สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 7

กระทู้สนทนา
“  ไม่เอา เราไปหาซื้อของขวัญให้คุณพ่อกันก่อน   นาย กลับไปทำงานของนายได้แล้ว ฉันจะคุยกับเพื่อนฉัน  ”
จามจุรีไล่ตะวัน    

“  แล้วพบกันนะครับคุณล้อม  ”
“  คุณตะวันพักอยู่แถวไหนคะ  ”
“  ไมไกลจากบริษัทนี่เท่าไหร่หรอกครับ นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ถึง  ”
“  คุณตะวันนั่งรถเมล์มาทำงานหรือคะ ทำไมไม่ซื้อรถล่ะคะจะได้สะดวก  ”
“  รถน่ะมีครับ แต่มันไม่ไกลนั่งรถเมล์สบายกว่า  ”
“  ขับรถแล้วกลัวหลงทางน่ะสิ บ้านนอก  ”

จามจุรียังอดว่าเขาไม่ได้ ล้อมเดือนได้แต่ทำหน้าเซ็ง แต่ตะวันกลับยิ้มแล้วเดินออกไป

“  ดูสิล้อม   ”
“จะเข้าจะออก ไม่มีสัมมาคารวะเอาซะเลย ทุเรศที่สุด ทำไมจามต้องมามีลูกน้องอย่างนายนี่ด้วยนะ  ”

ตะวันยืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าบริษัท จามจุรีขับรถเบนซ์คันใหญ่พาล้อมเดือนออกไป เขายืนมองตามรถคันนั้นไปจนรถคันงามหายปะปนไปกับรถที่วิ่งกันคลาคล่ำบนท้องถนน


แล้วก็ถึงวันงานวันเกิดของนายทุติยะ สุรียาบดีที่กว้างใหญ่โอ่อ่า งดงามไปด้วยแสงไฟที่ประดับประดาพรึบพรั่บไปทั่วบริเวณบ้าน เวทีใหญ่ตั้งอยู่กลางสนามโดดเด่น โต๊ะกินเลี้ยงตั้งจนเต็มทั้งสนาม และยังตามซุ้มอีกมากมาย อาหารอย่างดีที่สั่งมาจากโรงแรมทยอยเอาออกมาตั้งจนเต็มโต๊ะ ตะวันมาพร้อมกับชาตรีหลังจากที่งานเริ่มได้ไม่นาน เขาตะลึงกับตึกหลังใหญ่ที่งามสง่าท่ามกลางแมกไม้ที่ปลูกประดับเอาไว้อย่างสวยงาม สุรียาบดีใหญ่โตโอ่อ่าจนตะวันคิดไม่ถึง

“  ไง ตะลึงเลยหรือคุณตะวัน ผมเห็นครั้งแรกก็ตะลึงแบบคุณนี่แหระ ไม่รู้ว่าบ้านหรือวัง ทั้งใหญ่ทั้งสวย  ”
“  คุณมาที่นี่บ่อยไหม  ”
“  ก็  สองสามครั้งเอง มาอวยพรท่านประธานตอนได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี และก็งานวันเกิดท่านผู้จัดการกับคุณหญิงทาทอง  ”
“  ที่นี่คงจัดงานเลี้ยงบ่อยนะ  ”
“  คงบ่อย บ้านใหญ่ๆอย่างนี้ ก็น่าจัดหรอกไม่ต้องกลัวคับแคบ ด้านหลังเป็นสระน้ำ สวยเป็นบ้า  ”
“  เราไปนั่งโต๊ะที่ซุ้มโน่นดีกว่า หลบๆดี  ”
“  ดีครับ ผมก็อยากหามุมอยู่เหมือนกัน  ”

ตะวันนั่งมองแขกเหรื่อที่ทยอยเข้ามากันจนเต็มบริเวณงาน ไม่เพียงแต่พนักงานในบริษัทเท่านั้น แขกคนใหญ่คนโตก็มากันมากมายเพราะเจ้าของวันเกิดเป็นถึงรัฐมนตรี ใครๆก็อยากมาอวยพร จามจุรีงดงามเฉิดฉายยืนต้อนรับแขกอยู่ใกล้กับพ่อและแม่ของเธอ คอยรอรับการอวยพรของแขก ทาทองยืนเป็นสง่าอยู่ด้านขวามือของน้องชาย  ตะวันมองพวกเขาอย่างชิงชัง พวกมันเสวยสุขกับสิ่งที่เป็นของพ่อเขา ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของพ่อ แล้วลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมชั้นสูง อย่างมีความสุขมีเกียรติ

“  ดื่มอะไรไหมคุณตะวัน เดี๋ยวผมจะเอามาเผื่อ เยอะแยะเลยอยู่ใกล้ๆนี่เอง  ”
“  ไม่ต้องหรอก ผมช่วยตัวเองดีกว่า  ”

ตะวันลุกออกไปเอาแก้วรินไวน์และตักอาหารว่างสองอย่างใส่จาน พอหันออกก็ชนกับใครคนหนึ่งที่ถือจานใส่อาหารพอดี

“  อุ๊ย   ”
“  ขอโทษครับ   ”
“  ไม่เป็นไรค่ะ ไม่หก  ”

หญิงสาวผู้นั้นถือจานใส่อาหารเดินกลับไปนั่งที่ซุ้มไม่ไกลจากเขานัก ที่ซุ้มมีเพื่อนผู้หญิงของเธอนั่งคอยอยู่สามคน  ตะวันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของเขาโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก

เวลาผ่านไปนักร้องดังๆหลายคนผลัดกันขึ้นไปร้องเพลงบนเวที และมีการเปิดฟอร์เต้นรำ จามจุรีถูกห้อมล้อมด้วยชายหนุ่มมากมายเธอสวยเด่นสมกับเป็นลูกสาวท่านรัฐมนตรีเจ้าของงาน ตะวันไม่เห็นล้อมเดือนคนเยอะอย่างนี้ไม่รู้เธอนั่งอยู่ตรงไหน เกือบสี่ทุ่ม งานยังดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ตะวันรู้สึกเซ็งๆ จึงลุกเดินเรื่อยออกมาทางด้านหลังของงาน ส่วนชาตรีกำลังเพลินกับไวน์หลากหลายชนิดไม่อั้น
ตะวันเดินมองบริเวณที่กว้างขวาง เนื้อที่ของบ้านสุรียาบดีคงไม่ต่ำกว่าสิบไร่ ต้นไม้ขนาดใหญ่สูงร่มทะมึนไปทั่ว  ตะวันเดินมาจนถึงสระน้ำด้านหลังอาคาร เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่ด้านหน้า เมื่อเขามายืนอยู่ตรงนี้ เสียงมันจึงเบาลง และรู้สึกสบายหู ตะวันเดินมาหยุดยืนใต้ต้นหูกวางขนาดใหญ่มองน้ำในสระน้ำที่สะท้อนแสงไฟพราวระยับ ตะวันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเรื่อยไปตามขอบสระน้ำแล้วไปหยุดนั่งที่เก้าอี้นอนเล่นไม่ไกลจากเขานัก เขาจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เขาหันไปชนเธอเมื่อหัวค่ำตอนไปตักอาหาร  เธอจามถี่ๆ เมื่อเขาจะเดินออกไปหาเธอ หญิงสูงวัยนางหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหญิงสาว

“  คุณจันทร์ หลบมาอยู่ที่นี่เอง ป้าอองเดินหาจนทั่วงาน ทำไมไม่ไปสนุกกับเขาในงานล่ะคะ  ”
“  พอแล้วละ จันทร์หนวกหู เสียงดังจนปวดหัว จันทร์ว่าจะขึ้นข้างบน แต่กลัวคุณพ่อให้หา เลยออกมานั่งพักหูสักหน่อย  ”
“  นี่ก็ยังไม่ดึกมาก คงอีกนานกว่างานจะเลิก คุณจันทร์ไม่ออกไปคุยกับเพื่อนๆก่อนหรือคะ  ”
“  พวกนั้นน่ะหรือ กำลังสุดเหวี่ยงกันที่ฟอร์ไม่คุยแล้ว  ”
“  อากาศตรงนี้เย็น เดี๋ยวป้าอองไปเอาผ้าคลุมไหล่มาให้นะคะ เสื้อคุณจันทร์บางเดี๋ยวจะไม่สบาย  ”

หญิงชราผู้นั้นออกไปแล้ว ตะวันเพิ่งรู้ว่าหญิงสาวคนนี้คือลูกสาวของทุติยะอีกคน แต่ทำไมเธอผู้นี้ดูเงียบๆไม่หวือหวาจี๊ดจ๊าดเหมือนจามจุรี ไอ้ทุติยะมีลูกกี่คน ที่รู้ก็สองคนแล้ว เขายืนมองสาวน้อยคนนั้นอย่างครุ่นคิด ชายหนุ่มเดินกลับมาที่โต๊ะ ชาตรีเมาจนหน้าแดงกร่ำ

“  จะกลับกันหรือยังคุณชาตรี  ”
“  อะไร ยังไม่ดึกเท่าไหร่ งานก็ยังไม่เลิก คุณจะกลับแล้วหรือ  ”
“  เปล่า,เห็นคุณหน้าแดงๆแล้ว   ”
“  ผมกับแอลกอฮอล์เจอกันละเป็นเลือดสูบฉีด แต่ไม่เมานะครับ แน่ะ ท่านประธานขึ้นไปร้องเพลงคู่กับท่านผู้จัดการแล้ว  ”
“  ท่านประธานมีลูกกี่คน ผมเห็นแต่ผู้จัดการคนเดียว  ”
“  สองคน ท่านผู้จัดการนี่น่ะคนโต  ส่วนคุณคนเล็ก  เอทำไมวันนี้ถึงไม่เห็น สวยนะ สวยทั้งสองคนเลย คุณคนเล็กน่ะชื่อจันทรา ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่พวกเราไม่ค่อยได้เจอเธอหรอก เธอไม่ค่อยยุ่งกับใคร เรียนอย่างเดียว  อยู่ไหนนะ ผมจะชี้ให้ดู  ”

ชาตรีชะเง้อมองหา

“  ไม่ต้องชะเง้อหาหรอก คนเยอะอย่างนี้จะไปเห็นได้อย่างไร บางทีเขาอาจจะขึ้นไปบนบ้านเขาแล้วก็ได้  ”
“  เออจริง คุณยังไม่เคยเห็นใช่ไหมล่ะ เอาไว้ก็ได้เห็นเองน่ะแหละ  ”

ตะวันมองเพื่อนร่วมงานแล้วยิ้ม เขาหันกลับไปมองที่ด้านหลังอีก จันทราอยู่ที่นั่น เธอชื่อจันทรา
ก่อนที่ล้อมเดือนจะกลับเชียงราย หญิงสาวแวะมาหาตะวันอีกครั้ง

“  รู้ว่าคุณล้อมจะกลับเชียงราย ผมอดรู้สึกใจหายไม่ได้  ”
“  ทำไมคะ   ”
“  ผมเติบโตอยู่ที่นั่น เรียนและมีความสุขที่นั่น ความรู้สึกมันจึงผูกพันกับเชียงรายมาก  ”
“  แล้วทำไมคุณตะวันถึงได้ยอมขายที่สวนลำไยซะล่ะคะ ทั้งๆที่ใจยังอยู่ที่เชียงราย  ”
“  ผมมีเหตุผลของผม  ”
“  ค่ะ  ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองเสมอ  แต่ไม่เป็นไรนี่คะ ถ้าคุณตะวันว่างและอยากกลับไปพักผ่อน ชมเดือนรีสอร์ทยินดีต้อนรับคุณเสมอค่ะ  ”
“  ครับ ถ้าผมว่าง ผมจะกลับไป กลับไปสู่อ้อมอกแม่สายที่ผมไม่เคยลืม  ”
“  คุณตะวันกับจามทำงานอยู่ด้วยกันแบบนี้ คงอึดอัดใจแย่  ”
“  ไม่หรอกครับ ผมเตรียมใจมาพร้อมอยู่แล้ว  ”
“  คุณคิดยังไงคะ ถึงได้ยอมมาทำงานเป็นผู้ใต้บังคับของจาม ความสามารถอย่างคุณ จะหางานที่ไหนทำก็ได้ไม่ยาก  ”
“  มันก็เป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งของผม  ”
“  โอเคค่ะ  ล้อมจะไม่ถามอีก ก็อย่างที่คุณพูด ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ล้อมกลับก่อนนะคะ หวังว่าชมเดือนรีสอร์ทคงมีโอกาสต้อนรับคุณตะวัน  ”
“  ครับ โชคดีนะครับคุณล้อม ไม่แน่  สักวันหนึ่งผมอาจจะกลับไปที่นั่น แล้วคุณล้อมไม่อยากต้อนรับผมก็ได้  ”
“  เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ บ๊ายบาย  ”

ตะวันถูกจามจุรีเรียกตัวเข้าไปพบอีก นี่หล่อนจะจองเวรเขาทุกวันหรือไรกันนะ

“  มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ ท่านผู้จัดการ  ”
“  สนิทกับยายล้อมมากเลยนะ ขนาดเขาจะกลับยังอุตส่าห์แวะมาลา  ”
“  ทำไมล่ะ  ท่านผู้จัดการไม่พอใจอะไรหรือ  ที่คุณล้อมเดือนมาคบกับผม  ”
“  คนอย่างนายหวังผลตอบแทนเสมอ ขนาดจะเข้ามาทำงานที่นี่ ยังยกเอาการขายที่ดินมาต่อรอง  ”
“  ผมก็แค่เสนอคุณหญิงท่าน จะปฏิเสธผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ที่ท่านรับผมเข้าทำงาน น่าจะที่ความรู้ของผมมากกว่า  ”
“  นายต้องการอะไรบอกฉันมาตามตรงดีกว่า ที่ขอเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายอยากเข้ามาทำงานที่นี่จริงๆ  ”
“  ไปใหญ่แล้วท่านผู้จัดการ  ผมจะต้องการอะไร หรือท่านผู้จัดการระแวงผมว่า ติดใจท่านจนต้องตามมาทำงานด้วย  ”
“  นี่นายอย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ คนอย่างนายนะหรือที่ฉันต้องระแวง ฉันไม่ชอบขี้หน้านาย นายก็รู้สะเออะเข้ามาทำงานที่นี่ นายต้องมีแผนการไม่ซื่อแน่  ”
“  คุณคงขี้โกงคนอื่นเขาซะชินสินะ เลยคิดว่าคนอื่นเขาต้องมีแผนชั่วไปหมดใช่ไหม  ”
“  นี่แก ไอ้บ้า กล้าดียังไงมาว่าฉันขี้โกง  ”
“  พูดจี้ใจดำหรือไง ถึงต้องเต้น  ”
“  ไอ้บ้า นี่มันบริษัทของฉันนะ แกกล้าดียังไงมาว่าฉันถึงที่นี่ ขอสั่งสอนสักทีเถอะ  ”

จามจุรีตบฉาดเข้าที่ใบหน้าของตะวันเต็มแรง ชายหนุ่มเอามือลูบแก้มที่ถูกตบ จ้องจามจุรีอย่างโกรธจัด

“  มากไปแล้วนะ สมัยนี้หมดสมัยรังแกผู้ใต้บังคับบัญชากันแล้ว  ”
“   ทำไม แกจะทำอะไรฉัน  ”

จามจุรีเชิดหน้าอย่างอวดดี ตะวันปรี่เข้าหาหล่อน รวบร่างบางกอดไว้แน่นแล้วจูบเอาอย่างรุนแรง จามจุรีตกใจดิ้นขลุกขลัก เขาจูบเธอจนสาแก่ใจจึงปล่อย จามจุรีตบเขาอีกครั้งอย่างแสนแค้นและอับอาย

“  ไอ้บ้า อวดดียังไงมาทำกับฉันอย่างนี้ ไอ้เลว  ”
“  ผมไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนมาตบหน้าผมฟรีๆ เราเจ๊ากัน คุณตบผม ผมจูบคุณ แต่ถ้าวันไหนอยาดโดนจูบอีก จะเรียกผมมาตบอีกก็ได้นะ  ”
“  ออกไป  ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป๊  ”

จามจุรีชี้นิ้วไล่ตัวสั่น ตะวันหันหลังเดินกลับออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน จามจุรีความหาบุหรี่มาจุดสูบอย่างระงับอารมณ์สุดขีด

“  ทำไมผู้จัดการเรียกตัวคุณไปพบบ่อยจัง คุณตะวัน  ”

ชาตรีถามเมื่อตะวันกลับมาที่โต๊ะทำงานของเขา  

“  ก็คงจะหาคนไประบายอารมณ์มั้ง  ”
“  ท่านผู้จัดการเรียกคุณไปด่าหรือ  ”
“  ก็ทำนองนั้น  ผมมันพนักงานใหม่ คงจ้องหาเรื่องจะไล่ผมออก  ”
“  ไม่นา ปกติท่านผู้จัดการไม่เคยจู้จี้กับใครนะ และไม่เคยด่าใครด้วย  ”
“  ผมคงเป็นกรณีพิเศษ หาเรื่องได้ทุกวัน  ”
“  แล้วหน้าคุณไปโดนอะไรมา แดงเป็นผื่น  ”
“  โดนตบ  ”
“  พูดเป็นเล่นอยู่เรื่อย เดี๋ยวใครเขาก็เชื่อหรอก ใช่ไหมคุณกุลธิดา  ”

ชาตรีหันไปพูดกับโต๊ะข้างๆ ตะวันหยิบแฟ้มออกมาเปิดทำงานต่ออย่างไม่สนใจใครอีก
ทัตมาหาจามจุรีที่บริษัท เขาเห็นตะวันนั่งทำงานอยู่ที่แผนกบัญชี ก็จำได้และตรงเข้าไปแขวะหาเรื่อง

“  เฮ้ย  ไอ้นักเลงบ้านนอกนี่หว่า ทำไมยิ้มมานั่งทำงานอยู่ที่นี่วะ  ”

ตะวันเงยหน้ามอง คนที่ยืนเต๊ะวางก้ามตรงหน้า

“  ทำไม ผมมาทำงานที่นี่แล้วทำไม  ”

ตะวันย้อน พวกพนักงานที่ทำงานกันอยู่หันมามองกันเป็นตาเดียว  

“  ตลกน่ะสิวะ  ใครเป็นคนรับแกเข้ามาทำงานที่นี่หา ไม่รู้หรือไงว่าแกน่ะเป็นบุคคลที่ไม่ปรารถนา  ”
“  เหรอ  แล้วใครเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลล่ะ ลองไปถามเขาดูสิ ว่าทำไมถึงรับผมเข้าทำงาน  ”

ทัตหันมองรอบๆเห็นพนักงานกำลังมองอยู่จึงเดินไปที่ห้องของจามจุรี เขาเปิดเข้าไป เห็นจามจุรีกำลังนั่งตรวจงานอยู่ จึงถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“  คุณจาม คุณรับไอ้บ้านั่นเข้ามาทำงานหรือ คุณคิดยังไง  ”
“  นี่คุณทัต จามไม่ได้เป็นคนรับเขามาทำนะ คุณป้าโน่น เป็นคนรับเขาเข้ามา ทัตเจอเขาแล้วใช่ไหม  ”
“  ใช่  ท่าทางมันก็ยังยโสโอหังเหมือนเดิม นี่ขนาดอยู่ในถิ่นเรานะนี่  ”

จามจุรีถอนใจ

“  ทัต จามว่าเราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย จามไม่อยากมีเรื่องขัดใจกับคุณป้า  ”
“  แล้วทำไมคุณป้าถึงได้รับมันเข้ามาทำงาน ไปเจอกับมันได้ยังไง มันอยู่จนเชียงราย  ”
“  ทัตพอเถอะค่ะ จามกำลังตรวจบัญชีเห็นไหม ทัตมีธุระอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีจามจะทำงาน  ”
“  ผมขอโทษ เห็นไอ้นั่นแล้วอารมณ์เสีย คุณจามทำงานไปเถอะผมจะรอ เดี๋ยวเลิกงานแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันนะครับ  ”
“  ได้เลยค่ะ ตามสบายเลยนะคะ จามขอตรวจบัญชีอีกหน่อยใกล้เสร็จแล้ว  ”

ทุติยะนั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานบ้านสุรียาบดีสวาทเข้าไปหา สีหน้ายุ่งยากใจ



...พิมพ์พิลาสฒ์...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่