..คนเรานั้นธรรมชาติลึกๆแล้วทุกคนเห็นแก่ตนเองมาเป็นอันดับ 1 ถัดไปก็จะเป็นคนที่ตนเองรัก ครอบครัว คนใกล้ชิด..ที่ออกมาป่าวประกาศว่าตนเองเป็นคนเสียสละเห็นแก่สังคม ประเทศชาติมาเป็นอันดับแรกๆนั้น..ขอบอกว่าสตรอแหล
...ดังนั้นตรรกะนี้จึงมีผลสืบโยงมาถึงความคิด ความเชื่อของคนแต่ละคนว่าสิ่งไหน (สภาวะแวดล้อมซึ่งหมายถึงทุกอย่างเช่น คน-วัตถุ-วัน เวลา-สังคม-สิ่งของ สิ่งมีชีวิต ไม่มีชีวิตหรือแม้แต่ภูมิอากาศ ภูมิประเทศฯลฯ ) ดี สิ่งไหนไม่ดีก็เพราะแต่ละคนได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นบวก หรือเป็นลบ.
...ถ้าคนนั้นได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมต่างๆเป็นบวก (+) ก็จะคิดเชื่อว่า สิ่งนั้นดี เยี่ยม รู้สึกชื่นชอบ รัก เชื่อ สนับสนุน
...ถ้าคนนั้นๆได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมต่างๆเป็นลบ (-) ก็จะคิดเชื่อว่า สิ่งนั้นชั่ว เลว ไม่ดี ไม่ชอบ และต้องการทำลาย
..ยกตัวอย่างเช่นในฤดูหนาวอากาศหนาวเย็น สงบ สบายๆ มีหมอก น้ำค้าง ต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้สวยงาม ฯลฯ คนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก็รู้สึกสบาย ชื่นชอบออกไปท่องเที่ยวสนุกสนาน อยากให้เป็นแบบนั้นตลอดไป...แต่คนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เป็นหืดหอบ..ก็จะได้เกิดความทุกข์ทรมานจากการกำเริบของโรคร้ายนั้นๆต้องเดือดร้อนเก็บตัว หาความอบอุ่น หาหมอ หายา ก็จะรู้สึกเกลียด ไม่ชอบฤดูหนาว ไม่อยากให้มีฤดูหนาว
...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นก็เพราะผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมเดียวกัน แต่ทำให้คนแต่ละคนได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน
...อุปมาเหมือนคนเรา
..บางคน บางกลุ่มจะรู้สึกรัก ชื่นชอบ ยกย่อง เชิดชู คนๆหนึ่งนั้นเพราะเขาคิด รู้สึกว่าได้รับผลกระทบที่คนผู้นั้นกระทำให้ในทางบวก ดังนั้นเขาจึงสนับสนุน ช่วยเหลือ ปกป้อง
...บางคน บางกลุ่มจะรู้สึกเกลียด ชิงชังคนๆหนึ่งนั้นเพราะเขาคิด รู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากที่คนผู้นั้นกระทำในทางลบ จึงเกิดอคติดังนั้นเขาจึงต่อต้าน ไม่สนับสนุน ต้องการทำลายล้าง
..แบบนี้แล้วจะเอาอะไรมาตัดสิน หรือจะตัดสินได้อย่างไรว่าสิ่งแวดล้อมไหนดีหรือไม่ดี หรือคนๆไหนดี หรือเลว..
..เพราะความรู้สึก ชอบ หรือเกลียด ชิงชังมันไม่ได้เป็นความคิด ความรู้สึกทั้งหมดของทุกคน ทุกกลุ่ม... แต่มันเป็นความคิด ความรู้สึกของคนคนเดียวหรือคนบางกลุ่มเท่านั้น
....ดังนั้นคนที่ฉลาด มีสติ มีปัญญามีวิสัยทัศน์ มีวุฒิภาวะ จึงไม่ควรยกตนเองข่มคนอื่น ไม่ควรยกตนเองว่าดี เก่ง ฉลาดรอบรู้มากกว่าคนอื่นไปทุกอย่าง..และที่สำคัญไม่ควรประนาม ก่นด่า ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นที่คิด เชื่อ ต้องการที่แตกต่างจากตนเองว่าโง่ ไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ ฉลาดเท่าตนเองฯลฯ
..
..คิดง่ายๆ ลองหลับตา หันกลับมาคิด พิจารณาว่าระหว่างตัวเราเอง และคนที่ตนเอง คิด เชื่อและด่าประนามว่าเขาชั่ว เลวหรือโกง เปรียบเทียบกันแล้วตัวเราเองกับคนๆนั้นใครมีประวัติ ครอบครัว ฐานะ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน หรือมีความรู้ ความสามารถ ชื่อเสียงได้รับความเชื่อถือ รู้จัก ยกย่อง ยอมรับในสังคมทั้งในและต่างประเทศมากกว่ากัน ใครได้ทำ มีผลงาน ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม รอบด้านต่างๆมากกว่ากัน... และระหว่างตัวเอง กับคนๆนั้นถ้าให้ประชาชนในสังคมเลือกสนับสนุนแล้วเขาจะสนับสนุนตัวคุณ หรือคนที่คุณด่าว่าประนามนั้นมากกว่ากัน..
...เพราะถ้าเปรียบเทียบไปแล้วเราอาจจะรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าเรายังไม่ได้เท่าขี้เล็บของคนที่เราเกลียดชัง ด่าว่า ประนาม หยามหมิ่นด้วยซ้ำไป
..ควรคิดและถามตนเองก่อนว่า..ก่อนที่คุณจะก่นด่า ประนาม หยามหมิ่นใครอย่างเปิดเผยไปทั่วคุณคิดว่าคุณมีดีกว่าเขาแล้วหรือยัง
...คนจะดีจะชั่วไม่ได้อยู่ที่คำพูด คำกล่าวอ้าง คำโฆษณา เพราะคนเรามันสามารถพูดอะไรได้ทุกๆอย่าง พูดยกย่องให้ตนเองเป็นเทพเทวดา ให้คนอื่นเป็นปีศาจ อสูรกายก็ได้..แต่ความจริงมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การแสดงออก การกระทำและผลงานที่เป็นจริง เป็นรูปธรรม ก่อเกิดประโยชน์ต่อคนอื่น สังคมอันเกิดจากการคิด การกระทำของเขามากกว่า
..ดังนั้นคนฉลาดต้องมีสติ มีวุฒิภาวะควบคุมอารมณ์ความรู้สึก จะรักจะชอบ จะเกลียด ชิงชังใคร ก็ควรจะเก็บไว้ในใจ ไม่ควรแสดงออกอย่างขาดสติป่าวประกาศไปทั่ว.เพราะนั่นรังแต่จะสร้างศัตรูให้แก่ตนเอง
.....ขอตั้งกระทู้แรกหลังจากหลุดพ้นจากถูกแช่แข็งมานานนับสิบปี...และนิ่งดูไม่เข้ามาในนี้มานาน...คนชุดขาว
ปัจจัยที่ทำให้คนเราคิด-เชื่อว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ดีหรือไม่ดี
...ดังนั้นตรรกะนี้จึงมีผลสืบโยงมาถึงความคิด ความเชื่อของคนแต่ละคนว่าสิ่งไหน (สภาวะแวดล้อมซึ่งหมายถึงทุกอย่างเช่น คน-วัตถุ-วัน เวลา-สังคม-สิ่งของ สิ่งมีชีวิต ไม่มีชีวิตหรือแม้แต่ภูมิอากาศ ภูมิประเทศฯลฯ ) ดี สิ่งไหนไม่ดีก็เพราะแต่ละคนได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นบวก หรือเป็นลบ.
...ถ้าคนนั้นได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมต่างๆเป็นบวก (+) ก็จะคิดเชื่อว่า สิ่งนั้นดี เยี่ยม รู้สึกชื่นชอบ รัก เชื่อ สนับสนุน
...ถ้าคนนั้นๆได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมต่างๆเป็นลบ (-) ก็จะคิดเชื่อว่า สิ่งนั้นชั่ว เลว ไม่ดี ไม่ชอบ และต้องการทำลาย
..ยกตัวอย่างเช่นในฤดูหนาวอากาศหนาวเย็น สงบ สบายๆ มีหมอก น้ำค้าง ต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้สวยงาม ฯลฯ คนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก็รู้สึกสบาย ชื่นชอบออกไปท่องเที่ยวสนุกสนาน อยากให้เป็นแบบนั้นตลอดไป...แต่คนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เป็นหืดหอบ..ก็จะได้เกิดความทุกข์ทรมานจากการกำเริบของโรคร้ายนั้นๆต้องเดือดร้อนเก็บตัว หาความอบอุ่น หาหมอ หายา ก็จะรู้สึกเกลียด ไม่ชอบฤดูหนาว ไม่อยากให้มีฤดูหนาว
...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นก็เพราะผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมเดียวกัน แต่ทำให้คนแต่ละคนได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน
...อุปมาเหมือนคนเรา
..บางคน บางกลุ่มจะรู้สึกรัก ชื่นชอบ ยกย่อง เชิดชู คนๆหนึ่งนั้นเพราะเขาคิด รู้สึกว่าได้รับผลกระทบที่คนผู้นั้นกระทำให้ในทางบวก ดังนั้นเขาจึงสนับสนุน ช่วยเหลือ ปกป้อง
...บางคน บางกลุ่มจะรู้สึกเกลียด ชิงชังคนๆหนึ่งนั้นเพราะเขาคิด รู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากที่คนผู้นั้นกระทำในทางลบ จึงเกิดอคติดังนั้นเขาจึงต่อต้าน ไม่สนับสนุน ต้องการทำลายล้าง
..แบบนี้แล้วจะเอาอะไรมาตัดสิน หรือจะตัดสินได้อย่างไรว่าสิ่งแวดล้อมไหนดีหรือไม่ดี หรือคนๆไหนดี หรือเลว..
..เพราะความรู้สึก ชอบ หรือเกลียด ชิงชังมันไม่ได้เป็นความคิด ความรู้สึกทั้งหมดของทุกคน ทุกกลุ่ม... แต่มันเป็นความคิด ความรู้สึกของคนคนเดียวหรือคนบางกลุ่มเท่านั้น
....ดังนั้นคนที่ฉลาด มีสติ มีปัญญามีวิสัยทัศน์ มีวุฒิภาวะ จึงไม่ควรยกตนเองข่มคนอื่น ไม่ควรยกตนเองว่าดี เก่ง ฉลาดรอบรู้มากกว่าคนอื่นไปทุกอย่าง..และที่สำคัญไม่ควรประนาม ก่นด่า ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นที่คิด เชื่อ ต้องการที่แตกต่างจากตนเองว่าโง่ ไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ ฉลาดเท่าตนเองฯลฯ
..
..คิดง่ายๆ ลองหลับตา หันกลับมาคิด พิจารณาว่าระหว่างตัวเราเอง และคนที่ตนเอง คิด เชื่อและด่าประนามว่าเขาชั่ว เลวหรือโกง เปรียบเทียบกันแล้วตัวเราเองกับคนๆนั้นใครมีประวัติ ครอบครัว ฐานะ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน หรือมีความรู้ ความสามารถ ชื่อเสียงได้รับความเชื่อถือ รู้จัก ยกย่อง ยอมรับในสังคมทั้งในและต่างประเทศมากกว่ากัน ใครได้ทำ มีผลงาน ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม รอบด้านต่างๆมากกว่ากัน... และระหว่างตัวเอง กับคนๆนั้นถ้าให้ประชาชนในสังคมเลือกสนับสนุนแล้วเขาจะสนับสนุนตัวคุณ หรือคนที่คุณด่าว่าประนามนั้นมากกว่ากัน..
...เพราะถ้าเปรียบเทียบไปแล้วเราอาจจะรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าเรายังไม่ได้เท่าขี้เล็บของคนที่เราเกลียดชัง ด่าว่า ประนาม หยามหมิ่นด้วยซ้ำไป
..ควรคิดและถามตนเองก่อนว่า..ก่อนที่คุณจะก่นด่า ประนาม หยามหมิ่นใครอย่างเปิดเผยไปทั่วคุณคิดว่าคุณมีดีกว่าเขาแล้วหรือยัง
...คนจะดีจะชั่วไม่ได้อยู่ที่คำพูด คำกล่าวอ้าง คำโฆษณา เพราะคนเรามันสามารถพูดอะไรได้ทุกๆอย่าง พูดยกย่องให้ตนเองเป็นเทพเทวดา ให้คนอื่นเป็นปีศาจ อสูรกายก็ได้..แต่ความจริงมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การแสดงออก การกระทำและผลงานที่เป็นจริง เป็นรูปธรรม ก่อเกิดประโยชน์ต่อคนอื่น สังคมอันเกิดจากการคิด การกระทำของเขามากกว่า
..ดังนั้นคนฉลาดต้องมีสติ มีวุฒิภาวะควบคุมอารมณ์ความรู้สึก จะรักจะชอบ จะเกลียด ชิงชังใคร ก็ควรจะเก็บไว้ในใจ ไม่ควรแสดงออกอย่างขาดสติป่าวประกาศไปทั่ว.เพราะนั่นรังแต่จะสร้างศัตรูให้แก่ตนเอง
.....ขอตั้งกระทู้แรกหลังจากหลุดพ้นจากถูกแช่แข็งมานานนับสิบปี...และนิ่งดูไม่เข้ามาในนี้มานาน...คนชุดขาว