ตอนเด็กๆ กลัวผีมาก ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า จะต้องกลัวไว้ก่อน จิตนาการมาต่างๆนาๆ
แต่พอมาวันนึง ได้เจอเข้าจริงๆ
เคยได้ยินไหมคะ ว่ามีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อๆไปตามมา
ใช่ค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เจอผีครั้งแรกให้ฟังกัน
*โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะคะ
แต่ขอนั่งยัน นอนยันเลยว่า
เป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็น !
ตอนเด็กตอนนั้นเด็กมาแต่ก็รู้เรื่องแล้วนะคะประมาณ4-5ขวบ
ก็นอนปกติ ซึ่งจะนอนกับตายาย เป็นคนที่ติดตากับยายมากกกก รักมากกก นอนกับท่านทุกคืนตั้งแต่จำความได้
บ้านของตายายจะเป็นบ้านไม้กึ่งทรงไทยค่ะ ใต้ถุนสูงชั้นเดียว คือไม่เป็นทรงไทยจ๋า แต่มีส่วนที่ต่อเติมออกมาเป็นบ้านธรรมดา
บ้านเก่าค่ะ (ถ้านับอายุปัจจุบันก็ประมาณ 80ปีup) ตอนนั้นบ้านจะมีนอกชาน โปร่งๆไว้นอนลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งคืน
แต่นอกชานจะเป็นไม่กว้างประมาณ3นิ้ว ตีห่างๆแต่ไม่มาก (คล้ายกรงค่ะ)ระยะความห่างของไม้แต่ละผ่านประมาณ 4-5นิ้ว (นึกภาพออกนะคะ)
แต่โปร่งลมพัดเย็นสบายมาก ก็กางมุ้งนอนกันสามตายายหลาน หลานนอนตรงการ ตานอนซ้าย ยายนอนขวา ก็นอนปกติค่ะ
แล้วคืนนั้นก็ตื่นขึ้นมากลางดึก ตื่นมาก็เป็นธรรมดาของคนน่ะค่ะ ต้องมองไปรอบๆอยู่แล้ว มองไปมองมาด้วยความที่นอนไม่หลับ
ก็จะหันไปหายายที่นอนทางขวามือ แต่ตาดันมองเลยยายออกไปนอกมุ้งคือ เห็นใครอยู่ข้างนอกบ้าน ตอนนั้นเริ่มกลัวแล้ว
แต่ยังไม่ค่อยชัดเพราะเป็นการมองโดนการเงยมองไปทางขวาของสายตาในท่านอน ก็เลยมองชัดๆอีกครั้งแบบเต็มๆตาว่าที่เห็นคืออะไร
ก็เห็นผู้ชายไว้ผมแซกกลาง ทรงเดียวกับนายจันทร์ หนวดเขี้ยวอ่ะค่ะ หน้าก็คล้ายๆนะ มีหนวดยาวๆผมแสกกลาง หน้าเขียวๆ ลอยอยู่ค่ะ
และที่สำคัญเขาคือ เขาไม่มีตัวมีแต่หัว และมองมาทางเรา จ้องเราแบบไม่กระพริบเลย ตอนนั้นเราคิดแล้วว่าสิ่งที่เห็นมันคือผีแน่ๆ ก็รีบเอาหมอนปิดหน้า
เพราะไม่อยากเห็นและไม่อยากให้เขาจ้องเรา สัก10นาที เราก็ยังไม่หลับเราก็ลองเปิดหมอนดู เค้ายังอยู่ที่เดิมค่ะ จ้องอยู่เหมือนเดิม ลอยอยูที่เดิม
คราวนี้เอาหมอนปิดหน้าแล้วหลับไปถึงเช้า
เช้าแล้วพอตื่นขึ้นมากลัวมาก ไม่กล้าผ่านตรงที่เห็นเมื่อคืน ซึ่งตรงนั้นก็เป็นบริเวณใกล้ประตูบ้านก็กลัวมากค่ะ ไม่กล้าผ่านเลยจริงๆ ตั้งแต่นั้นมากก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นคือผีจริงๆนี่เอง
หลังจากเจอวันนั้นเราก็ไม่กล้าถามใครนะคะ ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ไม่อยากรู้เพราะกลัวจริงๆ แต่แค่รู้ว่าที่บริเวณบ้านเคยเป็นป่าช้าเก่าค่ะ
เพราะอยู่ใกล้กับวัดมาก่อน บางคนก็บอกเคยเป็นนาซึ่งเป็นสนามรบในสมัยก่อน
แล้วเหมือนว่าพอได้เห็นได้เจอกับเรื่องแบบนี้สักครั้ง ครั้งต่อไปก็ตามมาเองไปโดยปริยาย
พอหลังจากวันนั้นก็เริ่มเจอบ่อยๆๆ บางทีก็ได้ยินคนเรียกที่หน้าบันไดบ้าน (บันไดอยู่นอกตัวบ้าน)
อันนี้พี่สาวก็ได้ยินค่ะ เป็นเสียงผู้ชาย ไม่คุ้น เรียกชื่อเล่นเรา เสียงเย็นๆช้าๆยาวๆ "หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน"
ตอนนั้นดึกแล้วค่ะ เกือบห้าทุ่มแล้ว พอได้ยินก็มองหน้ากันทันที คือรู้ค่ะว่าไม่ใช่คนในบ้านเราแน่
แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยหน้ากลัวเท่าไหร่ค่ะ ต้องเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี่เจอแบบระยะใกล้และชัดมากแบบ HD เลย
ก็คือเรายังนอนที่บ้านหลังเดิมปกติค่ะ ตอนนั้นอยู่มอต้นแล้ว ก็เจอเรื่องพวกนี้เรื่อยๆ จนเริ่มชิน ไม่ได้กลัวมากแล้ว
ตอนนั้นไม่ได้นอนกับตายายแล้วเพราะตากับยายย้ายไปนอนบ้านอีกหลังที่มีชั้นล่าง เพราะท่านแก่แล้วขึ้นลงบันไดลำบาก
เราก็นอนบ้านหลังเดิมกับพี่สาวสองคน แต่เปลี่ยนที่นอนแล้วนะคะ จะย้ายไปนอนด้านในบ้านแล้ว ไม่ได้นอนที่เดิมที่นอนกับตายาย
ก็กางมุ้งนอนเหมือนเดิมค่ะ ตอนนั้นตีหนึ่งกว่าแล้วจำได้คืนนั้นดู FiveLive เพิ่งจบ พี่สาวหลับก่อนค่ะนางเป็นคนหลับง่ายปลุกยากอยู่แล้ว
เราก็เริ่มจะง่วงแล้วจึงปิดทีวี ปิดไฟเตรียมตัวจะนอน
ก่อนนอนจะต้องเปิดเพลงฟังก่อนนอน เพราะไม่ชอบความเงียบ มันน่ากลัว
ก็เปิดเพลงฟังสักไม่ถึง 15 นาที ตอนนั้นยังไม่ได้หลับนะคะ แค่ง่วง ก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แสงในโทรศัพท์มันก็แยงตา ปวดตาค่ะ
ก็เลยคว่ำหน้าจอลง เพราะง่วงมากแล้ว ก็หลับตาค่ะแต่ยังไม่ได้หลับ
ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดิมลากเท้าบนบ้านนี่แหละค่ะ ค่อยๆลาก เสียงเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ
จากง่วงก็เริ่มกลัวแล้ว เพราะมันเสียงใกล้มาก แต่เสียงมันก็เงียบไปแล้ว
ก็เลยลืมตาดูว่ามันคือเสียงอะไร ตาเลยมองไปที่ปลายเท้าพี่สาวค่ะ มีผู้ชายแก่ๆร่างเล็ก ตัวผอมๆ แต่ที่เห็นคือร่างเขามันโปร่ง เป็นสีขาวมองทะลุ
ออกไปได้ นั่งกอดเข่าอยู่ที่ปลายเท้าพี่สาว แต่เขานั่งอยู่นอกมุ้งนะคะไม่ได้เข้ามาในมุ้ง ซึ่งใกล้เรามากเช่นกันเพราะเรานอนข้างพี่สาว
เรากลัวมาก รีบปลุกพี่สาวเพราะกลัวเขาจะเข้ามาในมุ้ง เราเขย่าพี่สาวเราแรงมากๆมากจริงๆ แต่พี่เราไม่ยอมตื่น เราปลุกพี่เราเกือบสิบนาที
ไม่มีท่าทีว่านางจะตื่นเลย ตอนนั้นกลัวมากขาแข็งขยับตัวไม่ได้เลย เขาก็นั่งกอดเขาก้มหน้าอยู่แบบนั้น สวดมนต์อะไรไม่รุ้มั่วไปหมด สวดนานนะจนเผลอหลับไป จนถึงเช้า
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร พอตื่นเช้ามา ถามพี่สาวว่าเมื่อคืนปลุกเขย่าแรง และนานเป็นสิบนาที
ไม่รู้สึกตัวเลยหรอ นางบอกก็หลับสบายดีนิ ไม่เห็นรู้สึกเลย ก็เลยเล่าเรื่องเมื่อคืนให้นางฟัง นางไม่เชื่อ
หาว่าเราขี้โม้ เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันถ้าไม่ได้เจอเองกับเรื่องพวกนี้
ไปหาหมอดูหลายคน พระก็บอกว่าเราเป็นมีบุญและก็มีเซ้นส์พอสมควรเลย แต่จริงๆเราเป็นคนขี้เกียจตื่นไปทำบุญใส่บาตรนะ
เราก็ทำบุญนะ แต่ชอบทำทานมากกว่า คนทำบุญเยอะแล้วทำทานบ้าง ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนกว่าเราเป็นการทำบุญที่ได้ให้และได้รับ
แบบทันทีเราคิดแบบนี้ อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เห็นผีบ่อยๆหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะ
การที่เราเห็นผีหรือวิญญาณอะไรต่างๆ ก็ทำให้เราคิดได้นะว่า ในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราควรทำกรรมดี คิดดีทำดีกับทุกๆคนรอบๆตัวเรา
ตายไปเราก็ไม่มีโอกาศได้ทำแล้ว บางทีการเห็นผีก็ดีนะ ทำให้เราเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น สวดมนต์บ่อยขึ้น เข้าวัดธรรมบุญบ่อยขึ้น
เพื่อนๆลองเจอผีกันบ้างสิสนุกนะ
เจอผีบ่อยๆ ให้ชีวิตเปลี่ยน ไม่เชื่อลองเจอสิ !
แต่พอมาวันนึง ได้เจอเข้าจริงๆ
เคยได้ยินไหมคะ ว่ามีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อๆไปตามมา
ใช่ค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เจอผีครั้งแรกให้ฟังกัน
*โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะคะ
แต่ขอนั่งยัน นอนยันเลยว่า เป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็น !
ตอนเด็กตอนนั้นเด็กมาแต่ก็รู้เรื่องแล้วนะคะประมาณ4-5ขวบ
ก็นอนปกติ ซึ่งจะนอนกับตายาย เป็นคนที่ติดตากับยายมากกกก รักมากกก นอนกับท่านทุกคืนตั้งแต่จำความได้
บ้านของตายายจะเป็นบ้านไม้กึ่งทรงไทยค่ะ ใต้ถุนสูงชั้นเดียว คือไม่เป็นทรงไทยจ๋า แต่มีส่วนที่ต่อเติมออกมาเป็นบ้านธรรมดา
บ้านเก่าค่ะ (ถ้านับอายุปัจจุบันก็ประมาณ 80ปีup) ตอนนั้นบ้านจะมีนอกชาน โปร่งๆไว้นอนลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งคืน
แต่นอกชานจะเป็นไม่กว้างประมาณ3นิ้ว ตีห่างๆแต่ไม่มาก (คล้ายกรงค่ะ)ระยะความห่างของไม้แต่ละผ่านประมาณ 4-5นิ้ว (นึกภาพออกนะคะ)
แต่โปร่งลมพัดเย็นสบายมาก ก็กางมุ้งนอนกันสามตายายหลาน หลานนอนตรงการ ตานอนซ้าย ยายนอนขวา ก็นอนปกติค่ะ
แล้วคืนนั้นก็ตื่นขึ้นมากลางดึก ตื่นมาก็เป็นธรรมดาของคนน่ะค่ะ ต้องมองไปรอบๆอยู่แล้ว มองไปมองมาด้วยความที่นอนไม่หลับ
ก็จะหันไปหายายที่นอนทางขวามือ แต่ตาดันมองเลยยายออกไปนอกมุ้งคือ เห็นใครอยู่ข้างนอกบ้าน ตอนนั้นเริ่มกลัวแล้ว
แต่ยังไม่ค่อยชัดเพราะเป็นการมองโดนการเงยมองไปทางขวาของสายตาในท่านอน ก็เลยมองชัดๆอีกครั้งแบบเต็มๆตาว่าที่เห็นคืออะไร
ก็เห็นผู้ชายไว้ผมแซกกลาง ทรงเดียวกับนายจันทร์ หนวดเขี้ยวอ่ะค่ะ หน้าก็คล้ายๆนะ มีหนวดยาวๆผมแสกกลาง หน้าเขียวๆ ลอยอยู่ค่ะ
และที่สำคัญเขาคือ เขาไม่มีตัวมีแต่หัว และมองมาทางเรา จ้องเราแบบไม่กระพริบเลย ตอนนั้นเราคิดแล้วว่าสิ่งที่เห็นมันคือผีแน่ๆ ก็รีบเอาหมอนปิดหน้า
เพราะไม่อยากเห็นและไม่อยากให้เขาจ้องเรา สัก10นาที เราก็ยังไม่หลับเราก็ลองเปิดหมอนดู เค้ายังอยู่ที่เดิมค่ะ จ้องอยู่เหมือนเดิม ลอยอยูที่เดิม
คราวนี้เอาหมอนปิดหน้าแล้วหลับไปถึงเช้า
เช้าแล้วพอตื่นขึ้นมากลัวมาก ไม่กล้าผ่านตรงที่เห็นเมื่อคืน ซึ่งตรงนั้นก็เป็นบริเวณใกล้ประตูบ้านก็กลัวมากค่ะ ไม่กล้าผ่านเลยจริงๆ ตั้งแต่นั้นมากก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นคือผีจริงๆนี่เอง
หลังจากเจอวันนั้นเราก็ไม่กล้าถามใครนะคะ ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ไม่อยากรู้เพราะกลัวจริงๆ แต่แค่รู้ว่าที่บริเวณบ้านเคยเป็นป่าช้าเก่าค่ะ
เพราะอยู่ใกล้กับวัดมาก่อน บางคนก็บอกเคยเป็นนาซึ่งเป็นสนามรบในสมัยก่อน
แล้วเหมือนว่าพอได้เห็นได้เจอกับเรื่องแบบนี้สักครั้ง ครั้งต่อไปก็ตามมาเองไปโดยปริยาย
พอหลังจากวันนั้นก็เริ่มเจอบ่อยๆๆ บางทีก็ได้ยินคนเรียกที่หน้าบันไดบ้าน (บันไดอยู่นอกตัวบ้าน)
อันนี้พี่สาวก็ได้ยินค่ะ เป็นเสียงผู้ชาย ไม่คุ้น เรียกชื่อเล่นเรา เสียงเย็นๆช้าๆยาวๆ "หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน"
ตอนนั้นดึกแล้วค่ะ เกือบห้าทุ่มแล้ว พอได้ยินก็มองหน้ากันทันที คือรู้ค่ะว่าไม่ใช่คนในบ้านเราแน่
แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยหน้ากลัวเท่าไหร่ค่ะ ต้องเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี่เจอแบบระยะใกล้และชัดมากแบบ HD เลย
ก็คือเรายังนอนที่บ้านหลังเดิมปกติค่ะ ตอนนั้นอยู่มอต้นแล้ว ก็เจอเรื่องพวกนี้เรื่อยๆ จนเริ่มชิน ไม่ได้กลัวมากแล้ว
ตอนนั้นไม่ได้นอนกับตายายแล้วเพราะตากับยายย้ายไปนอนบ้านอีกหลังที่มีชั้นล่าง เพราะท่านแก่แล้วขึ้นลงบันไดลำบาก
เราก็นอนบ้านหลังเดิมกับพี่สาวสองคน แต่เปลี่ยนที่นอนแล้วนะคะ จะย้ายไปนอนด้านในบ้านแล้ว ไม่ได้นอนที่เดิมที่นอนกับตายาย
ก็กางมุ้งนอนเหมือนเดิมค่ะ ตอนนั้นตีหนึ่งกว่าแล้วจำได้คืนนั้นดู FiveLive เพิ่งจบ พี่สาวหลับก่อนค่ะนางเป็นคนหลับง่ายปลุกยากอยู่แล้ว
เราก็เริ่มจะง่วงแล้วจึงปิดทีวี ปิดไฟเตรียมตัวจะนอน
ก่อนนอนจะต้องเปิดเพลงฟังก่อนนอน เพราะไม่ชอบความเงียบ มันน่ากลัว
ก็เปิดเพลงฟังสักไม่ถึง 15 นาที ตอนนั้นยังไม่ได้หลับนะคะ แค่ง่วง ก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แสงในโทรศัพท์มันก็แยงตา ปวดตาค่ะ
ก็เลยคว่ำหน้าจอลง เพราะง่วงมากแล้ว ก็หลับตาค่ะแต่ยังไม่ได้หลับ
ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดิมลากเท้าบนบ้านนี่แหละค่ะ ค่อยๆลาก เสียงเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ
จากง่วงก็เริ่มกลัวแล้ว เพราะมันเสียงใกล้มาก แต่เสียงมันก็เงียบไปแล้ว
ก็เลยลืมตาดูว่ามันคือเสียงอะไร ตาเลยมองไปที่ปลายเท้าพี่สาวค่ะ มีผู้ชายแก่ๆร่างเล็ก ตัวผอมๆ แต่ที่เห็นคือร่างเขามันโปร่ง เป็นสีขาวมองทะลุ
ออกไปได้ นั่งกอดเข่าอยู่ที่ปลายเท้าพี่สาว แต่เขานั่งอยู่นอกมุ้งนะคะไม่ได้เข้ามาในมุ้ง ซึ่งใกล้เรามากเช่นกันเพราะเรานอนข้างพี่สาว
เรากลัวมาก รีบปลุกพี่สาวเพราะกลัวเขาจะเข้ามาในมุ้ง เราเขย่าพี่สาวเราแรงมากๆมากจริงๆ แต่พี่เราไม่ยอมตื่น เราปลุกพี่เราเกือบสิบนาที
ไม่มีท่าทีว่านางจะตื่นเลย ตอนนั้นกลัวมากขาแข็งขยับตัวไม่ได้เลย เขาก็นั่งกอดเขาก้มหน้าอยู่แบบนั้น สวดมนต์อะไรไม่รุ้มั่วไปหมด สวดนานนะจนเผลอหลับไป จนถึงเช้า
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร พอตื่นเช้ามา ถามพี่สาวว่าเมื่อคืนปลุกเขย่าแรง และนานเป็นสิบนาที
ไม่รู้สึกตัวเลยหรอ นางบอกก็หลับสบายดีนิ ไม่เห็นรู้สึกเลย ก็เลยเล่าเรื่องเมื่อคืนให้นางฟัง นางไม่เชื่อ
หาว่าเราขี้โม้ เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันถ้าไม่ได้เจอเองกับเรื่องพวกนี้
ไปหาหมอดูหลายคน พระก็บอกว่าเราเป็นมีบุญและก็มีเซ้นส์พอสมควรเลย แต่จริงๆเราเป็นคนขี้เกียจตื่นไปทำบุญใส่บาตรนะ
เราก็ทำบุญนะ แต่ชอบทำทานมากกว่า คนทำบุญเยอะแล้วทำทานบ้าง ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนกว่าเราเป็นการทำบุญที่ได้ให้และได้รับ
แบบทันทีเราคิดแบบนี้ อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เห็นผีบ่อยๆหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะ
การที่เราเห็นผีหรือวิญญาณอะไรต่างๆ ก็ทำให้เราคิดได้นะว่า ในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราควรทำกรรมดี คิดดีทำดีกับทุกๆคนรอบๆตัวเรา
ตายไปเราก็ไม่มีโอกาศได้ทำแล้ว บางทีการเห็นผีก็ดีนะ ทำให้เราเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น สวดมนต์บ่อยขึ้น เข้าวัดธรรมบุญบ่อยขึ้น
เพื่อนๆลองเจอผีกันบ้างสิสนุกนะ