✿
การที่เพื่อนเธอบอกว่า เธอเป็นพวก "บูชาความรัก" ผมเชื่อว่าจริง
---------------------
แต่การ
"บูชาความรัก" ในแบบของเธอมันไม่ถูกต้อง ผิดวิธี หากคนเราบูชาความรักจริง ควรต้องฟัง
"คนที่เรารัก" บ้าง ไม่ใช่เชื่อมั่นแต่ตนเอง คิดจะทำในสิ่งที่ตนอยากทำเท่านั้น โดยไม่คิดถึงใจของ
"คู่รัก"
ควรบูชาความรักต่อกันตลอดเวลา ยอมรับฟัง แสดงออกถึงความรักต่อกัน ควรฟังในสิ่งที่
"คนรัก" ห้าม ไม่ใช่พอเสียไปแล้วจะมา
"บูชาความรัก" มันออกจะสายเกินไป
แต่การ
"บูชาความรัก" ด้วยการ
"ฆ่าตัวตาย" ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเลย หวังว่าคงไม่ทำอีก
เธอมีสิ่งที่สวรรค์มอบมาให้มากมาย...
โอกาส รูปร่างหน้าตา ฝีมือในการแสดง เพียงแต่เธอใช้มันไปในทางที่ไม่ถูก
การเป็น
คนเชื่อมั่น และ
ตรง เป็นสิ่งดี แต่ไม่ใช่ไปยุ่งในทุกเรื่อง พูดแบบไม่รักษาน้ำใจคนแบบนั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนรับได้หรอกนะ นอกจากตอนอยู่ใหม่ๆ
มนุษย์มักมองไม่เห็นค่าของสิ่งที่ตนมีอยู่ ต่อเมื่อได้เสียมันไปแล้วจึงรู้สึกถึงคุณค่า...
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้
"โตโน่" กลับมานะ แม้ว่ามันจะยากแล้วก็ตาม และเลิกนิสัยเดิมๆ ซะ ประเภททะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว เชื่อมั่นตนเองสูง
ถึงเธอจะเคยดูถูก
"คนรากหญ้า" แต่เราก็ไม่ใจดำพอที่จะไปกระหน่ำซ้ำเติมเธอในยามที่เธอพบกับปัญหาชีวิตที่หนักหน่วงหรอก
ขอให้หายไวๆ นะ และจงยืนหยัดให้ได้อีกครั้ง
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
ลองดูอย่างคู่นี้สิ...
✿
รักของฉัน ตราบวันสิ้นลม...
----------------
เว็บไซต์เดลีเมล์ของอังกฤษเผยแพร่เรื่องราวความรักที่ทั้งน่าเศร้าและประทับใจของคุณตาคุณยายคู่หนึ่ง "เจเนตต์-อเล็กซานเดอร์ ท็อกซ์โค" จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งจะเสียชีวิตตามกันไปเมื่อช่วงกลางๆ เดือนมิ.ย.
โดยภาพสุดท้ายที่เห็นนั้นเป็นฉากที่ทั้งคู่นอนเคียงข้างกันบนเตียง ตาหลับสนิท ร่างแน่นิ่ง โดยที่ยังจับมือกันไว้แน่น
ตั้งคุณยายเจเนตต์และคุณตาอเล็กซานเดอร์พบรักกันตั้งแต่อายุราว 8 ขวบ ซึ่งขณะนั้นก็เริ่มต้นตามประสาเด็ก คือความสัมพันธ์ยังเป็นแบบใสๆ น่ารักๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ก็รู้สึกผูกพัน จนกระทั่งก่อตัวเป็นความรักที่ทรงพลัง แต่งงานกัน และมีลูกด้วยกัน 5 คน
คุณตาอเล็กซานเดอร์เมื่อสมัยแต่งงานใหม่ๆเคยทำงานเป็นคนส่งโทรเลขของนาวิกโยธินสหรัฐ ก่อนจะย้ายไปนิวยอร์กพร้อมครอบครัวในเวลาต่อมา และทำงานกับบริษัทโฆษณาแทน จนท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ย้ายไปซานดิเอโก้ ที่ซึ่งคุณตาอเล็กซานเดอร์ก่อตั้งบริษัทโฆษณาและภาพถ่ายแฟชั่นของตัวเองขึ้นมา
ชีวิตครอบครัวของทั้งคู่ดำเนินอย่างมีความสุขเรื่อยมา ใช้เวลาร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ จนกระทั่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ที่คุณตาอเล็กซานเดอร์ประสบอุบัติเหตุหกล้มจนสะโพกหัก ทำให้ต้องนอนอยู่แต่ในเตียง ลุกไปไหนไม่ได้ แพทย์ในละแวกบ้านจึงนำเตียงผู้ป่วยแบบพิเศษมาไว้ให้ที่บ้าน โดยตั้งไว้ข้างเตียงคุณยายเจเน็ตต์ เพื่อให้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน
แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป อาการของคุณตาอเล็กซานเดอร์กลับแย่ลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับคุณยายเจเน็ตต์ที่ก็สุขภาพทรุดโทรมลงทุกนาที และในที่สุดคุณตาอเล็กซานเดอร์ก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17 มิ.ย. ซึ่งคุณยายเจเน็ตต์แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทุกอย่างสายเกินแก้แล้ว แต่เธอยังคงไม่ไปไหน ยังนอนจับมือแน่นกับร่างไร้วิญญาณของสามีเหมือนเดิม
"ฉันบอกแม่แล้ว ว่าพ่อไม่อยู่แล้วนะ" แต่แม่ก็กอดศพพ่อเอาไว้แล้วพูดว่า
"นี่ไงที่รัก อย่างที่เราเคยคุยกันเอาไว้ คุณตายในอ้อมกอดฉัน และฉันก็รักคุณ รอฉันหน่อยนะที่รัก เดี๋ยวฉันก็ได้ไปอยู่กับคุณแล้ว" เอมี่ ลูกสาวของทั้งคู่กล่าว
เมื่อคุณยายเจเน็ตต์ต้องการดังนั้นแล้ว ลูกๆของเธอจึงไม่มีใครขัดศรัทธา ทุกคนออกไปจากห้องให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง และแล้วในวันรุ่งขึ้น คุณยายเจเน็ตต์ก็เสียชีวิตตามสามี โดยที่ยังคงกุมมือกันไว้แน่นไม่ปล่อย
ต่อมาศพของคุณตา-คุณยายถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานไมรามาร์ในซานดิเอโก รวมแล้วทั้งคู่อยู่กินกันมาถึง 75 ปี เสียชีวิตโดยที่คุณตาอเล็กซานเดอร์มีอายุ 95 ปี ส่วนคุณยายเจเน็ตต์อายุ 96 ปี นับว่าเป็นความรักที่ยืนยาว และอมตะยิ่งนัก
✿ การที่เพื่อน "แตงโม" บอกว่า เธอเป็นพวก "บูชาความรัก" ผมเชื่อว่าจริง ✿
✿ การที่เพื่อนเธอบอกว่า เธอเป็นพวก "บูชาความรัก" ผมเชื่อว่าจริง
---------------------
แต่การ "บูชาความรัก" ในแบบของเธอมันไม่ถูกต้อง ผิดวิธี หากคนเราบูชาความรักจริง ควรต้องฟัง "คนที่เรารัก" บ้าง ไม่ใช่เชื่อมั่นแต่ตนเอง คิดจะทำในสิ่งที่ตนอยากทำเท่านั้น โดยไม่คิดถึงใจของ "คู่รัก"
ควรบูชาความรักต่อกันตลอดเวลา ยอมรับฟัง แสดงออกถึงความรักต่อกัน ควรฟังในสิ่งที่ "คนรัก" ห้าม ไม่ใช่พอเสียไปแล้วจะมา "บูชาความรัก" มันออกจะสายเกินไป
แต่การ "บูชาความรัก" ด้วยการ "ฆ่าตัวตาย" ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเลย หวังว่าคงไม่ทำอีก
เธอมีสิ่งที่สวรรค์มอบมาให้มากมาย... โอกาส รูปร่างหน้าตา ฝีมือในการแสดง เพียงแต่เธอใช้มันไปในทางที่ไม่ถูก
การเป็น คนเชื่อมั่น และ ตรง เป็นสิ่งดี แต่ไม่ใช่ไปยุ่งในทุกเรื่อง พูดแบบไม่รักษาน้ำใจคนแบบนั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนรับได้หรอกนะ นอกจากตอนอยู่ใหม่ๆ
มนุษย์มักมองไม่เห็นค่าของสิ่งที่ตนมีอยู่ ต่อเมื่อได้เสียมันไปแล้วจึงรู้สึกถึงคุณค่า...
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ "โตโน่" กลับมานะ แม้ว่ามันจะยากแล้วก็ตาม และเลิกนิสัยเดิมๆ ซะ ประเภททะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว เชื่อมั่นตนเองสูง
ถึงเธอจะเคยดูถูก "คนรากหญ้า" แต่เราก็ไม่ใจดำพอที่จะไปกระหน่ำซ้ำเติมเธอในยามที่เธอพบกับปัญหาชีวิตที่หนักหน่วงหรอก
ขอให้หายไวๆ นะ และจงยืนหยัดให้ได้อีกครั้ง
ลองดูอย่างคู่นี้สิ...
✿ รักของฉัน ตราบวันสิ้นลม...
----------------
เว็บไซต์เดลีเมล์ของอังกฤษเผยแพร่เรื่องราวความรักที่ทั้งน่าเศร้าและประทับใจของคุณตาคุณยายคู่หนึ่ง "เจเนตต์-อเล็กซานเดอร์ ท็อกซ์โค" จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งจะเสียชีวิตตามกันไปเมื่อช่วงกลางๆ เดือนมิ.ย.
โดยภาพสุดท้ายที่เห็นนั้นเป็นฉากที่ทั้งคู่นอนเคียงข้างกันบนเตียง ตาหลับสนิท ร่างแน่นิ่ง โดยที่ยังจับมือกันไว้แน่น
ตั้งคุณยายเจเนตต์และคุณตาอเล็กซานเดอร์พบรักกันตั้งแต่อายุราว 8 ขวบ ซึ่งขณะนั้นก็เริ่มต้นตามประสาเด็ก คือความสัมพันธ์ยังเป็นแบบใสๆ น่ารักๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ก็รู้สึกผูกพัน จนกระทั่งก่อตัวเป็นความรักที่ทรงพลัง แต่งงานกัน และมีลูกด้วยกัน 5 คน
คุณตาอเล็กซานเดอร์เมื่อสมัยแต่งงานใหม่ๆเคยทำงานเป็นคนส่งโทรเลขของนาวิกโยธินสหรัฐ ก่อนจะย้ายไปนิวยอร์กพร้อมครอบครัวในเวลาต่อมา และทำงานกับบริษัทโฆษณาแทน จนท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ย้ายไปซานดิเอโก้ ที่ซึ่งคุณตาอเล็กซานเดอร์ก่อตั้งบริษัทโฆษณาและภาพถ่ายแฟชั่นของตัวเองขึ้นมา
ชีวิตครอบครัวของทั้งคู่ดำเนินอย่างมีความสุขเรื่อยมา ใช้เวลาร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ จนกระทั่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ที่คุณตาอเล็กซานเดอร์ประสบอุบัติเหตุหกล้มจนสะโพกหัก ทำให้ต้องนอนอยู่แต่ในเตียง ลุกไปไหนไม่ได้ แพทย์ในละแวกบ้านจึงนำเตียงผู้ป่วยแบบพิเศษมาไว้ให้ที่บ้าน โดยตั้งไว้ข้างเตียงคุณยายเจเน็ตต์ เพื่อให้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน
แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป อาการของคุณตาอเล็กซานเดอร์กลับแย่ลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับคุณยายเจเน็ตต์ที่ก็สุขภาพทรุดโทรมลงทุกนาที และในที่สุดคุณตาอเล็กซานเดอร์ก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17 มิ.ย. ซึ่งคุณยายเจเน็ตต์แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทุกอย่างสายเกินแก้แล้ว แต่เธอยังคงไม่ไปไหน ยังนอนจับมือแน่นกับร่างไร้วิญญาณของสามีเหมือนเดิม
"ฉันบอกแม่แล้ว ว่าพ่อไม่อยู่แล้วนะ" แต่แม่ก็กอดศพพ่อเอาไว้แล้วพูดว่า
"นี่ไงที่รัก อย่างที่เราเคยคุยกันเอาไว้ คุณตายในอ้อมกอดฉัน และฉันก็รักคุณ รอฉันหน่อยนะที่รัก เดี๋ยวฉันก็ได้ไปอยู่กับคุณแล้ว" เอมี่ ลูกสาวของทั้งคู่กล่าว
เมื่อคุณยายเจเน็ตต์ต้องการดังนั้นแล้ว ลูกๆของเธอจึงไม่มีใครขัดศรัทธา ทุกคนออกไปจากห้องให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง และแล้วในวันรุ่งขึ้น คุณยายเจเน็ตต์ก็เสียชีวิตตามสามี โดยที่ยังคงกุมมือกันไว้แน่นไม่ปล่อย
ต่อมาศพของคุณตา-คุณยายถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานไมรามาร์ในซานดิเอโก รวมแล้วทั้งคู่อยู่กินกันมาถึง 75 ปี เสียชีวิตโดยที่คุณตาอเล็กซานเดอร์มีอายุ 95 ปี ส่วนคุณยายเจเน็ตต์อายุ 96 ปี นับว่าเป็นความรักที่ยืนยาว และอมตะยิ่งนัก