ในสังคมปัจจุบันไม่ว่าเราจะหันไปทางไหนคุณก็จะเห็นแต่เทคโนโลยีเต็มไปหมด สิ่งดีๆ ของเทคโนโลยีนั้นมีเยอะมาก เช่น ทำให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้นเพียงแค่เปิดอินเตอร์เน็ตคุณก็สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้มากมายเพียงแค่นั่งอยู่ที่บ้าน หรือแม้กระทั่งย่อโลกให้เล็กลงห่างไกลกันแค่ไหนคุณก็สามารถติดต่อถึงกันได้ และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
แต่สิ่งที่ไม่ดีของมันก็มี เช่น ถ้าคุณติดมันจนเกินไป จนทำให้ตัวเองไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มันก็จะไม่เป็นผลดี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พฤติกรรม อารมณ์ การเข้าสังคม
ฉะนั้นเทคโนโลยีมันมีทั้ง 2 ด้าน ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี สำหรับผู้ใหญ่แล้วคุณมีวุฒิภาวะตัดสินใจเองได้แล้วว่าเราจะใช้มันไปทางด้านไหน แต่สำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ด้วยแล้ว มันไม่ได้มีความจำเป็นเลย เด็กเล็กนั้นสิ่งที่สำคัญคือการหากิจกรรมให้เขาพัฒนากล้ามเนื้อ มัดเล็ก มัดใหญ่ ไม่ใช่แค่ใช้นิ้วชี้ในการเลื่อนหน้าจอไปมา คุณรู้หรือไม่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต สมาร์ทโฟนทั้งหลายมันมีแสงที่เป็นอันตรายกับดวงตาถ้าเราใช้งานเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ ด้วยแล้ว ดวงตายังเปราะบางอยู่มันจะโดนทำลายได้ง่ายเพียงใด
ตอนที่ จขกท ท้องได้หาข้อมูลเยอะแยะมากมายทีเดียวเพื่อเตรียมเป็นคุณแม่มือใหม่ ยิ่งหาไปเรื่อยๆ ก็พบว่าสำหรับเด็กแล้วเทคโนโลยีนั้นไม่มีความจำเป็น และอาจจะทำให้มีผลกระทบดังกล่าวตามที่เกริ่นไว้ ทางที่ดีที่สุดคือให้เขาเล่นกับธรรมชาติ เล่นของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการของเขา หลังจากหาข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการคุยปรึกษากับแฟนว่า พยายามให้ลูกห่างไกลเทคโนโลยีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะขวบปีแรก
พอลูกคลอดทุกคนในบ้านก็งดดูทีวี จะดูก็ต่อเมื่อลูกนอนไปแล้ว ระหว่างวันจะไม่มีใครดู ก่อนนอนพ่อเขาก็จะอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน มือถือก็มีเอาไว้โทรออกกับรับสายงดแชทต่อหน้าลูก ไปแอบๆ แชทเอา แทปแล็ตไม่มีเกมส์ เวลาลูกขอดูก็จะบอกว่า "หม่าม๊าเอาไว้ทำงาน" เขาก็จะรู้ว่าแม่ต้องทำงานไม่มีเกมส์อะไร ไม่เคยสอนเขา ไม่เคยโหลดเกมส์ไม่ว่าจะเสริมทักษะอะไรจะใช้หนังสือมากกว่า
ทุกวันนี้ลูก 3 ขวบครึ่งแล้ว เขาชอบอ่านหนังสือมาก ทุกวันนี้หนังสือเต็มบ้านอ่านจนเขาจำเนื้อเรื่องได้สามารถเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ไม่ถึงกับเป๊ะๆ ตามตัวอักษร แต่ทุกเรื่องเขาเล่าเนื้อหาประเด็นหลักได้หมด ส่วนการ์ตูนก็อนุญาตให้เขาดูแต่เขาจะไม่ติดโทรทัศน์บางอาทิตย์ดูแค่ 3 วัน ๆ ละ 1-2 ชั่วโมง หรือบางทีก็ไม่ขอดูเลย 2-3 อาทิตย์ เพราะเล่นอย่างอื่นเพลิน เขาชอบเล่นเลโก้มาก เล่นได้ทั้งวันไม่เบื่อ ส่วนมือถือเขาจะชอบขอดูรูปที่ถ่าย แท็ปเล็ตก็ขอดูรูปถ่ายเพราะไม่มีเกมส์ พยายามให้เขาเล่นและอยู่กับธรรมชาติมากที่สุด พาไปสวนสัตว์บ้าง พาไปเดินเล่นทำกิจกรรมนอกบ้าน
จขกท. มักจะหากิจกรรมให้เล่นกับลูกอยู่เสมอ ลูกสนุก แม่ก็สนุก เขาชอบช่วยย่าทำขนม เขาสนุก เราก็พลอยหายเหนื่อย ข้างล่างเป็นรูปกิจกรรมที่ทำเล่นกับลูก^_^
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าการเลี้ยงลูกสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย การเลี้ยงเด็กที่อยู่แวดล้อมไปด้วยเทคโนโลยีก็ลำบาก จะทำอย่างไรไม่ให้เขาหมกมุ่นอยู่กับมัน พ่อแม่ก็ต้องหาวิธีมาหลอกล่อ จขกท. เลือกที่จะไม่หยิบยื่นให้เขาตั้งแต่แรก บังคับตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงกับปิดกั้น เพราะทุกวันนี้เราก็ยังต้องใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งทีวี แค่ยืดเวลาออกไปให้เขาได้เรียนรู้และเล่นกับธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจจะเหนื่อยบ้างแต่พอเห็นพัฒนาการของลูกก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ^_^
แชร์ไอเดียการเลี้ยงลูกกับสังคมปัจจุบันที่ติดอยู่กับเทคโนโลยี
แต่สิ่งที่ไม่ดีของมันก็มี เช่น ถ้าคุณติดมันจนเกินไป จนทำให้ตัวเองไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มันก็จะไม่เป็นผลดี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พฤติกรรม อารมณ์ การเข้าสังคม
ฉะนั้นเทคโนโลยีมันมีทั้ง 2 ด้าน ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี สำหรับผู้ใหญ่แล้วคุณมีวุฒิภาวะตัดสินใจเองได้แล้วว่าเราจะใช้มันไปทางด้านไหน แต่สำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ด้วยแล้ว มันไม่ได้มีความจำเป็นเลย เด็กเล็กนั้นสิ่งที่สำคัญคือการหากิจกรรมให้เขาพัฒนากล้ามเนื้อ มัดเล็ก มัดใหญ่ ไม่ใช่แค่ใช้นิ้วชี้ในการเลื่อนหน้าจอไปมา คุณรู้หรือไม่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต สมาร์ทโฟนทั้งหลายมันมีแสงที่เป็นอันตรายกับดวงตาถ้าเราใช้งานเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ ด้วยแล้ว ดวงตายังเปราะบางอยู่มันจะโดนทำลายได้ง่ายเพียงใด
ตอนที่ จขกท ท้องได้หาข้อมูลเยอะแยะมากมายทีเดียวเพื่อเตรียมเป็นคุณแม่มือใหม่ ยิ่งหาไปเรื่อยๆ ก็พบว่าสำหรับเด็กแล้วเทคโนโลยีนั้นไม่มีความจำเป็น และอาจจะทำให้มีผลกระทบดังกล่าวตามที่เกริ่นไว้ ทางที่ดีที่สุดคือให้เขาเล่นกับธรรมชาติ เล่นของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการของเขา หลังจากหาข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการคุยปรึกษากับแฟนว่า พยายามให้ลูกห่างไกลเทคโนโลยีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะขวบปีแรก
พอลูกคลอดทุกคนในบ้านก็งดดูทีวี จะดูก็ต่อเมื่อลูกนอนไปแล้ว ระหว่างวันจะไม่มีใครดู ก่อนนอนพ่อเขาก็จะอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน มือถือก็มีเอาไว้โทรออกกับรับสายงดแชทต่อหน้าลูก ไปแอบๆ แชทเอา แทปแล็ตไม่มีเกมส์ เวลาลูกขอดูก็จะบอกว่า "หม่าม๊าเอาไว้ทำงาน" เขาก็จะรู้ว่าแม่ต้องทำงานไม่มีเกมส์อะไร ไม่เคยสอนเขา ไม่เคยโหลดเกมส์ไม่ว่าจะเสริมทักษะอะไรจะใช้หนังสือมากกว่า
ทุกวันนี้ลูก 3 ขวบครึ่งแล้ว เขาชอบอ่านหนังสือมาก ทุกวันนี้หนังสือเต็มบ้านอ่านจนเขาจำเนื้อเรื่องได้สามารถเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ไม่ถึงกับเป๊ะๆ ตามตัวอักษร แต่ทุกเรื่องเขาเล่าเนื้อหาประเด็นหลักได้หมด ส่วนการ์ตูนก็อนุญาตให้เขาดูแต่เขาจะไม่ติดโทรทัศน์บางอาทิตย์ดูแค่ 3 วัน ๆ ละ 1-2 ชั่วโมง หรือบางทีก็ไม่ขอดูเลย 2-3 อาทิตย์ เพราะเล่นอย่างอื่นเพลิน เขาชอบเล่นเลโก้มาก เล่นได้ทั้งวันไม่เบื่อ ส่วนมือถือเขาจะชอบขอดูรูปที่ถ่าย แท็ปเล็ตก็ขอดูรูปถ่ายเพราะไม่มีเกมส์ พยายามให้เขาเล่นและอยู่กับธรรมชาติมากที่สุด พาไปสวนสัตว์บ้าง พาไปเดินเล่นทำกิจกรรมนอกบ้าน
จขกท. มักจะหากิจกรรมให้เล่นกับลูกอยู่เสมอ ลูกสนุก แม่ก็สนุก เขาชอบช่วยย่าทำขนม เขาสนุก เราก็พลอยหายเหนื่อย ข้างล่างเป็นรูปกิจกรรมที่ทำเล่นกับลูก^_^
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าการเลี้ยงลูกสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย การเลี้ยงเด็กที่อยู่แวดล้อมไปด้วยเทคโนโลยีก็ลำบาก จะทำอย่างไรไม่ให้เขาหมกมุ่นอยู่กับมัน พ่อแม่ก็ต้องหาวิธีมาหลอกล่อ จขกท. เลือกที่จะไม่หยิบยื่นให้เขาตั้งแต่แรก บังคับตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงกับปิดกั้น เพราะทุกวันนี้เราก็ยังต้องใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งทีวี แค่ยืดเวลาออกไปให้เขาได้เรียนรู้และเล่นกับธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจจะเหนื่อยบ้างแต่พอเห็นพัฒนาการของลูกก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ^_^