วันนี้ผมจะนำเสนอเกี่ยวกับสำนวนญี่ปุ่นที่ว่า "สุเมะบะ มิยะโกะ" หรือแปลเป็นไทยว่า "ถ้าอยู่ได้ก็คือเมืองหลวง" มันหมายความถึงการที่เราอยู่ในสถานที่ไหนได้อย่างมีความสุข ที่นั่นก็เป็นเหมือนเมืองหลวงสำหรับเรา
ผมเองเป็นคนติดที่ เมื่อได้อยู่ที่ไหนนาน ๆ ก็จะเกิดความผูกพันกับสถานที่นั้น ๆ ไม่อยากไปไหน เริ่มตั้งแต่บ้าน โรงเรียนตอนประถม โรงเรียนตอนมัธยม มาจนถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละที่นั้น สร้างความผูกพันให้ผมมาก ๆ จนรู้สึกใจหายทุกครั้งที่จะต้องจากสถานที่นั้นมา
ผมมาเห็นความหมายของสำนวนนี้อย่างชัดเจนก็ตอนที่ฝึกงาน คือตอนนั้นผมฝึกงานที่บริษัททัวร์ญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง อาทิตย์แรกผมโดนส่งตัวไปที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งบรรยากาศมันเป็นออฟฟิศแบบจริง ๆ เลย พนักงานนั่งเต็มห้อง บรรยากาศเครียด ๆ อาทิตย์นั้นผมรู้สึกเบื่อ ไม่อยากลุกไปทำงานเลยทุกวัน งานที่ทำก็น่าเบื่อ บรรยากาศก็ไม่ใช่
แต่อาทิตย์ต่อมา เขาก็ย้ายผมไปอยู่ที่อีกสาขาหนึ่งที่อยู่ในห้าง แต่ก็ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ เดินถึงกันได้ ที่นี่มีเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อ ก็เลยมีการจัดบรรยากาศให้ดูเป็นกันเองกว่า รวมไปถึงออฟฟิศ ก็ดูสบาย ๆ กว่า งานที่ต้องทำที่นี่ก็สนุกกว่าตอนอยู่สำนักงานใหญ่ ทำให้ผมผ่อนคลาย และรู้สึกชอบที่นี่มาก อีกทั้งมันอยู่ในห้าง เวลาเดินออกไปเข้าห้องน้ำหรืออะไร มันก็ได้เห็นห้าง ได้เห็นผู้คนเดินไปเดินมา ไม่เหมือนตอนสำนักงานใหญ่ ที่เดินออกมาก็เงียบเชียบ มีแต่บรรยากาศของสำนักงาน ทำให้สุดท้ายจากที่ตอนแรกผมเบื่อ ผมก็กลายเป็นรักการฝึกงานไป (ถ้ายังอยู่สำนักงานใหญ่ อาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้)
มาถึงตอนนี้ ผมต้องทำงาน ซ่ึ่งถามว่ามันตรงสายผมมั้ย ก็ตรง คือการได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่ตัวเนื้องานมันไม่ใช่ทางที่ผมถนัด ผมรู้สึกเครียดทุกวันที่ต้องออกมาทำงาน ยิ่งกว่าตอนฝึกงานที่สำนักงานใหญ่นั่นเอง ไม่ว่ายังไง มันก็ไม่ใช่เมืองหลวงสำหรับผม ตอนนี้ผมชินกับสถานที่แล้ว แต่กับตัวงาน มันยังไงก็ยังไม่ชิน อยากลาออก แต่ก็เพิ่งทำได้เดือนเดียว และอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ผมยังลาออกไม่ได้
สำนวนญี่ปุ่น "ถ้าอยู่ได้ก็คือเมืองหลวง" กับการทำงาน
ผมเองเป็นคนติดที่ เมื่อได้อยู่ที่ไหนนาน ๆ ก็จะเกิดความผูกพันกับสถานที่นั้น ๆ ไม่อยากไปไหน เริ่มตั้งแต่บ้าน โรงเรียนตอนประถม โรงเรียนตอนมัธยม มาจนถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละที่นั้น สร้างความผูกพันให้ผมมาก ๆ จนรู้สึกใจหายทุกครั้งที่จะต้องจากสถานที่นั้นมา
ผมมาเห็นความหมายของสำนวนนี้อย่างชัดเจนก็ตอนที่ฝึกงาน คือตอนนั้นผมฝึกงานที่บริษัททัวร์ญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง อาทิตย์แรกผมโดนส่งตัวไปที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งบรรยากาศมันเป็นออฟฟิศแบบจริง ๆ เลย พนักงานนั่งเต็มห้อง บรรยากาศเครียด ๆ อาทิตย์นั้นผมรู้สึกเบื่อ ไม่อยากลุกไปทำงานเลยทุกวัน งานที่ทำก็น่าเบื่อ บรรยากาศก็ไม่ใช่
แต่อาทิตย์ต่อมา เขาก็ย้ายผมไปอยู่ที่อีกสาขาหนึ่งที่อยู่ในห้าง แต่ก็ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ เดินถึงกันได้ ที่นี่มีเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อ ก็เลยมีการจัดบรรยากาศให้ดูเป็นกันเองกว่า รวมไปถึงออฟฟิศ ก็ดูสบาย ๆ กว่า งานที่ต้องทำที่นี่ก็สนุกกว่าตอนอยู่สำนักงานใหญ่ ทำให้ผมผ่อนคลาย และรู้สึกชอบที่นี่มาก อีกทั้งมันอยู่ในห้าง เวลาเดินออกไปเข้าห้องน้ำหรืออะไร มันก็ได้เห็นห้าง ได้เห็นผู้คนเดินไปเดินมา ไม่เหมือนตอนสำนักงานใหญ่ ที่เดินออกมาก็เงียบเชียบ มีแต่บรรยากาศของสำนักงาน ทำให้สุดท้ายจากที่ตอนแรกผมเบื่อ ผมก็กลายเป็นรักการฝึกงานไป (ถ้ายังอยู่สำนักงานใหญ่ อาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้)
มาถึงตอนนี้ ผมต้องทำงาน ซ่ึ่งถามว่ามันตรงสายผมมั้ย ก็ตรง คือการได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่ตัวเนื้องานมันไม่ใช่ทางที่ผมถนัด ผมรู้สึกเครียดทุกวันที่ต้องออกมาทำงาน ยิ่งกว่าตอนฝึกงานที่สำนักงานใหญ่นั่นเอง ไม่ว่ายังไง มันก็ไม่ใช่เมืองหลวงสำหรับผม ตอนนี้ผมชินกับสถานที่แล้ว แต่กับตัวงาน มันยังไงก็ยังไม่ชิน อยากลาออก แต่ก็เพิ่งทำได้เดือนเดียว และอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ผมยังลาออกไม่ได้