ก่อนอื่นขออ้างอิง ยกตามข้อความพาดหัวข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2557 09:55
กรมศิลป์เล็งชง 'เมืองเชียงใหม่' เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ตามมติ มช.-กลุ่มอนุรักษ์เชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังพบเข้าเงื่อนไขของยูเนสโกถึง 4 ข้อ ระบุอยากอนุรักษ์ให้เป็นเมืองโบราณที่ไม่กระทบชีวิตประชาชน4 ข้อ คือ
1. เป็นตัวแทนผลงานชิ้นเอกของอัจฉริยภาพของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยเมืองเชียงใหม่มีเรื่องราวภูมิปัญญาการสร้างเมืองเชียงใหม่ของพระยามังราย การสร้างเมืองมีคูน้ำ คันดินล้อมรอบ เพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างระบบเมือง นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถานในเมือง-นอกเมืองเชียงใหม่ สิ่งก่อสร้างร่วมสมัย ซึ่งทั้งหมดเป็นองค์ประกอบของเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งาน ที่แทรกไว้ด้วยภูมิปัญญาของบรรพชน
2. แสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงคุณค่าต่างๆ ของมนุษย์ในช่วงระยะเวลาหนึ่งภายในพื้นที่วัฒนธรรมหนึ่งของโลก ซึ่งสถาปัตยกรรมเมืองเชียงใหม่ เป็นตัวแทนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับดินแดนโดยรอบ ทั้งในประเทศไทย พม่า ในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องยาวนานจากอดีตมาถึงปัจจุบัน
3. เป็นประจักษ์พยานเพียงหนึ่งเดียว หรือมีลักษณะพิเศษของการสืบทอดวัฒนธรรม ซึ่งเมืองเชียงใหม่มีลักษณะการสืบทอดทางวัฒนธรรมล้านนาที่คงอยู่ถึงปัจจุบันทั้งในแง่จารีต ประเพณี แบบแผนการดำรงชีพ เป็นต้น
4. มีความสัมพันธ์โดยตรงหรือรูปธรรมกับเหตุการณ์ หรือประเพณีที่คงอยู่ และวรรณกรรมที่โดดเด่นเป็นสากล ซึ่งเมืองเชียงใหม่มีความสัมพันธ์ในเครือข่ายวัฒนธรรมในกลุ่มเมืองภาคเหนือใกล้เคียงภายใต้ภูมิหลังการรับวัฒนธรรมล้านนาที่เมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางตั้งแต่อดีต มีพิธีกรรม ประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ การเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต
อย่างที่ทราบกันดี ว่าเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมชิ้นโบแดง และสามารถกวาดรายได้เข้าสู่ประเทศสูง เป็นจังหวัดต้นๆที่มี ทั้งภูมิปัญญามาแต่ในอดีต ดังข้อหนึ่งที่ข่าวได้นำเสนอว่า ด้วยพระปรีชาสามารถการจัดระบบผังเมืองของพระยามังราย ที่สามารถสร้างคูเมืองล้อมรอบนำน้ำมาใช้ประโยชน์ต่อผู้คน และรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมืองเชียงใหม่ยังโดดเด่นในด้านศิลปวัฒนธรรม ที่ว่าด้วยเรื่องของศิลปการแสดง ภูมิปัญญา วิถีชีวิต ประเพณี พุทธศาสนา รวมถึงคติความเชื่อของคนในชุมชนเรื่องการนับถือสายผี หรือวัฒนธรรมสายแม่ ที่หยั่งรากฝังลึกให้กับคนในชุมชนเมืองเชียงใหม่ รอบนอก รวมไปถึงแปดจังหวัดภาคเหนือ ที่ใช้คำว่าล้านนาเป็นจุดยืนบอกรากเหง้าของตน
การที่เมืองเชียงใหม่นั้น ถูกผลักดันให้เข้าสู่สังคมโลก (ประมาณบอลไทยไปบอลโลก) หลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างตระหนักในหน้าที่ และคุณค่าที่คู่ควรกับชื่อเสียงรางวัล โดยมองผ่านกลุ่มวลีที่ผ่านตามเกณฑ์เงื่อนไข และเข้าตากรรมการทั้งหมดสี่ข้อ มองผ่านออกมาถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต มองย้อนกลับไปในอดีต ว่าสินค้าหรือผลงานของตนเป็นอย่างไรบ้าง เหมาะแก่การขายสู่ทอดตลาดไหม? จนลืมมองในปัจจุบันที่เชียงใหม่คือเชียงใหม่อยู่ในพ.ศ.2558 ลืมไปแม้กระทั่งเหตุการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวาย แบ่งพรรคแบ่งพวก ประท้วงหาสันติ อำนาจแห่งความสร้างความสุข ฯลฯ เราลืมแม้กระทั่งหน้ากากที่ตัวเองสวมอยู่ทุกวันว่าตัวเองที่สวมอยู่คือใครกันแน่ เราพร้อมแล้วหรือกับ
"เมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกโลก"
1. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องถนน
1.1 ถนนหนทางที่มีการจราจรติดขัด นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีมากกว่าคนเชียงใหม่ ขับรถอย่างถูกต้องโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตการขับขี่จักรยานยนต์ จะจอดทางโค้ง ทางตรง ตรงกลางเลนก็จอด การจัดการระบบนักท่องเที่ยวชาวจีนที่สำคัญ (ผมจะบอกใบ้ให้นะ หน่วยงานไหนรับผิดชอบควรรู้ไว้) คือการจัดการกับกลุ่มไกด์นำเที่ยวที่รับผิดชอบ โดยตระหนักให้รู้คุณค่าของแหล่งท่องเที่ยว หากไกด์นำเที่ยวไม่ตระหนักรู้คุณค่ามรดกของตัวเอง ใครกันที่จะนำชิพมาฝังสมองให้กับนักท่องเที่ยวได้รู้ และการจัดการร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ หากร้านเช่ามีจรรยาบรรสักนิด และตระหนักถึงความถูกต้องสักหน่อย อุบัติเหตุบนท้องถนน การสูญเสียทรัพย์สิน และปัญหาการจราจรอื่นๆคงไม่เกิดขึ้น
1.2 ปัญหาไฟจราจร ไฟเขียวไฟแดง ที่เสียตลอดจอดรอนาน อย่างไฟบอกสัญญาณที่สี่แยกโรงเรียนยุพราชฯ โดนพายุพัดปัดแกว่งระเนระนาด ไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศไหน ผ่านไปสองเดือนกว่ายังไม่มีหน่วยงานองค์กรไหนออกมาซ่อมแซมรับผิดชอบ หรือว่าไฟเขียวไฟแดงมันแตกหน่อออกผลขึ้นมาเอง มันถึงจะปรับตัวฟื้นสู่ระบบภูมิทัศน์ของมันเอง
1.3 เลนแบ่งเขตการขับขี่ ทุกวันนี้เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขตการขับขี่ของจักยาน มอเตอร์ไซ รถยนต์ อยู่ตรงไหนกันแน่ เลนของจักรยานถูกขีดไว้ประมาณ 1ศอก ห่างกับขอบถนนอันขลุขละ ที่อันตรายยิ่งกว่าทางเดินของรถยนต์เสียอีก บางวันคืนดี ก็ถูกรถยนต์จอดข้างทางยาวเป็นกิโล ทับเลนทางเดินของจักรยาน กว่าจะเห็นทางเดินจักรยานอีกที ก็สุดเขตการเดินของจักรยานที่ขึ้นต้นด้วยความปลอดภัยเสียปล้ว อีกอย่างทางเดินจักรยานถูกสร้างให้เพื่อจักรยาน ไม่ได้ถูกสร้างให้สำหรับจอดรถยนตร์ และวางร้านค้าข้างทาง จักรยานเองเมื่อเขาทำทางให้แล้วก็ควรตระหนักถึงความปลอดภัย เคารพกฏที่สร้างขึ้น และเคารพวินัยหน้าที่ที่เราเองควรใส่ใจในตัวเอง และสิ่งรอบข้าง
1.4 ถนนที่มากด้วยรอยปะ และการชำรุด ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจกับระบบการทำงานของผู้รับผิดชอบ ว่าทำไมไม่จัดการประชุมก่อนสร้างอะไร ดูจากถนนเส้นทางวัดอุโมงค์ไปยังหมู่บ้านโป่งน้อย ที่จัดการราดยางถนนใหม่เอี่ยมอ่อง เด็กมช. และชาวบ้านที่สัญจรไปมาต่างชื่นชมยินดีกับถนนเส้นใหม่ แต่เวลาผ่านไปประมาณ2เดือน หน่วยงานซ่อมแซมท่อปะปา เดินท่อระบายน้ำ กลับมาจัดการต่อ ชาวบ้านก็ดีใจนะ แต่ผลสุดท้ายคือถนนเสียยิ่งกว่าเดิม ไหล่ทางชำรุดและแผ่ขยายมาถึงตรงกลางถนน เนื่องจากการซ่อมแซมท่อปะปา ท่อระบายน้ำ ที่มาผิดจังหวะ การซ่อมแซมถนนหลังจากนั้น ก็อย่างว่านะ ปูดๆ ลุ่มๆ ดอนๆ อันตรายมากกว่าถนนเก่าตอนแรกเสียอีก แต่ละทางโค้งก็ทิ้งอนุสรณ์ของเศษดิน เศษหิน เศษไม้+ตะปูไว้เยอะแยะ ไว้ให้ผู้สัญจรไปมาเจอแจ๊คพอตเอง ไม่รวมถึงถนนเส้นอื่น ที่ทำการซ่อมแซมแล้ว เกิดอันตรายมากกว่าไม่ได้ซ่อม
2. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องสายไฟ
สายที่มากกว่าร้อยเส้น พร้อมทั้งยังเรี่ยราดห้อยระโยงระยาง ไปกับพื้นทางเดินสร้างความมหัศจรรย์แก่ผู้เดินทางสัญจรไปมาว่า ช่างไฟจะรู้ได้ไงว่าอันไหนคือเส้นขององค์กรไหน และไม่แปลกใจเลยว่าเหตุการณ์ไฟดูดช่างซ่อมสายไฟ จะเป็นเรื่องที่น่าตกอกตกใจ โดยทั้งๆที่เราก็รู้ ว่ามันอันตรายมากแค่ไหน การจัดการแบบถนนเส้นท่าแพก็ดีไม่น้อยนะ ถ้าจะเอาสายไฟลงดินหมดเลยทั้งเมืองเชียงใหม่ ทิศใต้จรดสี่แยกสนามบิน ทิศเหนือจรดทางแยกข่วงสิง ทิศตะวันตกถึงมหาวิทยาลัยราชมงคลฯ ทิศตะวันออกถึงฝั่งน้ำปิง น่าจะทำให้บ้านเมืองดูสวยงามไม่น้อย แต่งบประมาณนี่สิ แพงพอๆกับเครื่องตรวจจับระเบิดอะไรนั่นแหละสัก100เครื่อง หรือไม่ก็บอลลูนสัก5ลำ หรือไม่คงจะแพงพอๆกับเรือดำน้ำเลยนะนั่น
3. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องป้าย
พูดถึงเรื่องป้าย คงพอๆกับถังขยะที่ถูกเจ้าตูบกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนเศษขยะตกเรี่ยราด และสุดท้ายก็ฉี่รดแบบไร้ราคา เดินจากหนีไป ป้ายในเมืองเชียงใหม่ก็เป็นเช่นนั้นแหละ ทางแยก ทางตรง ทางโค้ง ก็จะเจอแต่ป้ายที่นับวันจะใหญ่กว่าตึกกว่าบ้านเสียอีก ป้ายบางร้านยื่นออกมากลางถนน ประมาณว่าเล่นจ๊ะเอ๋ ฉันอยู่นี่กับคนที่สัญจรไปมา บางร้านใช้ทางเดินในการวางป้ายร้าน ซึ่งหากคุณเดินเดินไปแล้วชนกับป้ายร้าน คุณจะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากเจ้าของร้านทันที ป้ายบางที่ ตึกบางที่ก็สวยงามดีนะ แต่ผู้เขียนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสร้างตึง ห้องแถว เพื่อให้คนมาเช่าอยู่อาศัย หรือสร้างไว้เพื่อติดตั้งป้ายกันแน่ บางแยกมีป้ายนับร้อย วางทับซ้อนกันแบบใครมาก่อนได้หลัง ใครมาทีหลังได้อยู่ข้างหน้า และกว่าจะเจอจุดหมายที่ต้องการไป ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะต้องมัวหาป้ายนี่แหละ บางร้านมีป้ายตรงหน้าร้านแล้วยังไม่พอ ต้องมีป้ายรองที่ยื่นออกไปพาดทางเดินอีก ถามว่าซ้ำซ้อนไหม ตอบเลยว่า
"มาก" และป้ายที่ว่ามากนี่ จะเห็นเป็นป้ายของคุณตำรวจนี่แหละ คือเข้าใจนะ ว่ารณรงค์ให้กับผู้ขับขี่ได้ปฏิบัติตามกฏ พร้อมกับขู่นิดๆว่าจะปรับเท่านั้น เท่านี้ แต่เมื่อมองถึงความรัก ความเป็นห่วงที่มีต่อประชาชน บางครั้งก็ทำให้เสียระบบนิเวศทางตา เสียงบประมาณไปเป็นอย่างมาก และเท่าที่เห็น ยังเป็นการรุกล้ำทางเดินเท้าของประชาชนอีก ซึ่งทางเดินเท้า ควรที่จะให้ดูโล่งหูสะอาดตา แต่หลายๆคนก็ต้องมาห่วงเรื่องป้ายอีก ต้องคอยหลบกลัวจะชน ถ้าชนกลัวจะถูกปรับอีก รื้อก็ไม่ได้ สมบัติของรัฐ เห็นองค์กรบางที่หรือหน่วยงานบางที่ติดกันบ้าง ก็จะมีหน่วยงานมารื้ออัตโนมัติ คราวหน้านะคุณตำรวจ ที่ใดขึ้นชื่อว่าป้าย ไม่ว่าจะของหน่วยงานใดใด ทั้งภาครัฐและเอกชน ใช้อัตราค่าเช่าบริการเลยนะ วันละ100บาท/1วัน/1ป้าย บนทางเท้า 200 บาท/1วัน/1ป้าย ถามว่าใครเป็นคนเก็บ ตอบ= ป้ายใดอยู่ตรงหน้าร้าน บ้าน หรือที่ใด บ้านนั้นเป็นผู้มีสิทธิ์เก็บได้
4. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องป้ายไฟ
อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างเมืองเชียงใหม่ ดูเหมือนจะเป็นเมืองแห่งความทันสมัยก้าวไกลโลก แต่ทว่าป้ายไฟที่หน่วยงานบางหน่วยสร้างเพื่อตอบรับและการจัดการระเบียบป้ายของเมืองเชียงใหม่ ได้จัดการสร้างแทนไฟฟ้าสว่างกลางคืนล่ะ เราเอาแสงจากไฟกิ่งออกไปดีไหม แล้วอาศัยแสงสว่างจากป้ายไฟก็พอ บางครั้งมันก็เยอะเกินไปมากกว่าความจำเป็นของผู้คน บางครั้งก็นำมาใช้ไม่ถูกที่ถูกทาง ดูอย่างป้ายบอกกล้องวงจรปิดตรงสี่แยกพุทธสถาน คือใครกันจะมามัวเสียเวลาจอดรถแล้วก็ดูถนนหนทางจากกล้องวงจรปิดในจอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ ใครกันที่จะวันดีคืนดีเอาเสื่อมาปู เพื่อดูรถเดินบนถนนในเมืองเชียงใหม่ มันใช่เรื่องไหมที่สร้างแสงไฟ ให้มันกระทบกับผู้สัญจรไปมาในยามค่ำคืน สร้างอันตรายโดยไม่รู้ตัวกับผู้สัญจรไปมา เราไม่รู้ว่าคุณจะได้เงินจากการโฆษณาร้านค้า สินค้ามากเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ คุณไม่เคยที่จะแสดงความสร้างสรรค์ความเป็นเมืองเชียงใหม่ผ่านป้ายไฟอันไร้ค่าของคุณเลย
5. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องทางเดินเท้า
ทางเดินเท้าเมืองเชียงใหม่นี่ก็สำคัญอีกอย่างหนึ่งนะ คือคนบ้านเราเองจะไม่ค่อยเดินเล่นหรอก อย่างญี่ปุ่น เวลาประมาณสี่โมงเย็นเค้าจะพาลูกเด็กเล็กแดงออกมารับลมตอนเย็น พร้อมกับเดินเล่นออกกำลังกายไปในตัว ไม่ก็สมาคมแม่บ้านยังสาว (ผู้หญิงญี่ปุ่นมีบุตรเร็วกว่าผู้หญิงไทย เท่าที่เห็นนะ) ออกมาพบปะพูดคุยกัน แต่นี่ก็เข้าใจนะว่าเมืองไทยเป็นเมืองสามฤดู ร้อน ร้อนมาก ร้อนใบ้ร้อนง่าว ออกมาเดินเล่นประมาณสี่โมงเย็นมีหวังเป็นลมแดดแน่ แต่ทางเดินก็คือทางดิน ทางเดินมีไว้ให้เดิน นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะฝรั่ง ญี่ปุ่น ฯลฯ ส่วนมากจะชอบเดิน เพราะการเดินคือการท่องเที่ยวที่เห็นทุกอณูวิถี ต่างจากขับรถอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ต่างประเทศจะชอบเดินมากกว่าการใช้ยานพาหนะ แต่บ้านเราเดินไม่ได้ เพราะถ้าเดิน ไม่รู้จะเดินไปไหน สวนสาธารณะก็อยู่ไกล อยู่มช.เดินไปสวนบวกหาด ตายแล้วฟื้นกันพอดี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวคือไม่นะ เขาต้องการทางเดินมากกว่าการขนส่งสาธารณะ แต่ทางเดินที่เต็มไปด้วยสายไฟ ทางเดินที่เต็มไปด้วยป้ายต่างๆ ทางเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าล้อเข็น ทางเดินที่เต็มไปด้วยจักรยาน มอเตอร์ไซ ที่จอดทั่วทางเดินมันทำให้ไม่ใช่ทางเดิน มันกลับเป็นที่สำหรับจอดรถ วางถังขยะ ซึ่งเมื่อมองมาถึงจุดนี้ คุณลองเดินเล่นแถวสี่เหลี่ยมคูเมืองในเวลาประมาณ5โมงเย็นสิ คุณจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย และพบปะพุดคุยกันเยอะมาก แล้วคุณก็ลองเดินทางเดินแถวถนนท่าแพ หรือไม่ก็ถนนหน้าโรงพยาบาลสวนดอกสิ มันไม่มีทางเดินให้คุณเห็นเลยด้วยซ้ำ
พร้อมแล้วหรือ? เมืองเชียงใหม่...จะเป็นเมืองมรดกโลก?
กรมศิลป์เล็งชง 'เมืองเชียงใหม่' เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ตามมติ มช.-กลุ่มอนุรักษ์เชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังพบเข้าเงื่อนไขของยูเนสโกถึง 4 ข้อ ระบุอยากอนุรักษ์ให้เป็นเมืองโบราณที่ไม่กระทบชีวิตประชาชน4 ข้อ คือ
1. เป็นตัวแทนผลงานชิ้นเอกของอัจฉริยภาพของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยเมืองเชียงใหม่มีเรื่องราวภูมิปัญญาการสร้างเมืองเชียงใหม่ของพระยามังราย การสร้างเมืองมีคูน้ำ คันดินล้อมรอบ เพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างระบบเมือง นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถานในเมือง-นอกเมืองเชียงใหม่ สิ่งก่อสร้างร่วมสมัย ซึ่งทั้งหมดเป็นองค์ประกอบของเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งาน ที่แทรกไว้ด้วยภูมิปัญญาของบรรพชน
2. แสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงคุณค่าต่างๆ ของมนุษย์ในช่วงระยะเวลาหนึ่งภายในพื้นที่วัฒนธรรมหนึ่งของโลก ซึ่งสถาปัตยกรรมเมืองเชียงใหม่ เป็นตัวแทนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับดินแดนโดยรอบ ทั้งในประเทศไทย พม่า ในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องยาวนานจากอดีตมาถึงปัจจุบัน
3. เป็นประจักษ์พยานเพียงหนึ่งเดียว หรือมีลักษณะพิเศษของการสืบทอดวัฒนธรรม ซึ่งเมืองเชียงใหม่มีลักษณะการสืบทอดทางวัฒนธรรมล้านนาที่คงอยู่ถึงปัจจุบันทั้งในแง่จารีต ประเพณี แบบแผนการดำรงชีพ เป็นต้น
4. มีความสัมพันธ์โดยตรงหรือรูปธรรมกับเหตุการณ์ หรือประเพณีที่คงอยู่ และวรรณกรรมที่โดดเด่นเป็นสากล ซึ่งเมืองเชียงใหม่มีความสัมพันธ์ในเครือข่ายวัฒนธรรมในกลุ่มเมืองภาคเหนือใกล้เคียงภายใต้ภูมิหลังการรับวัฒนธรรมล้านนาที่เมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางตั้งแต่อดีต มีพิธีกรรม ประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ การเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต
อย่างที่ทราบกันดี ว่าเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมชิ้นโบแดง และสามารถกวาดรายได้เข้าสู่ประเทศสูง เป็นจังหวัดต้นๆที่มี ทั้งภูมิปัญญามาแต่ในอดีต ดังข้อหนึ่งที่ข่าวได้นำเสนอว่า ด้วยพระปรีชาสามารถการจัดระบบผังเมืองของพระยามังราย ที่สามารถสร้างคูเมืองล้อมรอบนำน้ำมาใช้ประโยชน์ต่อผู้คน และรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมืองเชียงใหม่ยังโดดเด่นในด้านศิลปวัฒนธรรม ที่ว่าด้วยเรื่องของศิลปการแสดง ภูมิปัญญา วิถีชีวิต ประเพณี พุทธศาสนา รวมถึงคติความเชื่อของคนในชุมชนเรื่องการนับถือสายผี หรือวัฒนธรรมสายแม่ ที่หยั่งรากฝังลึกให้กับคนในชุมชนเมืองเชียงใหม่ รอบนอก รวมไปถึงแปดจังหวัดภาคเหนือ ที่ใช้คำว่าล้านนาเป็นจุดยืนบอกรากเหง้าของตน
การที่เมืองเชียงใหม่นั้น ถูกผลักดันให้เข้าสู่สังคมโลก (ประมาณบอลไทยไปบอลโลก) หลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างตระหนักในหน้าที่ และคุณค่าที่คู่ควรกับชื่อเสียงรางวัล โดยมองผ่านกลุ่มวลีที่ผ่านตามเกณฑ์เงื่อนไข และเข้าตากรรมการทั้งหมดสี่ข้อ มองผ่านออกมาถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต มองย้อนกลับไปในอดีต ว่าสินค้าหรือผลงานของตนเป็นอย่างไรบ้าง เหมาะแก่การขายสู่ทอดตลาดไหม? จนลืมมองในปัจจุบันที่เชียงใหม่คือเชียงใหม่อยู่ในพ.ศ.2558 ลืมไปแม้กระทั่งเหตุการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวาย แบ่งพรรคแบ่งพวก ประท้วงหาสันติ อำนาจแห่งความสร้างความสุข ฯลฯ เราลืมแม้กระทั่งหน้ากากที่ตัวเองสวมอยู่ทุกวันว่าตัวเองที่สวมอยู่คือใครกันแน่ เราพร้อมแล้วหรือกับ "เมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกโลก"
1. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องถนน
1.1 ถนนหนทางที่มีการจราจรติดขัด นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีมากกว่าคนเชียงใหม่ ขับรถอย่างถูกต้องโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตการขับขี่จักรยานยนต์ จะจอดทางโค้ง ทางตรง ตรงกลางเลนก็จอด การจัดการระบบนักท่องเที่ยวชาวจีนที่สำคัญ (ผมจะบอกใบ้ให้นะ หน่วยงานไหนรับผิดชอบควรรู้ไว้) คือการจัดการกับกลุ่มไกด์นำเที่ยวที่รับผิดชอบ โดยตระหนักให้รู้คุณค่าของแหล่งท่องเที่ยว หากไกด์นำเที่ยวไม่ตระหนักรู้คุณค่ามรดกของตัวเอง ใครกันที่จะนำชิพมาฝังสมองให้กับนักท่องเที่ยวได้รู้ และการจัดการร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ หากร้านเช่ามีจรรยาบรรสักนิด และตระหนักถึงความถูกต้องสักหน่อย อุบัติเหตุบนท้องถนน การสูญเสียทรัพย์สิน และปัญหาการจราจรอื่นๆคงไม่เกิดขึ้น
1.2 ปัญหาไฟจราจร ไฟเขียวไฟแดง ที่เสียตลอดจอดรอนาน อย่างไฟบอกสัญญาณที่สี่แยกโรงเรียนยุพราชฯ โดนพายุพัดปัดแกว่งระเนระนาด ไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศไหน ผ่านไปสองเดือนกว่ายังไม่มีหน่วยงานองค์กรไหนออกมาซ่อมแซมรับผิดชอบ หรือว่าไฟเขียวไฟแดงมันแตกหน่อออกผลขึ้นมาเอง มันถึงจะปรับตัวฟื้นสู่ระบบภูมิทัศน์ของมันเอง
1.3 เลนแบ่งเขตการขับขี่ ทุกวันนี้เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขตการขับขี่ของจักยาน มอเตอร์ไซ รถยนต์ อยู่ตรงไหนกันแน่ เลนของจักรยานถูกขีดไว้ประมาณ 1ศอก ห่างกับขอบถนนอันขลุขละ ที่อันตรายยิ่งกว่าทางเดินของรถยนต์เสียอีก บางวันคืนดี ก็ถูกรถยนต์จอดข้างทางยาวเป็นกิโล ทับเลนทางเดินของจักรยาน กว่าจะเห็นทางเดินจักรยานอีกที ก็สุดเขตการเดินของจักรยานที่ขึ้นต้นด้วยความปลอดภัยเสียปล้ว อีกอย่างทางเดินจักรยานถูกสร้างให้เพื่อจักรยาน ไม่ได้ถูกสร้างให้สำหรับจอดรถยนตร์ และวางร้านค้าข้างทาง จักรยานเองเมื่อเขาทำทางให้แล้วก็ควรตระหนักถึงความปลอดภัย เคารพกฏที่สร้างขึ้น และเคารพวินัยหน้าที่ที่เราเองควรใส่ใจในตัวเอง และสิ่งรอบข้าง
1.4 ถนนที่มากด้วยรอยปะ และการชำรุด ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจกับระบบการทำงานของผู้รับผิดชอบ ว่าทำไมไม่จัดการประชุมก่อนสร้างอะไร ดูจากถนนเส้นทางวัดอุโมงค์ไปยังหมู่บ้านโป่งน้อย ที่จัดการราดยางถนนใหม่เอี่ยมอ่อง เด็กมช. และชาวบ้านที่สัญจรไปมาต่างชื่นชมยินดีกับถนนเส้นใหม่ แต่เวลาผ่านไปประมาณ2เดือน หน่วยงานซ่อมแซมท่อปะปา เดินท่อระบายน้ำ กลับมาจัดการต่อ ชาวบ้านก็ดีใจนะ แต่ผลสุดท้ายคือถนนเสียยิ่งกว่าเดิม ไหล่ทางชำรุดและแผ่ขยายมาถึงตรงกลางถนน เนื่องจากการซ่อมแซมท่อปะปา ท่อระบายน้ำ ที่มาผิดจังหวะ การซ่อมแซมถนนหลังจากนั้น ก็อย่างว่านะ ปูดๆ ลุ่มๆ ดอนๆ อันตรายมากกว่าถนนเก่าตอนแรกเสียอีก แต่ละทางโค้งก็ทิ้งอนุสรณ์ของเศษดิน เศษหิน เศษไม้+ตะปูไว้เยอะแยะ ไว้ให้ผู้สัญจรไปมาเจอแจ๊คพอตเอง ไม่รวมถึงถนนเส้นอื่น ที่ทำการซ่อมแซมแล้ว เกิดอันตรายมากกว่าไม่ได้ซ่อม
2. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องสายไฟ
สายที่มากกว่าร้อยเส้น พร้อมทั้งยังเรี่ยราดห้อยระโยงระยาง ไปกับพื้นทางเดินสร้างความมหัศจรรย์แก่ผู้เดินทางสัญจรไปมาว่า ช่างไฟจะรู้ได้ไงว่าอันไหนคือเส้นขององค์กรไหน และไม่แปลกใจเลยว่าเหตุการณ์ไฟดูดช่างซ่อมสายไฟ จะเป็นเรื่องที่น่าตกอกตกใจ โดยทั้งๆที่เราก็รู้ ว่ามันอันตรายมากแค่ไหน การจัดการแบบถนนเส้นท่าแพก็ดีไม่น้อยนะ ถ้าจะเอาสายไฟลงดินหมดเลยทั้งเมืองเชียงใหม่ ทิศใต้จรดสี่แยกสนามบิน ทิศเหนือจรดทางแยกข่วงสิง ทิศตะวันตกถึงมหาวิทยาลัยราชมงคลฯ ทิศตะวันออกถึงฝั่งน้ำปิง น่าจะทำให้บ้านเมืองดูสวยงามไม่น้อย แต่งบประมาณนี่สิ แพงพอๆกับเครื่องตรวจจับระเบิดอะไรนั่นแหละสัก100เครื่อง หรือไม่ก็บอลลูนสัก5ลำ หรือไม่คงจะแพงพอๆกับเรือดำน้ำเลยนะนั่น
3. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องป้าย
พูดถึงเรื่องป้าย คงพอๆกับถังขยะที่ถูกเจ้าตูบกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนเศษขยะตกเรี่ยราด และสุดท้ายก็ฉี่รดแบบไร้ราคา เดินจากหนีไป ป้ายในเมืองเชียงใหม่ก็เป็นเช่นนั้นแหละ ทางแยก ทางตรง ทางโค้ง ก็จะเจอแต่ป้ายที่นับวันจะใหญ่กว่าตึกกว่าบ้านเสียอีก ป้ายบางร้านยื่นออกมากลางถนน ประมาณว่าเล่นจ๊ะเอ๋ ฉันอยู่นี่กับคนที่สัญจรไปมา บางร้านใช้ทางเดินในการวางป้ายร้าน ซึ่งหากคุณเดินเดินไปแล้วชนกับป้ายร้าน คุณจะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากเจ้าของร้านทันที ป้ายบางที่ ตึกบางที่ก็สวยงามดีนะ แต่ผู้เขียนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสร้างตึง ห้องแถว เพื่อให้คนมาเช่าอยู่อาศัย หรือสร้างไว้เพื่อติดตั้งป้ายกันแน่ บางแยกมีป้ายนับร้อย วางทับซ้อนกันแบบใครมาก่อนได้หลัง ใครมาทีหลังได้อยู่ข้างหน้า และกว่าจะเจอจุดหมายที่ต้องการไป ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะต้องมัวหาป้ายนี่แหละ บางร้านมีป้ายตรงหน้าร้านแล้วยังไม่พอ ต้องมีป้ายรองที่ยื่นออกไปพาดทางเดินอีก ถามว่าซ้ำซ้อนไหม ตอบเลยว่า "มาก" และป้ายที่ว่ามากนี่ จะเห็นเป็นป้ายของคุณตำรวจนี่แหละ คือเข้าใจนะ ว่ารณรงค์ให้กับผู้ขับขี่ได้ปฏิบัติตามกฏ พร้อมกับขู่นิดๆว่าจะปรับเท่านั้น เท่านี้ แต่เมื่อมองถึงความรัก ความเป็นห่วงที่มีต่อประชาชน บางครั้งก็ทำให้เสียระบบนิเวศทางตา เสียงบประมาณไปเป็นอย่างมาก และเท่าที่เห็น ยังเป็นการรุกล้ำทางเดินเท้าของประชาชนอีก ซึ่งทางเดินเท้า ควรที่จะให้ดูโล่งหูสะอาดตา แต่หลายๆคนก็ต้องมาห่วงเรื่องป้ายอีก ต้องคอยหลบกลัวจะชน ถ้าชนกลัวจะถูกปรับอีก รื้อก็ไม่ได้ สมบัติของรัฐ เห็นองค์กรบางที่หรือหน่วยงานบางที่ติดกันบ้าง ก็จะมีหน่วยงานมารื้ออัตโนมัติ คราวหน้านะคุณตำรวจ ที่ใดขึ้นชื่อว่าป้าย ไม่ว่าจะของหน่วยงานใดใด ทั้งภาครัฐและเอกชน ใช้อัตราค่าเช่าบริการเลยนะ วันละ100บาท/1วัน/1ป้าย บนทางเท้า 200 บาท/1วัน/1ป้าย ถามว่าใครเป็นคนเก็บ ตอบ= ป้ายใดอยู่ตรงหน้าร้าน บ้าน หรือที่ใด บ้านนั้นเป็นผู้มีสิทธิ์เก็บได้
4. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องป้ายไฟ
อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างเมืองเชียงใหม่ ดูเหมือนจะเป็นเมืองแห่งความทันสมัยก้าวไกลโลก แต่ทว่าป้ายไฟที่หน่วยงานบางหน่วยสร้างเพื่อตอบรับและการจัดการระเบียบป้ายของเมืองเชียงใหม่ ได้จัดการสร้างแทนไฟฟ้าสว่างกลางคืนล่ะ เราเอาแสงจากไฟกิ่งออกไปดีไหม แล้วอาศัยแสงสว่างจากป้ายไฟก็พอ บางครั้งมันก็เยอะเกินไปมากกว่าความจำเป็นของผู้คน บางครั้งก็นำมาใช้ไม่ถูกที่ถูกทาง ดูอย่างป้ายบอกกล้องวงจรปิดตรงสี่แยกพุทธสถาน คือใครกันจะมามัวเสียเวลาจอดรถแล้วก็ดูถนนหนทางจากกล้องวงจรปิดในจอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ ใครกันที่จะวันดีคืนดีเอาเสื่อมาปู เพื่อดูรถเดินบนถนนในเมืองเชียงใหม่ มันใช่เรื่องไหมที่สร้างแสงไฟ ให้มันกระทบกับผู้สัญจรไปมาในยามค่ำคืน สร้างอันตรายโดยไม่รู้ตัวกับผู้สัญจรไปมา เราไม่รู้ว่าคุณจะได้เงินจากการโฆษณาร้านค้า สินค้ามากเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ คุณไม่เคยที่จะแสดงความสร้างสรรค์ความเป็นเมืองเชียงใหม่ผ่านป้ายไฟอันไร้ค่าของคุณเลย
5. พร้อมแล้วหรือกับเรื่องทางเดินเท้า
ทางเดินเท้าเมืองเชียงใหม่นี่ก็สำคัญอีกอย่างหนึ่งนะ คือคนบ้านเราเองจะไม่ค่อยเดินเล่นหรอก อย่างญี่ปุ่น เวลาประมาณสี่โมงเย็นเค้าจะพาลูกเด็กเล็กแดงออกมารับลมตอนเย็น พร้อมกับเดินเล่นออกกำลังกายไปในตัว ไม่ก็สมาคมแม่บ้านยังสาว (ผู้หญิงญี่ปุ่นมีบุตรเร็วกว่าผู้หญิงไทย เท่าที่เห็นนะ) ออกมาพบปะพูดคุยกัน แต่นี่ก็เข้าใจนะว่าเมืองไทยเป็นเมืองสามฤดู ร้อน ร้อนมาก ร้อนใบ้ร้อนง่าว ออกมาเดินเล่นประมาณสี่โมงเย็นมีหวังเป็นลมแดดแน่ แต่ทางเดินก็คือทางดิน ทางเดินมีไว้ให้เดิน นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะฝรั่ง ญี่ปุ่น ฯลฯ ส่วนมากจะชอบเดิน เพราะการเดินคือการท่องเที่ยวที่เห็นทุกอณูวิถี ต่างจากขับรถอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ต่างประเทศจะชอบเดินมากกว่าการใช้ยานพาหนะ แต่บ้านเราเดินไม่ได้ เพราะถ้าเดิน ไม่รู้จะเดินไปไหน สวนสาธารณะก็อยู่ไกล อยู่มช.เดินไปสวนบวกหาด ตายแล้วฟื้นกันพอดี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวคือไม่นะ เขาต้องการทางเดินมากกว่าการขนส่งสาธารณะ แต่ทางเดินที่เต็มไปด้วยสายไฟ ทางเดินที่เต็มไปด้วยป้ายต่างๆ ทางเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าล้อเข็น ทางเดินที่เต็มไปด้วยจักรยาน มอเตอร์ไซ ที่จอดทั่วทางเดินมันทำให้ไม่ใช่ทางเดิน มันกลับเป็นที่สำหรับจอดรถ วางถังขยะ ซึ่งเมื่อมองมาถึงจุดนี้ คุณลองเดินเล่นแถวสี่เหลี่ยมคูเมืองในเวลาประมาณ5โมงเย็นสิ คุณจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย และพบปะพุดคุยกันเยอะมาก แล้วคุณก็ลองเดินทางเดินแถวถนนท่าแพ หรือไม่ก็ถนนหน้าโรงพยาบาลสวนดอกสิ มันไม่มีทางเดินให้คุณเห็นเลยด้วยซ้ำ