “พี่ไม่ได้ถูกบังคับอีกแล้วน่ะ” พี่อ้อยยิ้มไม่พูดตอบ“แล้วเรื่องที่ผมเจอพี่อ้อยกับอาจารย์วรวิทย์ที่ผับ...” ผมถามพี่อ้อยต่อ แต่พี่อ้อยตอบสั้น ๆ พร้อมกับชี้นิ้วของเธอไปที่แผ่นซีดีสีเขียวแผ่นหนึ่งจากจำนวนสิบกว่าแผ่นที่ให้ผม “เปิดดูแผ่นนั้น” จากนั้นพี่อ้อยก็เดินทางจากไป
ผมนำแผ่นซีดีที่พี่อ้อยให้ไปเก็บจากนั้น ก็นอนหลับพักผ่อนซักงีบ ก่อนจะออกจากบ้านไปหาพีและแอนเพราะสองคนนั้นได้นัดผมไปทำบุญด้วยกันที่วัด แล้วจะไปต่อกันที่ร้านจิ้มจุ่มกินกันให้พุงกาง เรื่องก็มีแค่นี้ จบ...
สมาชิกหมายเลข 2404500
07 กรกฎาคม 2558 เวลา 12:10:02 น.