[CR] Review แป้งศรีจันทร์ Translucent Powder และแป้งฝุ่น Innisfree

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวแป้ง drug store สองยี่ห้อที่กำลังได้รับความนิยมมากๆครับ นั่นก็คือ แป้งฝุ่นศรีจันทร์ Translucent Powder และแป้งฝุ่น Innisfree No-Sebum Mineral Powder ซึ่งแป้งทั้งสองยี่ห้อนี้ เคลมและได้รับการตอบรับจากสาวๆว่าคุมมันได้ดี หรือเทพพอๆกับแป้งตามเคาน์เตอร์ในห้างเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังขายดีมากจนทำให้ของขาดตลาดกันเลยทีเดียวครับ วันนี้ผมจะมารีวิวในมุมมองของผู้ชายครับ ในสมัยนี้คุณผู้ชายหลายๆคนก็ใช้แป้งฝุ่นกันนะครับ เพราะเอาจริงๆผู้ชายรูขุมขนมักจะกว้างและหน้ามันง่ายกว่าคุณผู้หญิงหลายๆคนอีกครับ มาลองดูกันว่า แป้งราคาถูกสองยี่ห้อนี้จะช่วยได้จริงหรือไม่ครับ !

ก่อนอื่นก็ขอบอกก่อนครับว่า ผมซื้อแป้งฝุ่นศรีจันทร์ จากร้าน Watsons มาในราคา 280 บาท ครับ และแป้งฝุ่น Innisfree ได้มาจากร้าน Innisfree ที่เพิ่งเปิดใหม่ที่ Centerpoint of Siam Square (หรือชื่อเดิมคือตึก Digital Gateway) ในราคา 270 บาทครับ ถือว่าเป็นราคาย่อมเยาว์ รับได้มากๆครับ ก่อนจะเริ่มรีวิว ขออธิบายผิวหน้าของ จขกท. ว่าเป็นคนผิวผสม (แห้งตรงแก้ม และมัน T-Zone) ไม่มีสิว ผิวแพ้ง่าย รูขุมขนกว้างบริเวณจมูก และผิวโดยทั่วๆไปคืออยู่ในเกณฑ์ดีครับ

เรามาดูข้อมูลพื้นฐานของแป้งกันก่อนนะครับ



1. แป้งฝุ่นศรีจันทร์ Translucent Powder



แพคเกจ (Packaging) - ทำได้สวยดีนะครับ กล่องกระดาษสีม่วง มีลายดอกไม้ ดูแล้วยังกะแป้ง Anna Sui เลยนะ ขนาดประปุกไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถพกพาได้ ที่ชอบมากคือ การหมุนล๊อกปิดเพื่อไม่ให้แป้งหลุดออกมาได้ ถือว่ามีกลไกที่ดีครับ

เนื้อแป้ง (Texture) - เนื้อแป้งมีสีเหลือง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สัมผัสของเนื้อแป้งนั้นลื่น แต่ไม่บาง ถ้าเทียบกับแป้งฝุ่น high end อื่นๆที่เคยใช้ เช่น แป้ง Laura Mercier, Chanel และ NARS นั้นผมว่าแป้งศรีจันทร์หนากว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ

Finish - ลองทาแป้งด้วยแปรงปัดแป้ง (ไม่ชอบใช้พัฟ เพราะขนาดเล็กมือผู้ชายไม่ค่อยถนัดและกลัวจะหนาไปด้วยครับ) พบว่าเมื่อทาลงไปปุ๊ป หน้านวลเนียนอย่างบอกไม่ถูก !! แต่ทาแล้วดูรู้ว่า ทาแป้งมานะครับ ยิ่งถ้าใครลงหนักมือนี่จะชัดเลยและหน้าจะลอยได้ครับ แต่ดีที่ว่าทาแล้วไม่มีตกร่อง ไม่ cakey ไม่เป็นคราบ

ควบคุมความมัน (Mattifying) - แป้งศรีจันทร์นี่ทาลงไปให้ความรู้สึก Matte แต่ไม่ Matte มากจนแห้ง และไม่ Matte เท่ากับแป้ง Laura Mercier นะครับ ซึ่งผมว่า กำลังพอดี ซึ่งในการทดสอบแป้งฝุ่นที่เป็น setting powder เหล่านี้ ผมลองใช้กับรองพื้นสองชนิดครับ คือ 1. รองพื้นแบบ liquid to powder ซึ่งผมใช้ Giorgio Armani Maestro ครับ และ 2. รองพื้นที่ฉ่ำวาว (แต่ไม่มาก) โดยใช้ Tom Ford Traceless Perfecting Foundation ใช้ร่วมกับ Hourglass Veil Mineral Primer ช่วยควบคุมความมันครับ ผลปรากฏว่า เมื่อใช้แป้งศรีจันทร์ set รองพื้น ก็อยู่ตัวดีแต่ควบคุมความมันได้ไม่นานมากครับ สำหรับหน้าของผม แป้งช่วยได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมงสำหรับรองพื้นทั้งสองประเภทครับ ซึ่งพอซับหน้าออกมาก็มันพอสมควร แต่ไม่ได้มันมากจนน่าเกลียดครับ

การปกปิด (Coverage) - เนื่องจากเนื้อแป้งอาจจะหนากว่าแป้ง setting power อื่นๆที่เคยลองใช้มาเลยมีความรู้สึกว่าช่วยปกปิดเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยครับ

2. แป้งฝุ่น Innisfree No-Sebum Mineral Powder



แพคเกจ (Packaging) - แป้งขนาดกระปุกกะทัดรัด ดูน่ารักๆ เหมาะกับวัยรุ่นใช้มากๆครับ แพคเกจไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่แข็งแรง โดดเด่น แต่ชอบที่ขนาดมันพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกนี่ล่ะครับ

เนื้อแป้ง (Texture) - เนื้อแป้งสีขาวเบาบาง ละเอียดมากกกก ละเอียดกว่าแป้งศรีจันทร์แน่ๆครับ

Finish - เป็นแป้งที่ทาแล้วเหมือนไม่ได้ทา ทาแล้วกลืนหายวั๊บไปกับหน้าเลย ชอบจุดตรงนี้ที่สุดของแป้ง Innisfree และคุณผู้ชายก็น่าจะชอบเพราะทาแล้วเหมือนไม่ได้ทานี่ล่ะครับ ถึงแม้ว่าเนื้อแป้งสีขาว แต่ทาแล้วไม่ได้ขาวขึ้นใดๆเลยครับ.. มีปัญหาเล็กน้อยตรงที่ว่าเมื่อทากับรองพื้นสองตัวที่เกริ่นไปข้างบนแล้ว แป้งแอบเกาะกับบริเวณที่แห้งมากๆบนหน้า (dry patches) ทำให้ดู cakey เป็นบางจุดครับ อีกจุดที่ขอตั้งข้อสังเกตครับ คือถ้าดูส่วนผสมของแป้งตัวนี้จะเห็นว่าจั่วหัวก็มาเป็น Silica ก่อนเลย ซึ่ง Silica นี้มีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับความมันได้เป็นอย่างดี แต่ควรระมัดระวังในการใช้ไม่ให้เยอะเกินไปครับ เพราะว่าแป้งที่มีส่วนผสมของ Silica สูง (อาทิเช่นแป้งขึ้นชื่ออย่าง Makeup Forever HD Microfinish Powder) ถ้าทาหนา หรือปัดหนักมือเกินไปมีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิดคราบขาว (White cast) เมื่อมีการถ่ายรูปโดยใช้แสง flash แรงๆครับ

ควบคุมความมัน (Mattifying) - เมื่อลองบนหน้าตัวเอง ผมมีความรู้สึกว่าแป้งตัวนี้คุมมันได้ดีกว่าแป้งศรีจันทร์ แต่ดีกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ โดยสามารถคุมมันได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมงใกล้เคียงกับแป้งศรีจันทร์ครับ

การปกปิด (Coverage) - เนื่องจากว่าเป็นแป้งที่เบาบางมาก จึงไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลยครับ




หลังจากลองบนหน้าตัวเองแล้วพบว่า แป้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติคุมมันได้ดีปานกลาง ค่อนข้างสูสีกันในหลายได้สน จุดต่างสำคัญอยู่ที่ตัวเนื้อสัมผัสครับ คือตัวนึงหนา ตัวนึงบาง อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะครับ

เพื่อทดสอบเพิ่มเติม ผมเลยลองทดสอบแบบง่ายๆ โดยเอาแป้งทั้งสองชนิด รวมถึงแป้ง Laura Mercier (LM) Loose Setting Powder มาทาบนกระดาษซับมันแล้วลองหยด Facial Oil ลงไป 1 หยดครับ แล้วจับเวลาดูว่า ผลจะต่างกันอย่างไรบ้าง ดูผลตามภาพเลยครับ



เมื่อเวลาผ่านไป 5 และ 15 นาที จะเห็นว่าแป้งคุมมันเทพอย่าง Laura Mercier นั้นช่วยไม่ให้หยดน้ำมันนั้นกระจาย ซึมไปทั่วแผ่นกระดาษซับมันได้ดีที่สุดครับ รองลงมาก็เป็น แป้งศรีจันทร์ และแป้ง Innisfree ครับ

ผมขอทิ้งท้ายด้วยการสรุปคุณสมบัติต่างๆของแป้งทั้งสองยี่ห้อไว้ตรงนี้ครับ



สำหรับผมแล้ว แป้งทั้งสองถือว่าทำได้ดีมาก สำหรับแป้งราคาถูก หรือ drug store grade ครับ หากใช้หลักๆเพื่อควบคุมความมันนั้น สำหรับคนที่หน้ามันปานกลางถึงมาก โดยเฉพาะคุณผู้ชาย อาจจะต้องมีการเติมแป้งระหว่างวันหลังจากผ่านไป 4 ชั่วโมงครับ จุดที่พึงระวังก็คือ แป้งศรีจันทร์ ถ้าทาหนามาก หน้าจะเด้งลอย ผิดปกติครับ และแป้ง Innisfree มีความเสี่ยงที่จะเกิด White cast ได้ครับ

หวังว่ารีวิวนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้างครับ... ไว้ว่างๆจะมารีวิวแป้งฝุ่นระดับ High End ที่ผมคิดว่าเทพ ให้อ่านกันครับ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   แป้งฝุ่นศรีจันทร์, แป้งฝุ่น Innisfree
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่