กระทู้ก่อนหน้า
http://pantip.com/topic/33858417
http://pantip.com/topic/33864857
มาถึงซีรี่ย์ “เสียงลึกลับจากพงไพร” ตอน “อาถรรพ์วังนำเขียว”
ใครที่เคยได้ยินเรื่องราวจากคนที่เข้าป่าบ่อย ไม่ว่าจะเป็น ชาวบ้าน ป่าไม้ หรือแม้กระทั่งนายพราน คงเคยได้ยินเรื่องราวจำพวก ตำนานเสือสมิง ผีบังตาทำให้หลงป่า การห้ามกางเต้นท์ตรงทางด่านเพราะถือเป็นทางผีผ่าน การห้ามนอนตรงพูพอน(รากที่ยกขึ้นมาสูงๆของต้นไม้ใหญ่) เพราะเป็นทางเข้าของรุกขเทวดา ฯลฯ มาบ้าง
เหตุการณ์ที่พบในตอนนี้ล้วนเกิดขึ้นที่ วังน้ำเขียว สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยของเรานี่แหละ มีทั้งหมด 3 เหตุการณ์ด้วยกัน
ต้นกล้าป่าไม้ทุกคนล้วนต้องผ่านการเรียนในป่าทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งนิสิตปี 1 โดยที่ๆเราไปเรียน เรียกกันว่า “สถานีฝึก” ซึ่งแต่ละที่ ล้วนมีเรื่องเล่า (ถ้าปีแก่กล้าก็ชักแอบมีเรื่องเหล้าด้วย นิสัย!) ด้วยกันทั้งนั้นสำหรับครั้งนี้ก็คือ “สถานีฝึกวังน้ำเขียว” นั่นเอง
หมายเหตุ* แต่ละจุดอาจมีการอธิบายเยอะหน่อยเพื่อให้นึกภาพตามออกนะ ถือซะว่าเป็นการประชาสัมพันธ์คณะ ฮ่าๆๆ
วิชาที่เราไปฝึกที่นี่คือวิชา รุกขวิทยาป่าไม้ (Dendrology) หรือก็จะเรียกกันสั้นๆว่า “เดนโดร” ซึ่งต้องศึกษาต้นไม้ต่างๆจดจำชื่อไทย ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ลักษณะต้น ใบ ดอก ผล เมื่อเข้าไปเรียนในป่า ก็ต้องทำงานส่ง ซึ่งงานชิ้นนึงก็คือการนำเอาใบไม้ของต้นไม้ต่างๆที่เราเรียนนี่แหละ มาพิมพ์ลงบนกระดาษด้วยหมึกโรเนียว พร้อมบรรยายลักษณะต่างๆลงไป รู้กันอยู่ว่าหมึกโรเนียวนั้น เหนียว และใบไม้บางชนิดก็ไม่ได้ทนต่อแรงกระทำนัก เรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อ กลุ่มของเราทำใบไม้ ขาด
วันนั้นเป็นวันว่างจากการเรียนการสอนของพวกเราทุกคน ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า เมื่อไม่มีสอน ก็คือเวลาทำงานกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จับจองอาณาเขตในการทำงาน ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ใบไม้ที่เก็บกันมาระหว่างการเข้าป่าไปเรียนในแต่ละวัน จนมือไม้ดำปื๊ด บางคนดำลามไปถึงหน้าเลยทีเดียว
โรงเรือนที่ใช่ในการเรียนการสอน นึกถึงโรงเรียนประชาบาลที่เป็นลานโล่งๆ มีโต๊ะเรียน แล้วมีเสา มีหลังคาสูงๆ และกระดานดำอยู่ด้านหน้า อย่างนั้นเลย แต่สภาพดีนะ ลมโกรกกกกกก ติดกับอีกเรือนลักษณะคล้ายๆกัน แต่เอาไว้กินข้าว แต่ละกลุ่มก็กระจัดกระจายกันอยู่ 2 เรือนนี้แหละ
กลุ่มเรา พิมพ์ใบ “ต้นกระโดน” เป็นใบสุดท้ายของวัน ตอนนั้นเวลาประมาณบ่าย 3 แต่เมื่อภาพที่ได้ไม่สมบูรณ์ก็ต้องพิมพ์ใหม่ พิมพ์ไปพิมพ์มา ใบขาดเลย เมื่อใบไม้ที่เก็บมาขาด เราก็ต้องไปหาใบใหม่ ซึ่งก็ดันจำได้ว่า ในแปลงปลูกที่ติดกับโรงเรือน มีต้นกระโดนต้นน้อยๆอยู่ 1 ต้น กระโดนเมื่อโตเต็มที่จะมีลำต้นสูงมาก เก็บใบไม่ถึงแน่นอน ทางออกคือต้องเก็บจากต้นที่เพิ่งเกิดไม่นาน จึงจะได้ใบไม้มาพิมพ์
แปลงที่มีต้นกระโดนน้อยนี้อยู่ เป็นแปลงปลูกป่าโล่งๆ ไม่ใหญ่นัก เพราะแบ่งเป็น 2 แปลงย่อยๆอีก เนื่องจากมีลำธารเล็กๆตัดแปลง ริมลำธารนั้นมีต้นตะเคียนสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง เนื่องจากเป็นคนที่จำได้ว่าต้นกระโดนที่ว่าอยู่ตรงไหน จึงเป็นหน้าที่ ที่เราต้องเป็นคนไปเด็ดมา
ซีรี่ย์ "เสียงลึกลับจากพงไพร" ตอน "อาถรรพ์วังน้ำเขียว"
http://pantip.com/topic/33858417
http://pantip.com/topic/33864857
มาถึงซีรี่ย์ “เสียงลึกลับจากพงไพร” ตอน “อาถรรพ์วังนำเขียว”
ใครที่เคยได้ยินเรื่องราวจากคนที่เข้าป่าบ่อย ไม่ว่าจะเป็น ชาวบ้าน ป่าไม้ หรือแม้กระทั่งนายพราน คงเคยได้ยินเรื่องราวจำพวก ตำนานเสือสมิง ผีบังตาทำให้หลงป่า การห้ามกางเต้นท์ตรงทางด่านเพราะถือเป็นทางผีผ่าน การห้ามนอนตรงพูพอน(รากที่ยกขึ้นมาสูงๆของต้นไม้ใหญ่) เพราะเป็นทางเข้าของรุกขเทวดา ฯลฯ มาบ้าง
เหตุการณ์ที่พบในตอนนี้ล้วนเกิดขึ้นที่ วังน้ำเขียว สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยของเรานี่แหละ มีทั้งหมด 3 เหตุการณ์ด้วยกัน
ต้นกล้าป่าไม้ทุกคนล้วนต้องผ่านการเรียนในป่าทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งนิสิตปี 1 โดยที่ๆเราไปเรียน เรียกกันว่า “สถานีฝึก” ซึ่งแต่ละที่ ล้วนมีเรื่องเล่า (ถ้าปีแก่กล้าก็ชักแอบมีเรื่องเหล้าด้วย นิสัย!) ด้วยกันทั้งนั้นสำหรับครั้งนี้ก็คือ “สถานีฝึกวังน้ำเขียว” นั่นเอง
หมายเหตุ* แต่ละจุดอาจมีการอธิบายเยอะหน่อยเพื่อให้นึกภาพตามออกนะ ถือซะว่าเป็นการประชาสัมพันธ์คณะ ฮ่าๆๆ
วิชาที่เราไปฝึกที่นี่คือวิชา รุกขวิทยาป่าไม้ (Dendrology) หรือก็จะเรียกกันสั้นๆว่า “เดนโดร” ซึ่งต้องศึกษาต้นไม้ต่างๆจดจำชื่อไทย ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ลักษณะต้น ใบ ดอก ผล เมื่อเข้าไปเรียนในป่า ก็ต้องทำงานส่ง ซึ่งงานชิ้นนึงก็คือการนำเอาใบไม้ของต้นไม้ต่างๆที่เราเรียนนี่แหละ มาพิมพ์ลงบนกระดาษด้วยหมึกโรเนียว พร้อมบรรยายลักษณะต่างๆลงไป รู้กันอยู่ว่าหมึกโรเนียวนั้น เหนียว และใบไม้บางชนิดก็ไม่ได้ทนต่อแรงกระทำนัก เรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อ กลุ่มของเราทำใบไม้ ขาด
วันนั้นเป็นวันว่างจากการเรียนการสอนของพวกเราทุกคน ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า เมื่อไม่มีสอน ก็คือเวลาทำงานกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จับจองอาณาเขตในการทำงาน ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ใบไม้ที่เก็บกันมาระหว่างการเข้าป่าไปเรียนในแต่ละวัน จนมือไม้ดำปื๊ด บางคนดำลามไปถึงหน้าเลยทีเดียว
โรงเรือนที่ใช่ในการเรียนการสอน นึกถึงโรงเรียนประชาบาลที่เป็นลานโล่งๆ มีโต๊ะเรียน แล้วมีเสา มีหลังคาสูงๆ และกระดานดำอยู่ด้านหน้า อย่างนั้นเลย แต่สภาพดีนะ ลมโกรกกกกกก ติดกับอีกเรือนลักษณะคล้ายๆกัน แต่เอาไว้กินข้าว แต่ละกลุ่มก็กระจัดกระจายกันอยู่ 2 เรือนนี้แหละ
กลุ่มเรา พิมพ์ใบ “ต้นกระโดน” เป็นใบสุดท้ายของวัน ตอนนั้นเวลาประมาณบ่าย 3 แต่เมื่อภาพที่ได้ไม่สมบูรณ์ก็ต้องพิมพ์ใหม่ พิมพ์ไปพิมพ์มา ใบขาดเลย เมื่อใบไม้ที่เก็บมาขาด เราก็ต้องไปหาใบใหม่ ซึ่งก็ดันจำได้ว่า ในแปลงปลูกที่ติดกับโรงเรือน มีต้นกระโดนต้นน้อยๆอยู่ 1 ต้น กระโดนเมื่อโตเต็มที่จะมีลำต้นสูงมาก เก็บใบไม่ถึงแน่นอน ทางออกคือต้องเก็บจากต้นที่เพิ่งเกิดไม่นาน จึงจะได้ใบไม้มาพิมพ์
แปลงที่มีต้นกระโดนน้อยนี้อยู่ เป็นแปลงปลูกป่าโล่งๆ ไม่ใหญ่นัก เพราะแบ่งเป็น 2 แปลงย่อยๆอีก เนื่องจากมีลำธารเล็กๆตัดแปลง ริมลำธารนั้นมีต้นตะเคียนสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง เนื่องจากเป็นคนที่จำได้ว่าต้นกระโดนที่ว่าอยู่ตรงไหน จึงเป็นหน้าที่ ที่เราต้องเป็นคนไปเด็ดมา