เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ของเรานั้นอยู่ในอันดับที่ 63 ของโลก เบอร์ 10 ของเอเชีย และอันดับ 1 ในอาเซียน
อ้างอิงจาก
http://www.iffhs.de/the-worlds-strongest-national-league-2014/
อีกทั้งยังมีเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจนี้กว่า พันล้านบาท วันนี้ thaiwinds จะพาทุกท่านมาดู รายได้ กำไร ขาดทุน ของแต่ละสโมรสรมีอยู่เท่าไหร่กันบ้าง โดยข้อมูลนี้โพสต์โดย คุณ SM7 สมาชิกเว็บไซต์ฟุตบอลชื่อดังของไทยอย่าง soccersuck.in.th นั่นเองครับ
เรามาเริ่มกันที่รายได้กันก่อนครับ โดยที่บุรีรัมย์ทำรายได้สูงสุดในปี 2556 ยอดทะลุกว่า 400 ล้านบาท ตามมาด้วย เมืองทอง ยูไนเต็ด 300 ล้านบาท โดยมี บีอีซี เทโร ศาสน, บางกอกกล๊าซเอฟซี(บีจี), สุพรรณบุรี, ชลบุรี เอฟซี และ อาร์มี่ ยูนไนเต็ด ทำรายได้ทะลุ 100 บ่ทขึ้นไป ส่วนที่เหลือไม่ถึง 100 ล้านตามลำดับ
พอมีรายรับแล้วเรามาดูกันครับว่า ในรายรับเหล่านั้น แต่ละทีมมีกำไรกันมากน้อยแค่ไหน
เมืองทอง ยูไนเต็ด กำไรเยอะที่สุดในปี 2555 และขาดทุนมากที่สุด ในปี 2556 เป็นที่ทราบกันดีว่า เมืองทองยูไนเต้ดเป็นอีก 1 ทีม ที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยในเรื่องการทำประชาสัมพันธ์ การตลาด รวมไปถึงผลการแข่งขัน ก็เป็นที่น่าพอใจไม่น้อยสำหรับแฟนบอล ทำให้ในปี 2555 จึงสามารถทำกำไรได้เยอะ และในปี 2556 ที่เห็นขาดทุนคาดว่าจะมาจากการลงทุนในสโมสร รวมไปถึง การซื้อนักเตะ
บุรีรัมย์ และ บางกอกกล๊าส ลดขาดทุนและคาดว่าจะพลิกมาเป็นกำไรในปี 2557-2558
สุพรรณบุรี พลิกขาดทุนกลับมาทำกำไรได้แล้ว
ชัยนาทและทรู(คาดว่าคือแบงค๊อก ยูนไเต็ด) ลดขาดทุนลงมาเรื่อยๆ
เชียงราย ,บีอีซี เทโร และอาร์มี่กำไรทั้ง 2 ปี
สรุป โดยรวมแล้วทีมใหญ่ๆมีการลงทุนกันอย่างต่อเนื่องทำให้ผลประกอบการณ์ไม่ดีนักก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีครับ ส่วนทีมเล็ก บางทีมนอกจากจะขาดทุนน้อยลงแล้ว ยังสามารถทำกำไรได้อีกต่างหาก แบบนี้ยอดเยี่ยมไปเลยครับ
ท้ายนี้จะเป็นตัวเลขที่เคยมีการเปิดเผย ถ้าคุณไม่เคยดูบอลไทยแล้วเพิ่งมาดูเร็วๆนี้ คุณอาจจะตกใจกับตัวเลขเหล่านี้ก็ได้ครับ
600 ล้านบาท คือเงินที่สโมสร เมืองทองยูไนเต็ดเคยได้รับจากการสนับสนุนของ SCG
1,800 ล้านบาท คือเงินที่ทรูจ่ายเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอาชีพไทย ต่อเนื่องอีก 3 ฤดูกาล โดยได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลทั้ง 4 รายการ คือ การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอล ไทย พรีเมียร์ลีก , การแข่งขันฟุตบอลลีกวัน , การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ และ การแข่งขันฟุตบอลลีกคัพ ประจำปี 2557-2559 รวมค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมด 1,800 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 ปี ปีละ 600 ล้านบาท
1,000 ล้านบาท คือมูลค่าของไทยพรีเมียร์ในฤดูกาลปัจจุบัน
350 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
300 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
170 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ สุพรรณบุรี เอฟซี
120 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ บีอีซี เทโรศาสน
110 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ แบงค็อก ยูไนเต็ด
100 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ ชลบุรี เอฟซี
100 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ อาร์มี่ ยูไนเต็ด
100 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
101 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ โอสถสภา เอ็ม 150
80 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
80 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี
50 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ ทีโอที เอสซี
30 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ สโมสรราชนาวี เอฟซี
20 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ การท่าเรือ เมืองไทยประกันภัย เอฟซี
70 ล้านบาท คือรายได้จากการขายบัตรเข้าชมการแข่งขันและของที่ระลึก ของโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
20 ล้านบาท คือจำนวนสนับสนุนที่ทีมในไทย พรีเมียร์ลีกจะได้รับสมาคมฟุตบอล
10 ล้านบาท คือจำนวนเงินที่แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกจะได้รับ
1.9 ล้านคน คือจำนวนผู้ชมทั้งหมดในฤดูกาล 2557
200 ล้านบาท คือค่าตัวขั้นต่ำของ “ธีรศิลป์ แดงดา” กองหน้าทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เอสซีจี เมืองไทย ยูไนเต็ด
1,000,000 บาท คือรายได้ของ”ธีรศิลป์ แดงดา”ที่ได้รับต่อเดือนในขณะที่ถูกยืมตัวไปอยู่ มโมสร อัลเมเรีย(บางสื่อระบุ 1.2 ล้าน)
1,760,000 บาท คือรายได้ของ เจย์ ซิมสัน ศูนย์หน้าของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่เคยได้รับต่อเดือน
1,280,000 บาท คือรายได้ของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ นักเตะทีมชาติมาซิโดเนีย ตัวหลักของเอสซีจี เมืองทอง ที่เคยได้รับต่อเดือน
1,120,000 บาท คือรายได้ของ คาร์เมโล่ กอนซาเลซ ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เคยได้รับต่อเดือน
1,000,000 บาท คือรายได้ของ เจ โบธรอยด์ ที่เคยได้รับต่อเดือน
เรียบเรียงโดย www.facebook.com/tplig
Cr.
http://www.thaiwinds.com/7299
เปิดรายได้สโมสรฟุตบอลไทย 2555-2556 บุรีรัมย์ทำรายได้สูงสุด เมืองทองขาดทุนเกือบร้อยล้าน
อ้างอิงจาก http://www.iffhs.de/the-worlds-strongest-national-league-2014/
อีกทั้งยังมีเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจนี้กว่า พันล้านบาท วันนี้ thaiwinds จะพาทุกท่านมาดู รายได้ กำไร ขาดทุน ของแต่ละสโมรสรมีอยู่เท่าไหร่กันบ้าง โดยข้อมูลนี้โพสต์โดย คุณ SM7 สมาชิกเว็บไซต์ฟุตบอลชื่อดังของไทยอย่าง soccersuck.in.th นั่นเองครับ
เรามาเริ่มกันที่รายได้กันก่อนครับ โดยที่บุรีรัมย์ทำรายได้สูงสุดในปี 2556 ยอดทะลุกว่า 400 ล้านบาท ตามมาด้วย เมืองทอง ยูไนเต็ด 300 ล้านบาท โดยมี บีอีซี เทโร ศาสน, บางกอกกล๊าซเอฟซี(บีจี), สุพรรณบุรี, ชลบุรี เอฟซี และ อาร์มี่ ยูนไนเต็ด ทำรายได้ทะลุ 100 บ่ทขึ้นไป ส่วนที่เหลือไม่ถึง 100 ล้านตามลำดับ
พอมีรายรับแล้วเรามาดูกันครับว่า ในรายรับเหล่านั้น แต่ละทีมมีกำไรกันมากน้อยแค่ไหน
เมืองทอง ยูไนเต็ด กำไรเยอะที่สุดในปี 2555 และขาดทุนมากที่สุด ในปี 2556 เป็นที่ทราบกันดีว่า เมืองทองยูไนเต้ดเป็นอีก 1 ทีม ที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยในเรื่องการทำประชาสัมพันธ์ การตลาด รวมไปถึงผลการแข่งขัน ก็เป็นที่น่าพอใจไม่น้อยสำหรับแฟนบอล ทำให้ในปี 2555 จึงสามารถทำกำไรได้เยอะ และในปี 2556 ที่เห็นขาดทุนคาดว่าจะมาจากการลงทุนในสโมสร รวมไปถึง การซื้อนักเตะ
บุรีรัมย์ และ บางกอกกล๊าส ลดขาดทุนและคาดว่าจะพลิกมาเป็นกำไรในปี 2557-2558
สุพรรณบุรี พลิกขาดทุนกลับมาทำกำไรได้แล้ว
ชัยนาทและทรู(คาดว่าคือแบงค๊อก ยูนไเต็ด) ลดขาดทุนลงมาเรื่อยๆ
เชียงราย ,บีอีซี เทโร และอาร์มี่กำไรทั้ง 2 ปี
สรุป โดยรวมแล้วทีมใหญ่ๆมีการลงทุนกันอย่างต่อเนื่องทำให้ผลประกอบการณ์ไม่ดีนักก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีครับ ส่วนทีมเล็ก บางทีมนอกจากจะขาดทุนน้อยลงแล้ว ยังสามารถทำกำไรได้อีกต่างหาก แบบนี้ยอดเยี่ยมไปเลยครับ
ท้ายนี้จะเป็นตัวเลขที่เคยมีการเปิดเผย ถ้าคุณไม่เคยดูบอลไทยแล้วเพิ่งมาดูเร็วๆนี้ คุณอาจจะตกใจกับตัวเลขเหล่านี้ก็ได้ครับ
600 ล้านบาท คือเงินที่สโมสร เมืองทองยูไนเต็ดเคยได้รับจากการสนับสนุนของ SCG
1,800 ล้านบาท คือเงินที่ทรูจ่ายเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอาชีพไทย ต่อเนื่องอีก 3 ฤดูกาล โดยได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลทั้ง 4 รายการ คือ การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอล ไทย พรีเมียร์ลีก , การแข่งขันฟุตบอลลีกวัน , การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ และ การแข่งขันฟุตบอลลีกคัพ ประจำปี 2557-2559 รวมค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมด 1,800 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 ปี ปีละ 600 ล้านบาท
1,000 ล้านบาท คือมูลค่าของไทยพรีเมียร์ในฤดูกาลปัจจุบัน
350 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
300 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
170 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ สุพรรณบุรี เอฟซี
120 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ บีอีซี เทโรศาสน
110 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ แบงค็อก ยูไนเต็ด
100 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ ชลบุรี เอฟซี
100 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ อาร์มี่ ยูไนเต็ด
100 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
101 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ โอสถสภา เอ็ม 150
80 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
80 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี
50 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ ทีโอที เอสซี
30 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ สโมสรราชนาวี เอฟซี
20 ล้านบาท คือทุนทำทีมปี 2015 ของ การท่าเรือ เมืองไทยประกันภัย เอฟซี
70 ล้านบาท คือรายได้จากการขายบัตรเข้าชมการแข่งขันและของที่ระลึก ของโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
20 ล้านบาท คือจำนวนสนับสนุนที่ทีมในไทย พรีเมียร์ลีกจะได้รับสมาคมฟุตบอล
10 ล้านบาท คือจำนวนเงินที่แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกจะได้รับ
1.9 ล้านคน คือจำนวนผู้ชมทั้งหมดในฤดูกาล 2557
200 ล้านบาท คือค่าตัวขั้นต่ำของ “ธีรศิลป์ แดงดา” กองหน้าทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เอสซีจี เมืองไทย ยูไนเต็ด
1,000,000 บาท คือรายได้ของ”ธีรศิลป์ แดงดา”ที่ได้รับต่อเดือนในขณะที่ถูกยืมตัวไปอยู่ มโมสร อัลเมเรีย(บางสื่อระบุ 1.2 ล้าน)
1,760,000 บาท คือรายได้ของ เจย์ ซิมสัน ศูนย์หน้าของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่เคยได้รับต่อเดือน
1,280,000 บาท คือรายได้ของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ นักเตะทีมชาติมาซิโดเนีย ตัวหลักของเอสซีจี เมืองทอง ที่เคยได้รับต่อเดือน
1,120,000 บาท คือรายได้ของ คาร์เมโล่ กอนซาเลซ ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เคยได้รับต่อเดือน
1,000,000 บาท คือรายได้ของ เจ โบธรอยด์ ที่เคยได้รับต่อเดือน
เรียบเรียงโดย www.facebook.com/tplig
Cr.http://www.thaiwinds.com/7299