สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
ออกตัวก่อนว่า.. ขายรถมือสองอยู่
เรื่องของคุณสมบัติของคุณ ทำงานเดือนนึง ไม่ผ่านแน่นอน
เงินเดือน ต้องได้ 2 เท่าของค่างวดรถ ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับรถที่คุณจะซื้อและยอดจัด
สำหรับเงินเดือน 20 k ค่างวดรถต้องอยู่ที่ประมาณ เกือบหมื่น - หมื่นต้น ๆ
แต่คุณต้องไม่มีภาระในการผ่อนอะไรอยู่ หรือสลิปเงินเดือน + ในบัญชี ต้องแสดงตัวเลขเท่านี้เลยนะคะ
มีบัตรเครดิตมั้ยคะ? เคยผ่อนอะไรมาบ้างหรือเปล่า เคยจ่ายอะไรล่าช้าบ้างหรือป่าว
พวกนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ไฟแนนซ์จะพิจารณา
หากมีบัตรเครดิต และมีการใช้บ้าง ผ่อนจ่ายสม่ำเสมอ ไฟแนนซ์ก็ชอบ คุณมีเครดิตที่ดี
แต่หากปัจจุบันคุณยังมีผ่อนอะไรอยู่ ทางไฟแนนซ์ก็จะนำยอดภาระตรงนี้ของคุณ
ไปหักลบกับรายได้เงินเดือนของคุณ ว่าคงเหลือเท่าไหร่ ได้มากกว่า 2 เท่าของงวดรถมั้ย?
แต่กรุงศรี จะไม่นับภาระพวกนี้เลย แต่ดอกเบี้ยจะแพงกว่าเล็กน้อย
scb ดอกเบี้ยจะถูกทีสุด แต่เครดิตลูกค้าก็ต้องดีประมาณนึง
หากคุณคิดจะซื้อมือ 2 ก็ควรจะมีเงินดาวน์ซักประมาณนึง + ค่าใช้จ่ายจัด โอน ตรวจสอบ บลา ๆ จากทางเต้นท์
บางที่ก็รวมค่าใช้จ่ายพวกนี้ไปในยอดจัดแล้ว นั่นยังไม่รวมถึงประกันภัยรถยนต์ ที่ถูกบังคับให้ทำปีแรก
หลังจากนั้นจะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ผู้ซื้อเลย
ออกรถป้ายแดง จะผ่านง่ายกว่ามากหน่อย เพราะไม่ค่อยดูรายละเอียดอะไรตรงนี้เยอะ
ดังนั้น รถก็เลยถูกยึดคืนเยอะ ถ้าเห็นรถปีใหม่ ๆ ปีเดียว แล้วมีวางขายแล้ว ก็นั่นแหละค่ะ ไม่มีกำลังผ่อนจ่ายต่อ
รถมือสอง ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจ ดูรถไม่เป็น ดูแลรักษารถเองไม่ได้
จะออกป้ายแดงก็ได้ สิ่งที่ทางเต้นท์รถบอกลูกค้าเสมอคือ เวลาซื้อรถป้ายแดง
แล้วนำมาขายต่อ คือเจ็บหนักมาก เพราะราคารถจะหายไปครึ่งนึงทันที แต่หากซื้อรถมือสองแล้ว
เวลานำมาขายต่อ ราคาก็ไม่กดลงไปมากกว่าราคาที่เคยซื้อเท่าไหร่
เต้นท์รถบางที่ก็คัดคุณภาพของรถยนต์มาขาย เพราะเต้นท์รถเอง ก็ต้องใช้เงินสดซื้อมา
แต่ละเต้นท์จะมีช่างอยู่แล้ว ดังนั้น ก่อนจะไปเอามาขาย ต้องตรวจสอบระดับนึง
ว่าคันนี้เคยมีอุบัติเหตุ เคยทำสี ทำเครื่องอะไรยังไงมาหรือป่าว
ส่วนใหญ่ เต้นท์รถไม่ค่อยอยากได้รถประวัติไม่ดีหรอกค่ะ มันเหนื่อยใจ ต้องทำเยอะ ต้องเก็บเยอะ
พูดตรง ๆ เลยนะคะ ถ้าพอดูรถเป็น หรือมีคนรู้จักที่ดูเป็นและสนิทอยู่แล้ว
ให้พามาซื้อในวันที่จะมาดูรถเลย อย่าหาคนให้หาให้ หรือดูรถให้มาดูก่อน หรือหาช่างมาดูไรงี้
บางที่เราอาจจะได้ความสบายใจว่ารถผ่านการตรวจสอบมาอย่างดีแล้วจากช่าง
แต่ช่าง หรือคนหาเนี่ย นอกจากจะเอาค่าจ้างจากลูกค้า ก็มาขอค่านายหน้าจากทางเต้นท์
และบางคนก็อัพราคาซื้อขายจากเดิมของเต้นเพิ่มขึ้นไปอีก
ทำให้เต้นท์รถปิดการขายยากมาก สมมติรถราคา 390,000 นายหน้ามาต่อราคาเหลือ 380,000
ขอค่านายหน้า 5,000 และค่าจ้างที่จ้างให้มาดูรถจากผู้ซื้ออีก และบอกราคาขายผู้ซื้ออยู่ที่ 420,000
อะไรแบบนี้ เต้นท์จบที่ยอด 380,000 แล้วลูกค้าก็เสียเงินดาวน์เยอะ เพราะนายหน้าอัพไป
ทางเต้นท์ก็ไม่สามารถบอกราคาซื้อขายหน้าเต้นท์ได้ บางทีก็เสียโอกาสในการขายไป
เพราะดูแล้วแพงขึ้นไปอีกเยอะเลย
พิมพ์ไปมา ชักยาว.. ขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ^^
ขอให้โชคดีกับการได้รถที่ถูกใจนะคะ
เรื่องของคุณสมบัติของคุณ ทำงานเดือนนึง ไม่ผ่านแน่นอน
เงินเดือน ต้องได้ 2 เท่าของค่างวดรถ ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับรถที่คุณจะซื้อและยอดจัด
สำหรับเงินเดือน 20 k ค่างวดรถต้องอยู่ที่ประมาณ เกือบหมื่น - หมื่นต้น ๆ
แต่คุณต้องไม่มีภาระในการผ่อนอะไรอยู่ หรือสลิปเงินเดือน + ในบัญชี ต้องแสดงตัวเลขเท่านี้เลยนะคะ
มีบัตรเครดิตมั้ยคะ? เคยผ่อนอะไรมาบ้างหรือเปล่า เคยจ่ายอะไรล่าช้าบ้างหรือป่าว
พวกนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ไฟแนนซ์จะพิจารณา
หากมีบัตรเครดิต และมีการใช้บ้าง ผ่อนจ่ายสม่ำเสมอ ไฟแนนซ์ก็ชอบ คุณมีเครดิตที่ดี
แต่หากปัจจุบันคุณยังมีผ่อนอะไรอยู่ ทางไฟแนนซ์ก็จะนำยอดภาระตรงนี้ของคุณ
ไปหักลบกับรายได้เงินเดือนของคุณ ว่าคงเหลือเท่าไหร่ ได้มากกว่า 2 เท่าของงวดรถมั้ย?
แต่กรุงศรี จะไม่นับภาระพวกนี้เลย แต่ดอกเบี้ยจะแพงกว่าเล็กน้อย
scb ดอกเบี้ยจะถูกทีสุด แต่เครดิตลูกค้าก็ต้องดีประมาณนึง
หากคุณคิดจะซื้อมือ 2 ก็ควรจะมีเงินดาวน์ซักประมาณนึง + ค่าใช้จ่ายจัด โอน ตรวจสอบ บลา ๆ จากทางเต้นท์
บางที่ก็รวมค่าใช้จ่ายพวกนี้ไปในยอดจัดแล้ว นั่นยังไม่รวมถึงประกันภัยรถยนต์ ที่ถูกบังคับให้ทำปีแรก
หลังจากนั้นจะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ผู้ซื้อเลย
ออกรถป้ายแดง จะผ่านง่ายกว่ามากหน่อย เพราะไม่ค่อยดูรายละเอียดอะไรตรงนี้เยอะ
ดังนั้น รถก็เลยถูกยึดคืนเยอะ ถ้าเห็นรถปีใหม่ ๆ ปีเดียว แล้วมีวางขายแล้ว ก็นั่นแหละค่ะ ไม่มีกำลังผ่อนจ่ายต่อ
รถมือสอง ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจ ดูรถไม่เป็น ดูแลรักษารถเองไม่ได้
จะออกป้ายแดงก็ได้ สิ่งที่ทางเต้นท์รถบอกลูกค้าเสมอคือ เวลาซื้อรถป้ายแดง
แล้วนำมาขายต่อ คือเจ็บหนักมาก เพราะราคารถจะหายไปครึ่งนึงทันที แต่หากซื้อรถมือสองแล้ว
เวลานำมาขายต่อ ราคาก็ไม่กดลงไปมากกว่าราคาที่เคยซื้อเท่าไหร่
เต้นท์รถบางที่ก็คัดคุณภาพของรถยนต์มาขาย เพราะเต้นท์รถเอง ก็ต้องใช้เงินสดซื้อมา
แต่ละเต้นท์จะมีช่างอยู่แล้ว ดังนั้น ก่อนจะไปเอามาขาย ต้องตรวจสอบระดับนึง
ว่าคันนี้เคยมีอุบัติเหตุ เคยทำสี ทำเครื่องอะไรยังไงมาหรือป่าว
ส่วนใหญ่ เต้นท์รถไม่ค่อยอยากได้รถประวัติไม่ดีหรอกค่ะ มันเหนื่อยใจ ต้องทำเยอะ ต้องเก็บเยอะ
พูดตรง ๆ เลยนะคะ ถ้าพอดูรถเป็น หรือมีคนรู้จักที่ดูเป็นและสนิทอยู่แล้ว
ให้พามาซื้อในวันที่จะมาดูรถเลย อย่าหาคนให้หาให้ หรือดูรถให้มาดูก่อน หรือหาช่างมาดูไรงี้
บางที่เราอาจจะได้ความสบายใจว่ารถผ่านการตรวจสอบมาอย่างดีแล้วจากช่าง
แต่ช่าง หรือคนหาเนี่ย นอกจากจะเอาค่าจ้างจากลูกค้า ก็มาขอค่านายหน้าจากทางเต้นท์
และบางคนก็อัพราคาซื้อขายจากเดิมของเต้นเพิ่มขึ้นไปอีก
ทำให้เต้นท์รถปิดการขายยากมาก สมมติรถราคา 390,000 นายหน้ามาต่อราคาเหลือ 380,000
ขอค่านายหน้า 5,000 และค่าจ้างที่จ้างให้มาดูรถจากผู้ซื้ออีก และบอกราคาขายผู้ซื้ออยู่ที่ 420,000
อะไรแบบนี้ เต้นท์จบที่ยอด 380,000 แล้วลูกค้าก็เสียเงินดาวน์เยอะ เพราะนายหน้าอัพไป
ทางเต้นท์ก็ไม่สามารถบอกราคาซื้อขายหน้าเต้นท์ได้ บางทีก็เสียโอกาสในการขายไป
เพราะดูแล้วแพงขึ้นไปอีกเยอะเลย
พิมพ์ไปมา ชักยาว.. ขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ^^
ขอให้โชคดีกับการได้รถที่ถูกใจนะคะ
แสดงความคิดเห็น
รถคันแรกสำหรับผู้ไม่มีเงินมาก มือหนึ่ง หรือ มือสองดี?
ผมอยากจะซื้อรถยนต์ซักคันนึง ตั้งใจจะซื้อแบบเงินผ่อน แบบไม่เกินหมื่นต่อเดือน ผมควรจะซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสองดี
ผมไม่อยากจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ ผมไม่สนใจเรื่องยี่ห้อด้วยนะครับว่าต้องเป็นยี่ห้ออะไร ผมลองหาข้อมูลดู ประมานนิสสัน เซฟโรเลต มิตซูบิชิ
มือสอง ราคา ช่วงแสนถึงสองแสน สภาพก็ดีเอามากๆ แต่พี่ๆที่ทำงานบอกว่าถ้าซื้อมือสองแล้วยังจะซื้อมือหนึ่งอีกไหม ลึกๆผมก็ยังอยากได้แบบ
ฟอร์ดเรนเจอร์คันใหญ่ๆอยู่นะครับ รบกวนช่วยผมวางแผนว่าจะรอซื้อรถใหม่(แต่อีกนานนิดนึง ละผ่อนนาน) กับซื้อรถมือสองไปเลย (เก็บเงินไม่นานแล้วได้ใช้เลย)
อีกอย่างเรื่องสินเชื่อ ดอกเบี้ย ผมไม่รู้เลย รบกวนช่วยแนะนำพร้อมบอกเหตุผลให้หน่อยนะครับ ขอบคุณมากครับ