สวัสดีครับผมมีความในใจหลายอย่างหลังจากไปคลีนิคนิรนาม ผมมีเหตุที่ต้องไปอันเนื่องมาจากปิกาจูผมป่วย คือมีตุ่มขึ้นบริเวณใกล้โคนของปิกาจู ตอนแรกผมคิดว่าต้องเปนเกี่ยวกับอวัยวะเพศก็เครียดเลยว่าจะรักษาอย่างไร จึงค้นคว้าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจนพบว่า ลักษณะอาการคล้ายฝืดข้าวสุก ตอนนั้นช็อกอยู่เหมือนกัน แต่ยังปักใจเชื่อเต็มใจจึงโทรไปที่สายสบายใจ
ทางนั้นก็สรุปว่าอาจเป็นฝืดข้าวสุก แต่เขาก็ถามว่าก่อนหน้านัเคยมีเพศสัมพันธ์ไหม ผมก็ว่าไม่เคยครับ (อันนี้เรื่องจริงจนอายุ 24 แล้วยังไม่หมองราคี 55555) พี่เขาก็ว่าเราอาจติดเชื้อมาจากของที่ใช้ร่วมกับคนอื่นเช่น ผ้าเช็ดที่ฟิตเนส หรือโถปัสสาวะในห้องน้ำสาธารณะ ผมก็ว่าไม่เคยใช้ของร่วมกับคนอื่นครับ มันเป็นเองมาได้สองสามวันแล้ว พี่เขาจึงแนะนำให้ไปพบหมอที่คลีนิคนิรนามเพื่อตรวจสุขภาพชาย ผมก็โอเคทำตามที่พี่เขาแนะนำจะได้รู้กันไปว่ามันเป็นโรคอะไรกันแน่
ผมก็เว้นมาอีกราวห้าวัน ผมก็ไปพบหมอเมื่อวันพฤหัสดีที่ผ่านมาเพราะจะมีกิจเข้ากทม.พอดี ผมเลยไปที่คลีนิคราว 7 โมง เพราะในเว็ปว่าเปิดทำการ 7 โมงครึ่ง แต่พอมาถึงก็เห็นมีคนมารอคิวอยู่แล้วประมาณสี่-ห้าคน ผมก็เพิ่งเคยมาก็ทำอะไรไม่ถูก งงๆ เจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้รับบัตรคิว กรอกข้อมูล เจ้าหน้าที่เขาก็เชียร์ให้ผมตรวจเอดส์ด้วย ผมว่า พี่ผมยังไม่เคยครับ มาพบหมอเรื่องโรคที่ปิกาจูผมเท่านั้นครับ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร พอกรอกข้อมูลลงคอมเสร็จก็นั่งรอคิว รอนานอยู่ราวๆ เก้าโมงถึงจะได้พบหมอ กว่าจะถึงคิวผมเบื่อเลยนั่งอ่านหนังสือที่ติดตัวไป ผมสังเกตเห็นทั้งคนที่ปิดหน้ากากอนามัยมา หมวกบ้าง เหมือนอำพรางหน้าตา ผมก็คิดว่าอืมน่าทำแบบเขาบ้างจะได้ไม่มีคนรู้จักหน้าจริงเรา5555 แต่ผมก็ไม่น่าร้อนตัวนี้น่า เพราะป่วยธรรมดา แสดงว่าที่เขามานี้อาจป่วยร้ายแรงหรือเปล่าเลยอำพรางหน้ามาอย่างนี้
ผมเห็นทั้งคนแก่วัยจะห้าสิบ วัยเกษียรหัวขาว ชาวต่างชาติ เด็กมัธยม นักศึกษา และวัยทำงาน บางคนหน้าตาดีอย่างกะดารา แต่พวกเขาล้วนมีแววตาที่เศร้าเป็นทุกข์ ผมเห็นเขาส่วนใหญ่เขามาตรวจเอดส์กันเยอะอยู่ แต่น้อยที่จะมาพบหมอเพื่อตรวจสุขภาพชาย พอถึงคิวผมผมก็ขึ้นไปแล้วลงไปที่ห้องตรวจสุขภาพชายที่อยู่ด้านหลังของคลีนิค มีคนมารอก่อนหน้าผมแล้ว เขาก็มีสีหน้าไม่สบายใจ ผมก็ลุ้นเหมือนกับเขา จนหมอเรียกให้เข้าพบ หมอก็ถามข้อมูลจากผมไม่ต่างจากตอนที่ผมคุยกับสายสบายใจ หมอเขาก็งงว่าเราไปติดมาจากไหนเพราะอาการแบบนี้มันเป็นโรคที่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ และหมอก็พูดติดตลกอีกว่า อะไรกันอายุขนาดนี้แล้วยังไม่เคยมีจริงเหรอ ผมก็อึ้งไปนิดๆ 55555 ผมเลยคิดว่าถ้าเราจะช้าจริงๆเพราะขนาดเด็กม.ปลายยังมาตรวจเอดส์เลย เด็กสมัยนี้ไฟแรง อืมก็เรามันไม่ชอบแนวนี้ล่ะมั้งเลยผ่านเรื่องแบบนี้มา คือพูดง่ายๆว่าไม่มีใครเอานั้นเละครับ 55555 สุดท้ายหมอวินิจฉัยว่าเป็นตุ่มไขมันโต อืมค่อยสบายใจหน่อย 55555 หมอแนะนำให้ไปสะกิดออกที่สถาบันโรคผิวหนังตรงอนุสาวรีย์ ผมก็ไป
พอมาถึงหลังจากทำกิจส่วนตัวที่มหาลัยเสร็จก็มาหาหมอเพื่อสะกิดมันออกที่สถาบันโรคผิวหนังตอนราวสี่โมงเย็นของวันนั้นเลย แบบอารมณ์ว่าให้มันจบๆไป ผมได้บัตรคิวคนที่ห้าสิบกว่าๆก็นั่งรอเขาเรียกหมายเลข จนสุดท้ายได้พบกับหมอผู้หญิงผมก็ไม่เขินครับ ถอดให้หมอตรวจเลย หมอเขาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเป็นตุ่มไขมันโต หมอก็ให้ขึ้นไปสะกิดออกที่ชั้น 3 ผลปรากฎว่าหมอที่เขาสะกิดให้มันไม่ออก ! เอาแล้วซิครับ! หมอระบุว่าเป็นก้อนเนื้อด้วย ต้องผ่าตัด --" ขำไม่ออกเลย แต่หมอเขาว่าเอาไว้ก็ไม่อันตรายน่ะ ผมเลยว่าผมไม่โอเคครับถ้าตุ่มนี้มันยังอยู่ที่ปิกาจูผม ไม่รู้จะพูดยังไงดีจากความดีใจกลายเป็นความเครียดจากแค่เพียงสะกิดออกกลายเป็นถึงขั้นผ่าตัด คิดว่าคงต้องผ่าตัดครับ เดี๋ยวต้องนัดกับหมออีกที
แต่ที่เล่ามามันเป็นกิจส่วนตัวแต่ที่จะกล่าวต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของคนอื่นครับ จากที่ผมไปคลีนิคนิรนามแห่งนี้มา ได้ประสบพบกับความทุกข์ของคนที่มาใช้บริการที่นี้ มีตั้งแต่เด็กไปยังแก่ เทวทูตเกือบครบนอกจากคนตาย คือเห็น เด็ก คนหนุ่ม เป็นเทวทูตที่หนึ่ง คนเจ็บ คือทุกคนที่มาใช้บริการคลีนิคล้วนเป็นเทวทูตที่สอง และคนแก่เป็นเทวทูตที่สี่ และที่สำคัญทุกคนกลัวและมีความทุกข์ ผมถามกับตัวเองทำไมหนอบางคนดูดีมากแต่ทำไมต้องมาป่วยหรือกลัวเป็นโรคแบบนี้ด้วยน่ะ เราจะช่วยอะไรพวกเขาได้บ้าง อารมณ์แบบจิตพระโพธิสัตว์เลย 55555 เลยมานั่งพิจารณาระหว่างรอหมอ และตอนนั่งรถเมย์ไปมหาลัยอีกก็ยังคิด...
เขาคงคิดสนุกจนไม่ระวัง หรือเขาถูกกระทำโดยไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ เลยป่วยแบบนี้หรือเสี่ยงที่จะป่วย ผมเลยคิดว่า โรคแบบนี้ในกลุ่มเกย์มักมาจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างเสรีโดยไม่ป้องกัน เราจะแก้ปัญหาเรื่องอย่างไรดีหนอ... เพราะผมสังเกตว่าชายหญิงแท้ก็มีปัญหาเรื่องเอดส์ แต่ผมเชื่อว่าด้วยสังคมที่ยึดตามเพศสภาพ คนที่เป็นพ่อแม่มักสอนลูกชายหญิงในเรีองของการไม่ชิงสุกก่อนห่าม ซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่พ่อจะสอนลูกที่เป็นชาย หรือแม่จะสอนลูกที่เป็นหญิงได้เพราะมีเพศสภาพเดียวกัน แต่สำหรับลูกที่เป็นเพศที่สามนั้นลำบากบางทีบางส่วนของสังคมและครอบครัวยังไม่เป็นที่ยอมรับเลย พ่อแม่จะสอนเรื่องเพศที่ถูกต้องต่อลูกที่เป็นเพศที่สามได้อย่างไร เช่น เรื่องทางหนีทีไร่ เรื่องการมีเพศแบบปลอดภัย เรื่องการรักนวลสงวนตัวเพื่อให้พ้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยในเพศที่สาม
ผมคิดว่าคงต้องมีการอบรมให้ความรู้แก่พ่อแม่ที่จะนำความรู้และความเข้าใจนี้ไปดูแลลูกที่เป็นเพศที่สาม เพื่อให้เขามีชีวิตและวิถีเพศที่ดีในอนาคต
กระทู้ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือให้พลิกความคิดของสังคม แต่เพียงการระบายและเสนอความเห็นของตนเอง เพื่อให้เพศที่สามห่างไกลจากโรคนี้อันเพียงเกิดจากความสุขชั่ววูบ และกิเลสที่ชักนำว่ามีแบบสดมันกว่าแบบป้องกันจึงสนุกกับคนหลายคนจนสุดท้ายป่วย...
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า หาคนที่ไม่ป่วยไม่ได้เลย ไม่ป่วยทางกายก็ต้องป่วยทางใจ แต่ผมว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะครับ ดังนั้นจึงมองว่าเราควรทำอะไรเพื่อให้ปัญหาเสี่ยงเช่นนี้ลดลง แต่คงเป็นไปได้ยากเหลือเกินเพราะธิดามารทั้งสามมักยั่วยวนให้เราไปสู่ทางเสื่อมเสมอ
ขอบคุณสำหรับผู้ที่ตั้งใจอ่านจนจบนะครับ ผมจะดีใจมากถ้ามีคนอ่านและแสดงความเห็นบ้าง ขอบพระคุณที่อุตส่าห์รับทราบและรับฟังเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งครับ
จากกิจส่วนตัวไปสู่เรื่องของคนอื่นหลังจากไปคลีนิคนิรนาม....
ทางนั้นก็สรุปว่าอาจเป็นฝืดข้าวสุก แต่เขาก็ถามว่าก่อนหน้านัเคยมีเพศสัมพันธ์ไหม ผมก็ว่าไม่เคยครับ (อันนี้เรื่องจริงจนอายุ 24 แล้วยังไม่หมองราคี 55555) พี่เขาก็ว่าเราอาจติดเชื้อมาจากของที่ใช้ร่วมกับคนอื่นเช่น ผ้าเช็ดที่ฟิตเนส หรือโถปัสสาวะในห้องน้ำสาธารณะ ผมก็ว่าไม่เคยใช้ของร่วมกับคนอื่นครับ มันเป็นเองมาได้สองสามวันแล้ว พี่เขาจึงแนะนำให้ไปพบหมอที่คลีนิคนิรนามเพื่อตรวจสุขภาพชาย ผมก็โอเคทำตามที่พี่เขาแนะนำจะได้รู้กันไปว่ามันเป็นโรคอะไรกันแน่
ผมก็เว้นมาอีกราวห้าวัน ผมก็ไปพบหมอเมื่อวันพฤหัสดีที่ผ่านมาเพราะจะมีกิจเข้ากทม.พอดี ผมเลยไปที่คลีนิคราว 7 โมง เพราะในเว็ปว่าเปิดทำการ 7 โมงครึ่ง แต่พอมาถึงก็เห็นมีคนมารอคิวอยู่แล้วประมาณสี่-ห้าคน ผมก็เพิ่งเคยมาก็ทำอะไรไม่ถูก งงๆ เจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้รับบัตรคิว กรอกข้อมูล เจ้าหน้าที่เขาก็เชียร์ให้ผมตรวจเอดส์ด้วย ผมว่า พี่ผมยังไม่เคยครับ มาพบหมอเรื่องโรคที่ปิกาจูผมเท่านั้นครับ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร พอกรอกข้อมูลลงคอมเสร็จก็นั่งรอคิว รอนานอยู่ราวๆ เก้าโมงถึงจะได้พบหมอ กว่าจะถึงคิวผมเบื่อเลยนั่งอ่านหนังสือที่ติดตัวไป ผมสังเกตเห็นทั้งคนที่ปิดหน้ากากอนามัยมา หมวกบ้าง เหมือนอำพรางหน้าตา ผมก็คิดว่าอืมน่าทำแบบเขาบ้างจะได้ไม่มีคนรู้จักหน้าจริงเรา5555 แต่ผมก็ไม่น่าร้อนตัวนี้น่า เพราะป่วยธรรมดา แสดงว่าที่เขามานี้อาจป่วยร้ายแรงหรือเปล่าเลยอำพรางหน้ามาอย่างนี้
ผมเห็นทั้งคนแก่วัยจะห้าสิบ วัยเกษียรหัวขาว ชาวต่างชาติ เด็กมัธยม นักศึกษา และวัยทำงาน บางคนหน้าตาดีอย่างกะดารา แต่พวกเขาล้วนมีแววตาที่เศร้าเป็นทุกข์ ผมเห็นเขาส่วนใหญ่เขามาตรวจเอดส์กันเยอะอยู่ แต่น้อยที่จะมาพบหมอเพื่อตรวจสุขภาพชาย พอถึงคิวผมผมก็ขึ้นไปแล้วลงไปที่ห้องตรวจสุขภาพชายที่อยู่ด้านหลังของคลีนิค มีคนมารอก่อนหน้าผมแล้ว เขาก็มีสีหน้าไม่สบายใจ ผมก็ลุ้นเหมือนกับเขา จนหมอเรียกให้เข้าพบ หมอก็ถามข้อมูลจากผมไม่ต่างจากตอนที่ผมคุยกับสายสบายใจ หมอเขาก็งงว่าเราไปติดมาจากไหนเพราะอาการแบบนี้มันเป็นโรคที่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ และหมอก็พูดติดตลกอีกว่า อะไรกันอายุขนาดนี้แล้วยังไม่เคยมีจริงเหรอ ผมก็อึ้งไปนิดๆ 55555 ผมเลยคิดว่าถ้าเราจะช้าจริงๆเพราะขนาดเด็กม.ปลายยังมาตรวจเอดส์เลย เด็กสมัยนี้ไฟแรง อืมก็เรามันไม่ชอบแนวนี้ล่ะมั้งเลยผ่านเรื่องแบบนี้มา คือพูดง่ายๆว่าไม่มีใครเอานั้นเละครับ 55555 สุดท้ายหมอวินิจฉัยว่าเป็นตุ่มไขมันโต อืมค่อยสบายใจหน่อย 55555 หมอแนะนำให้ไปสะกิดออกที่สถาบันโรคผิวหนังตรงอนุสาวรีย์ ผมก็ไป
พอมาถึงหลังจากทำกิจส่วนตัวที่มหาลัยเสร็จก็มาหาหมอเพื่อสะกิดมันออกที่สถาบันโรคผิวหนังตอนราวสี่โมงเย็นของวันนั้นเลย แบบอารมณ์ว่าให้มันจบๆไป ผมได้บัตรคิวคนที่ห้าสิบกว่าๆก็นั่งรอเขาเรียกหมายเลข จนสุดท้ายได้พบกับหมอผู้หญิงผมก็ไม่เขินครับ ถอดให้หมอตรวจเลย หมอเขาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเป็นตุ่มไขมันโต หมอก็ให้ขึ้นไปสะกิดออกที่ชั้น 3 ผลปรากฎว่าหมอที่เขาสะกิดให้มันไม่ออก ! เอาแล้วซิครับ! หมอระบุว่าเป็นก้อนเนื้อด้วย ต้องผ่าตัด --" ขำไม่ออกเลย แต่หมอเขาว่าเอาไว้ก็ไม่อันตรายน่ะ ผมเลยว่าผมไม่โอเคครับถ้าตุ่มนี้มันยังอยู่ที่ปิกาจูผม ไม่รู้จะพูดยังไงดีจากความดีใจกลายเป็นความเครียดจากแค่เพียงสะกิดออกกลายเป็นถึงขั้นผ่าตัด คิดว่าคงต้องผ่าตัดครับ เดี๋ยวต้องนัดกับหมออีกที
แต่ที่เล่ามามันเป็นกิจส่วนตัวแต่ที่จะกล่าวต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของคนอื่นครับ จากที่ผมไปคลีนิคนิรนามแห่งนี้มา ได้ประสบพบกับความทุกข์ของคนที่มาใช้บริการที่นี้ มีตั้งแต่เด็กไปยังแก่ เทวทูตเกือบครบนอกจากคนตาย คือเห็น เด็ก คนหนุ่ม เป็นเทวทูตที่หนึ่ง คนเจ็บ คือทุกคนที่มาใช้บริการคลีนิคล้วนเป็นเทวทูตที่สอง และคนแก่เป็นเทวทูตที่สี่ และที่สำคัญทุกคนกลัวและมีความทุกข์ ผมถามกับตัวเองทำไมหนอบางคนดูดีมากแต่ทำไมต้องมาป่วยหรือกลัวเป็นโรคแบบนี้ด้วยน่ะ เราจะช่วยอะไรพวกเขาได้บ้าง อารมณ์แบบจิตพระโพธิสัตว์เลย 55555 เลยมานั่งพิจารณาระหว่างรอหมอ และตอนนั่งรถเมย์ไปมหาลัยอีกก็ยังคิด...
เขาคงคิดสนุกจนไม่ระวัง หรือเขาถูกกระทำโดยไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ เลยป่วยแบบนี้หรือเสี่ยงที่จะป่วย ผมเลยคิดว่า โรคแบบนี้ในกลุ่มเกย์มักมาจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างเสรีโดยไม่ป้องกัน เราจะแก้ปัญหาเรื่องอย่างไรดีหนอ... เพราะผมสังเกตว่าชายหญิงแท้ก็มีปัญหาเรื่องเอดส์ แต่ผมเชื่อว่าด้วยสังคมที่ยึดตามเพศสภาพ คนที่เป็นพ่อแม่มักสอนลูกชายหญิงในเรีองของการไม่ชิงสุกก่อนห่าม ซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่พ่อจะสอนลูกที่เป็นชาย หรือแม่จะสอนลูกที่เป็นหญิงได้เพราะมีเพศสภาพเดียวกัน แต่สำหรับลูกที่เป็นเพศที่สามนั้นลำบากบางทีบางส่วนของสังคมและครอบครัวยังไม่เป็นที่ยอมรับเลย พ่อแม่จะสอนเรื่องเพศที่ถูกต้องต่อลูกที่เป็นเพศที่สามได้อย่างไร เช่น เรื่องทางหนีทีไร่ เรื่องการมีเพศแบบปลอดภัย เรื่องการรักนวลสงวนตัวเพื่อให้พ้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยในเพศที่สาม
ผมคิดว่าคงต้องมีการอบรมให้ความรู้แก่พ่อแม่ที่จะนำความรู้และความเข้าใจนี้ไปดูแลลูกที่เป็นเพศที่สาม เพื่อให้เขามีชีวิตและวิถีเพศที่ดีในอนาคต
กระทู้ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือให้พลิกความคิดของสังคม แต่เพียงการระบายและเสนอความเห็นของตนเอง เพื่อให้เพศที่สามห่างไกลจากโรคนี้อันเพียงเกิดจากความสุขชั่ววูบ และกิเลสที่ชักนำว่ามีแบบสดมันกว่าแบบป้องกันจึงสนุกกับคนหลายคนจนสุดท้ายป่วย...
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า หาคนที่ไม่ป่วยไม่ได้เลย ไม่ป่วยทางกายก็ต้องป่วยทางใจ แต่ผมว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะครับ ดังนั้นจึงมองว่าเราควรทำอะไรเพื่อให้ปัญหาเสี่ยงเช่นนี้ลดลง แต่คงเป็นไปได้ยากเหลือเกินเพราะธิดามารทั้งสามมักยั่วยวนให้เราไปสู่ทางเสื่อมเสมอ
ขอบคุณสำหรับผู้ที่ตั้งใจอ่านจนจบนะครับ ผมจะดีใจมากถ้ามีคนอ่านและแสดงความเห็นบ้าง ขอบพระคุณที่อุตส่าห์รับทราบและรับฟังเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งครับ